๑.ฟ้องเคลือบคลุมหรือไม่ คำพิพากษาฏีกา ๗๙๙/๒๔๗๘
๒.ศาลวางบทกำหนดโทษจำเลยไม่ถูกต้อง คำพิพากษาฏีกา ๙๐๐/๒๔๗๘
๓.การพนันที่โจทก์อ้างไม่ใช่ไพ่ป็อก ตามฟ้อง คำพิพากษาฏีกา ๒๓๗/๒๔๘๔
๔.ศาลรับฟังพยานหลักฐานไม่ถูกต้อง คำพิพากษาฏีกา ๖๑๖/๒๔๘๖
๕.ผู้เสียหายได้รับอันตรายสาหัสหรือไม่ คำพิพากษาฏีกา ๖๑๗/๒๕๐๓
๖.พยานโจทก์เบิกความขัดแย้งกันทำให้ไม่พอฟังลงโทษจำเลย คำพิพากษาฏีกา ๓๒๘/๒๕๑๑
๗.กฏหมายออกใหม่เป็นคุณแก่จำเลย คำพิพากษาฏีกา ๑๓๘๑/๒๕๑๖
๘.พรบ.อาวุธปืนฯออกใหม่ระบุการกระทำจำเลยไม่ต้องรับโทษ คำพิพากษาฏีกา๘๘๙/๒๕๐๓
๙.การกระทำเป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท คำพิพากษาฏีกา ๑๗๔๕/๒๕๓๕,๕๕๑๓/๒๕๔๑
๑๐.คดีขาดอายุความตาม ป.อ. มาตรา ๙๕ คำพิพากษาฏีกา ๑๐๓๑/๒๔๙๘
๑๑.คดีขาดอายุความร้องทุกข์ คำพิพากษาฏีกา ๗๘๗/๒๕๓๒
๑๒.ฟ้องว่าจำเลยให้และรับสินบน ปรากฏว่าสัญญานั้นไม่ใช่สัญญารับสินบน ศาลพิพากษายกฟ้องไปถึงจำเลยอื่นที่ไม่ได้อุทธรณ์ฏีกาได้ คำพิพากษาฏีกา ๕๐๐/๒๔๗๙
๑๓.ข้อเท็จจริงทางพิจารณาต่างจากฟ้อง คำพิพากษาฏีกา ๑๓๔๓/๒๔๗๙,๒๒๕/๒๔๙๗
๑๔.ยกฟ้องเพราะพยานโจทก์เหลวไหลฟังลงโทษจำเลยไม่ได้ คำพิพากษาฏีกา ๑๕๑๔/๒๔๗๙,๓๒๐/๒๔๙๑,๑๑๑๓/๒๕๐๖
๑๕.ศาลไม่เชื่อพยานโจทก์ที่พาดพิงถึงจำเลยคนใดเป็นเหตุส่วนตัวไม่ใช่เหตุในลักษณะคดี คำพิพากษาฏีกา ๒๕๑/๒๕๑๐๖๕๖/๒๕๐๘
๑๖.การกำหนดโทษและการไม่ลดมาตราส่วนโทษให้จำเลยสำหรับความผิดที่ร่วมกันเป็นตัวการปล้นทรัพย์ คำพิพากษาฏีกา ๑๔๒๓/๒๕๓๕
๑๗.สอบสวนโดยพนักงานสอบสวนที่ไม่มีเขตอำนาจ สอบสวนไม่ชอบด้วยกฎหมาย คำพิพากษาฏีกา ๓๗๑/๒๕๓๑
๑๘.ศาลเห็นว่าสภาพการกระทำความผิดไม่ร้ายแรง คำพิพากษาฏีกา ๘๕๐๓/๒๕๔๑
๑๙.จำเลยที่อุทธรณ์ และไม่อุทธรณ์ต่างรับสารภาพในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา คำพิพากษาฏีกา ๑๙๖๓/๒๕๓๑
ข้อสังเกต ๑. เหตุในลักษณะคดี หมายถึงเหตุที่เกิดขึ้นในคดีแล้วมีผลถึงจำเลยทุกคนแม้ไม่ได้อุทธรณ์ฏีกาก็ตาม ศาลสูงก็สามารถวินิจฉัยไปถึงจำเลยอื่นที่ไม่ได้อุทธรณ์ฏีกาได้
๒.หากฟ้องที่โจทก์ฟ้องเคลือบคลุม บรรยายการกระทำความผิดที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำความผิด ข้อเท็จจริงและลายละเอียดเกี่ยวกับเวลาและสถานที่ซึ่งเกิดการกระทำนั้นๆ อีกทั้งบุคคลสิ่งของที่เกี่ยวข้องแล้วจำเลยไม่สามารถเข้าใจได้ มีความขัดแย้งกันอยู่ในตัว ไม่อาจทราบได้ว่าจะไปทิศทางใด ดังนั้นปัญหาฟ้องเคลือบคลุมหรือไม่ จึงเป็นเหตุในลักษณะแห่งคดีที่มีผลไปถึงจำเลยอื่นที่ไม่ได้อุทธรณ์ฏีกา
๓.การที่ศาลวางบทกำหนดโทษจำเลยไม่ถูกต้องแล้วลงโทษจำเลยทุกคนไป แม้จำเลยบางคนอุทธรณ์ บางคนไม่อุทธรณ์ศาลก็พิพากษาไปถึงจำเลยที่ไม่อุทธรณ์ได้ด้วย เพราะการที่ศาลวางบทกำหนดโทษผิดไปทำให้จำเลยทุกคนต้องรับโทษเกินกว่าความเป็นจริงที่ควรได้รับ เป็นเหตุในลักษณะคดี
๔.การพนันที่โจทก์อ้างไม่ใช่ไพ่ป็อก ตามฟ้อง เมื่อฟ้องว่าเล่นการพนันไพ่ป๊อก แต่ทางพิจารณาได้ความว่าเป็นไพ่อย่างอื่นที่มีวิธีการเล่นแตกต่างกัน ทางพิจารณาต่างกับฟ้อง การที่ฟ้องว่าเป็นไพ่ป๊อกโจทก์ต้องนำสืบให้ได้ว่าเป็นไพ่ป๊อก จะไปนำสืบว่าเล่นการพนันไพ่อย่างอื่นไม่ได้ เมื่อการนำสืบไม่ได้ความว่าเป็นไพ่ป๊อก ศาลลงโทษฐานเล่นการพนันไพ่ป๊อกไม่ได้ เป็นการพิพากษาหรือสั่งเกินคำขอหรือที่ไม่ได้กล่าวมาในฟ้องตาม ป.ว.อ. มาตรา ๑๙๒ วรรคแรก
๕..การที่ศาลรับฟังพยานหลักฐานไม่ถูกต้อง โดยรับฟังพยานหลักฐานนอกสำนวนที่พยานไม่ได้เบิกความถึง หรือรับฟังข้อเท็จจริงแตกต่างจากที่พยานเบิกความ เป็นการรับฟังพยานหลักฐานไม่ถูกต้อง แล้วลงโทษจำเลยเป็นผลร้ายแก่จำเลยทุกคน จึงเป็นเหตุในลักษณะในคดีที่มีผลไปถึงจำเลยทุกคนแม้จะไม่อุทธรณ์ฏีกาก็ตาม
๖. การที่.ผู้เสียหายได้รับอันตรายสาหัสหรือไม่ หรือเป็นเพียงได้รับอันตรายแก่กายและจิตใจ ระวางโทษในความผิดดังกล่าวแตกต่างกัน การที่ศาลวินิจฉัยผิดพลาดทำให้จำเลยต้องรับโทษหนักขึ้นกว่าที่ควรเป็นจึงเป็นเหตุในลักษณะแห่งคดีที่มีผลถึงจำเลยอื่นที่ไม่ได้อุทธรณ์ฏีกาได้
๗.พยานโจทก์เบิกความขัดแย้งกันทำให้ไม่พอฟังลงโทษจำเลย แล้วศาลไปลงโทษจำเลยทุกคน เป็นผลร้ายแก่จำเลยทุกคน แม้จำเลยคนนั้นไม่ได้อุทธรณ์ฏีกา ศาลสูงก็วินิจฉัยไปถึงจำเลยที่ไม่อุทธรณ์ฏีกาได้
๘.กฏหมายออกใหม่เป็นคุณแก่จำเลย ให้การกระทำไม่เป็นความผิด ไม่ต้องรับโทษ หรือรับโทษน้อยลง ย่อมมีผลถึงจำเลยทุกคน เป็นเหตุในลักษณะคดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งกฎหมายใหม่ที่ออกใช้ภายหลังการกระทำความผิดยกเลิกความผิดนั้น ทำให้สิทธิ์ในการนำคดีอาญามาฟ้องระงับไปตาม ป.ว.อ. มาตรา ๓๙(๕)
๙.พรบ.อาวุธปืนฯออกใหม่ระบุการกระทำจำเลยไม่ต้องรับโทษ ย่อมมีผลให้จำเลยทุกคนไม่ต้องรับโทษเป็นเหตุในลักษณะคดี
๑๐.การกระทำเป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบทหรือเป็นการกระทำหลายบทหลายกรรมต่างกันมีผลทำให้จำเลยต้องรับโทษแตกต่างกัน โดยหากเป็นการกระทำกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบทศาลต้องลงโทษตามบทที่หนักที่สุด ตาม ป.อ. มาตรา ๙๐ แต่หากเป็นการกระทำหลายบทหลายกรรมต่างกัน จำเลยต้องถูกลงโทษทุกกรรมที่เป็นความผิดโดยถูกนับโทษต่อกัน ป.อ. มาตรา ๙๑ ดังนั้นปัญหาว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำกรรมเดียวผิดกฏหมายหลายบทหรือเป็นการกระทำหลายกรรมจึงเป็นเหตุในลักษณะคดี
๑๑.คดีขาดอายุความฟ้องร้องคดีที่ไม่ได้ตัวผู้กระทำความผิดมาฟ้องภายในระยะเวลาที่กฏหมายกำหนดตาม ป.อ. มาตรา ๙๕ เมื่อไม่ได้ตัวผู้กระทำความผิดมาฟ้องภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดคดีขาดอายุความไม่สามารถฟ้องร้องคดีได้ ปัญหาว่าคดีขาดอายุความหรือไม่เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยและเป็นเหตุในลักษณะแห่งคดี หากนำคดีที่ขาดอายุความแล้วมาฟ้องศาลเผลอไปรับฟ้องแล้วมาตรวจพบในภายหลังศาลต้องยกฟ้องตาม ป.ว.อ. มาตรา ๑๘๕ เพราะเมื่อคดีขาดอายุความสิทธิ์ในการนำคดีอาญามาฟ้องระงับไปตาม ป.ว.อ. มาตรา ๓๙(๖)
๑๒.คดีขาดอายุความร้องทุกข์ในความผิดต่อส่วนตัว ที่ไม่ได้ แจ้งความร้องทุกข์ภายใน ๓ เดือนนับแต่ความผิดเกิดและรู้ตัวผู้กระทำผิด ย่อมเป็นอันขาดอายุความร้องทุกข์ สิทธิ์ในการนำคดีอาญามาฟ้องระงับไปตาม ป.ว.อ. มาตรา ๓๙(๖) ปัญหาว่าคดีขาดอายุความร้องทุกข์หรือไม่ เป็นเหตุในลักษณะแห่งคดีและเป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนด้วย
๑๓.ฟ้องว่าจำเลยให้และรับสินบน ปรากฏว่าสัญญานั้นไม่ใช่สัญญารับสินบน ศาลพิพากษายกฟ้องไปถึงจำเลยอื่นที่ไม่ได้อุทธรณ์ฏีกาได้ เพราะเมื่อไม่ใช่การให้สินบนหรือเจ้าพนักงานรับสินบนแล้วย่อมไม่ใช่การกระทำความผิดในทางอาญา จึงเป็นเหตุในลักษณะแห่งคดี
๑๔.ข้อเท็จจริงทางพิจารณาต่างจากฟ้อง หากเป็นข้อแตกต่างในข้อสาระสำคัญ ไม่ใช่แตกต่างกันในลายละเอียด จนทำให้จำเลยหลงต่อสู้แล้ว ศาลต้องพิพากษายกฟ้อง ตาม ป.ว.อ. มาตรา ๑๙๒ วรรคสอง ปัญหาว่าทางพิจารณาต่างจากฟ้องหรือไม่จึงเป็นเหตุในลักษณะคดีที่มีผลถึงจำเลยทุกคนแม้จะไม่ได้อุทธรณ์ฏีกามาก็ตาม
๑๕.ยกฟ้องเพราะพยานโจทก์เหลวไหลฟังลงโทษจำเลยไม่ได้ เมื่อศาลไม่เชื่อในคำพยานหลักฐานโดยเห็นว่าพยานเบิกความไม่อยู่กับร่องกับรอยแล้วพิพากษายกฟ้องย่อมมีผลถึงจำเลยทุกคนในคดีจึงเป็นเหตุในลักษณะแห่งคดี
๑๖.แต่การที่ศาลไม่เชื่อพยานโจทก์ที่พาดพิงถึงจำเลยคนหนึ่งคนใดเป็นเหตุส่วนตัวไม่ใช่เหตุในลักษณะคดี เพราะพยานโจทก์บางคนอาจเบิกความเป็นจริงบางส่วน บางส่วนไม่เป็นจริง เบิกความปักปรำจำเลยคนใด คำเบิกความในส่วนนี้ที่เกี่ยวข้องจำเลยบางคนที่เบิกความเกินเลยหรือต้องการกลั่นแกล้งให้จำเลยรับโทษหนักขึ้นเกี่ยวกับจำเลยคนใดก็เป็นเรื่องของจำเลยคนนั้นไม่มีผลถึงจำเลยอื่นจึงเป็นเหตุส่วนตัวไม่ใช่เหตุในลักษณะคดีที่มีผลไปถึงจำเลยคนอื่นด้วย
๑๗.การกำหนดโทษและการไม่ลดมาตราส่วนโทษให้จำเลยสำหรับความผิดที่ร่วมกันเป็นตัวการปล้นทรัพย์ มีผลถึงจำเลยทุกคนในคดี การที่กำหนดโทษผิดไปจากที่กฎหมายกำหนดและไม่ลดมาตราส่วนโทษให้ทั้งที่มีเหตุให้ต้องลดมาตราส่วนโทษ เป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฏหมายจึงมีผลไปถึงจำเลยทุกคนจึงเป็นเหตุลักษณะแห่งคดี
๑๘.สอบสวนโดยพนักงานสอบสวนที่ไม่มีเขตอำนาจ สอบสวนไม่ชอบด้วยกฎหมาย การสอบสวนไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทำให้พนักงานอัยการไม่มีอำนาจฟ้อง ปัญหาว่าการสอบสวนชอบด้วยกฎหมายหรือไม่อย่างไร เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยและเป็นเหตุในลักษณะแห่งคดี
๑๙.ศาลเห็นว่าสภาพการกระทำความผิดไม่ร้ายแรง เป็นดุลพินิจในการลงโทษจำเลย เมื่อจำเลยทุกคนร่วมกันกระทำความผิด ศาลเห็นว่าพฤติการณ์ในการกระทำความผิดไม่ร้ายแรงย่อมมีผลถึงจำเลยทุกคนเป็นเหตุในลักษณะแห่งคดี
๒๐.จำเลยที่อุทธรณ์ และไม่อุทธรณ์ต่างรับสารภาพในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา การรับสารภาพทั้งในชั้นจับกุมและในชั้นสอบสวนเป็นเหตุหนึ่งของการบรรเทาโทษที่ให้ศาลลดโทษไม่เกินกึ่งหนึ่งของโทษที่จะลงแก่ผู้กระทำความผิดตาม ป.อ. มาตรา ๗๘ จึงเป็นเหตุในลักษณะแห่งคดีที่ศาลอุทธรณ์สามารถกำหนดโทษไปถึงจำเลยอื่นที่ไม่ได้อุทธรณ์ได้ด้วย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น