“บ้านเรืองเคียงกัน ตอน ๒”

๑.เก็บสินค้าในตึกมีน้ำหนักเกินอัตราที่พื้นคอนกรีตชั้นล่างจะรับได้ ทำให้พื้นคอนกรีตยุบต่ำลงเป็นเหตุให้ตึกใกล้เคียงทรุด พื้นคอนกรีต คาน ผนังแตกร้าว ตึกเอน เป็นการใช้สิทธิ์ที่มีแต่จะก่อให้เกิดความเสียหายจึงต้องรับผิด คำพิพากษาฏีกา ๑๙๘๒/๒๕๑๘
๒.สร้างหลังคาสังกะสีมาบนกำแพงรั้วที่ติดกับที่ดินคนอื่น ใช้กำแพงรั่วเป็นฝาห้องด้านล่างใช้กระเบื้องซีเมนต์กันต่อไปถึงหลังคาใช้ปูนซีเมนต์เชื่อมรอยต่อระหว่างหลังคากับรั้ว ทำให้ฝนไม่สาดเข้าไปในอาคาร แต่ไหลเข้าไปในที่ดินข้างเคียง เป็นการใช้สิทธิที่รังแต่จะก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลอื่น เจ้าของที่ดินข้างเคียงมีสิทธิ์ที่จะปฏิบัติการเพื่อยังให้ความเสียหายหรือเดือดร้อนรำคาญหายไป คำพิพากษาฏีกา ๗๓๗/๒๕๓๗
๓.สร้างตึกผิดกฎหมาย เป็นเรื่องที่เจ้าพนักงานต้องเข้าไปดำเนินการ จำเลยไม่มีสิทธิ์อ้างเหตุดังกล่าวมาสร้างแผ่นกั้นจนบังแดดบังลมที่จะเข้าตึก แม้จะสร้างในที่ของตนก็เป็นการใช้สิทธิ์ที่มีแต่ความเสียหายแก่บุคคลอื่น คำพิพากษาฏีกา ๒๒๐/๒๕๓๘
๔.สร้างโรงภาพยนตร์ในที่ดินของตน การตอกเสาเข็มทำให้ตึกข้างเคียงสะเทือนดาดฟ้าร้าวเป็นละเมิด คำพิพากษาศาลฏีกา ๙๔๐/๒๕๐๑
ข้อสังเกต ๑. แม้จะนำสินค้าเก็บในตึกของตนเองก็ตาม เป็นการใช้สิทธิ์ตามปกติตามกฎหมายก็ตาม แต่การที่สินค้ามีน้ำหนักมากจนพื้นคอนกรีตไม่สามารถรับไว้จนพื้นคอนกรีตยุบต่ำเป็นเหตุให้ผนังตึก คาฯพื้นคอนกรีตและตึกที่อยู่ติดกันเอนเกิดความเสียหาย ต้องรับผิดในความเสียหายที่เกิด จะอ้างว่าตนเก็บสินค้าในตึกของตนเป็นการใช้สิทธิ์ตามปกติของตนไม่ได้ แม้จะเป็นการใช้สิทธิ์ตามปกติแต่ก็เป็นการใช้สิทธิ์ที่รังแต่จะก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลอื่น จึงต้องรับผิดในความเสียหายที่เกิด เพราะการที่นำสินค้าที่มีน้ำหนักมากเกินกว่าที่ตึกระรับน้ำหนักได้มาเก็บไว้ย่อมคาดหมายได้ว่าตึกอาจรับน้ำหรนักไม่ได้ การที่พื้นคอนกรีตยุบเป็นผลโดยตรงจากการวางสินค้าที่มีน้ำหนักมากเกินไป หากไม่วางน้ำหนักมากเกินไปตึกและคานไม่ทรุด ดังนั้นการที่คานและพื้นทรุดจึงเป็นผลโดยตรงจากการนำสินเค้ามาเก็บตามทฤษฏีผลโดยตรง จำเลยจึงต้องรับผิด
๒.สร้างหลังคาสังกะสีมาบนกำแพงรั้วที่ติดกับที่ดินคนอื่น ใช้กำแพงรั่วเป็นฝาห้องด้านล่างใช้กระเบื้องซีเมนต์กันต่อไปถึงหลังคาใช้ปูนซีเมนต์เชื่อมรอยต่อระหว่างหลังคากับรั้ว ทำให้ฝนไม่สาดเข้าไปในอาคาร แต่ไหลเข้าไปในที่ดินข้างเคียง แม้ตาม ป.พ.พ. มาตรา ๑๓๔๔ ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่า รั้วและกำแพงเป็นของเจ้าของที่ดินทั้งสองข้างเป็นเจ้าของร่วมกันก็ตาม ทำให้เจ้าของที่ดินทั้งสองข้างสามารถใช้สอยร่วมกันได้ก็ตาม แต่การก่อสร้างสิ่งหนึ่งสิ่งใดต้องเป็นไปตามพรบ.ควบคุมอาคารที่จะไม่ก่อสร้างติดกำแพงรั่ว เพื่อกันการปิดทางลมทางแดดและป้องกันน้ำฝนกระเด็นไปยังที่ดินข้างเคียงเพื่อกันการทะเลาะกัน โดยพรบ.ควบคุมอาคารฯบัญญัติการก่อสร้างอาคารโรงเรือนสิ่งก่อสร้าง ต้องเว้นระยะห่างการก่อสร้างไม่ให้ติดแนวรั่วของบ้านข้างเคียง การสร้างสิ่งก่อสร้างติดผนังกำแพงบ้านใกล้เคียงย่อมเป็นการไม่ปฏิบัติตามกฎหมายตามพรบ.ควบคุมอาคารฯ ทั้งตาม ป.พ.พ. มาตรา ๑๓๔๑ ได้บัญญัติห้ามไม่ให้เจ้าของอสังหาริมทรัพย์ทำหลังคาหรือการก่อสร้างอย่างอื่น ทำให้น้ำฝนตกลงไปยังทรัพย์สินซึ่งอยู่ติดกัน เมื่อการกระทำดังกล่าวก่อให้เกิดความเสียหายเกิดขึ้นโดยกระทำการฝ่าฝืนบทบัญญัติกฏหมายตามพรบ.ควบคุมอาคารและตาม ป.พ.พ. มาตรา ๑๓๔๑ ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อปกป้องบุคคลอื่น ป.พ.พ. มาตรา ๔๒๒ ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าจำเลยเป็นคนผิด การก่อสร้างดังกล่าวจึงเป็นการใช้สิทธิที่รังแต่จะก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลอื่น เมื่อสร้างแล้วมีผลทำให้น้ำฝนไหลเข้าไปในที่ดินข้างเคียงมากกว่าปกติ เจ้าของที่ดินข้างเคียงมีสิทธิ์ที่จะปฏิบัติการเพื่อยังให้ความเสียหายหรือเดือดร้อนรำคาญหายไปได้ ป.พ..พ. มาตรา ๑๓๓๗
๓.การสร้างตึกผิดกฎหมาย จะต้องดำเนินการตามกฏหมายอย่างไรเป็นเรื่องที่เจ้าพนักงานต้องเข้าไปดำเนินการ จำเลยไม่มีสิทธิ์อ้างเหตุดังกล่าวมามาเพื่อตอบโต้หรือทำผิดกฏหมายเสียเองเพื่อตอบโต้หรือรักษาสิทธิ์ของตน แต่เป็นเรื่องที่พนักงานเจ้าหน้าที่ต้องดำเนินการตามที่กฎหมายบัญญัติต่อไป ดังนั้นการที่จำเลยสร้างแผ่นกั้นจนบังแดดบังลมที่จะเข้าตึก แม้จะสร้างในที่ของตนก็เป็นการใช้สิทธิ์ที่มีแต่ความเสียหายแก่บุคคลอื่น
๔.แม้จะมีสิทธิ์ทำได้ตามกฎหมาย แต่การใช้สิทธิ์ดังกล่าวต้องไม่กระทบหรือทำให้บุคคลอื่นได้รับความเสียหาย การสร้างโรงภาพยนตร์ในที่ดินของตนแม้จะกระทำในที่ดินของตนเองก็ตาม แต่ก็ต้องกระทำด้วยความระมัดระวังไม่ให้เกิดความเสียหายแก่เจ้าของที่ดินข้างเคียง การตอกเสาเข็มในที่ดินของตนโดยไม่หาวิธีป้องกันไม่ให้เจ้าของที่ดินข้างเคียงได้รับความเสียหาย การที่จำเลยตอกเสาเข็มแม้ตอกในที่ดินของตนแต่เมื่อกระทำแล้วเป็นเหตุให้ตึกข้างเคียงสะเทือนดาดฟ้าร้าวเป็นการกระทำละเมิด เพราะเป็นการใช้สิทธิ์ของตนที่รังแต่จะก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลอื่นเป็นการอันไม่ชอบด้วยกฏหมาย