ค้นหาบล็อกนี้

วันพุธที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2559

“หลอกแล้วไม่จ่าย”

หลอกผู้เสียหายว่ามีรถขนส่งนักร้องนักดนตรีแต่รถเสียจึงมาว่าจ้างรถผู้เสียหายในราคา ๑,๐๐๐ บาท แล้วไม่ยอมชำระค่าจ้าง ตามที่ตกลงไว้ จำเลยได้รับประโยชน์จากการขนส่ง ไม่ได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากผู้เสียหาย ไม่เป็นความผิดฐานฉ้อโกง ส่วนค่าขนส่งที่ค้างเป็นกรณีผิดสัญญาทางแพ่ง คำพิพากษาฏีกา ๑๗๓๓/๒๕๑๖
ข้อสังเกต ๑.แม้จำเลยจะหลอกลวงผู้เสียหายด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จว่าตนมีรถที่จะขนนักร้องนักดนตรีแต่รถเสียซึ่งเป็นความเท็จและเป็นการปกปิดข้อเท็จจริงให้ทราบว่าความจริงแล้วตนไม่มีรถที่จะใช้ขนนักดนตรีและนักร้องก็ตาม แม้การหลอกลวงและปกปิดข้อเท็จจริงดังกล่าวจะกระทำโดยมีเจตนาทุจริตด้วยการแสวงหาผลประโยชน์มันไม่ควรได้โดยชอบด้วยกฏหมายสำหรับตนเองก็ตาม แต่การหลอกลวงดังกล่าวก็ไม่ได้ไปซึ่งเงินหรือทรัพย์สินของผู้เสียหาย เป็นเพียงการได้รับประโยชน์จากการบริการขนส่งเท่านั้นการกระทำดังกล่าว จึงไม่เป็นความผิดฐานฉ้อโกง
๒.เมื่อไม่เป็นความผิดฐานฉ้อโกง เงินค่าบริการขนส่งที่ผู้เสียหายควรได้รับ ก็เป็นเรื่องความรับผิดในทางแพ่งที่ต้องไปว่ากล่าวเป็นอีกส่วนหนึ่ง
๓.หากเป็นกรณีขึ้นรถโดยสาร การที่ไม่ชำระค่าขนส่งหรือชำระไม่ครบถ้วนเป็นความผิดตามพรบ.ขนส่งฯ มาตรา ๑๑๒ ,๑๕๓ได้ หากเป็นกรณีขึ้นรถแท็กซี่แล้วไม่ชำระราคาตามอัตราที่ปรากฏจากมาตรแท็กซี่ เป็นความผิดตามพรบ.จราจรทางบกฯ มาตรา ๙๗,๑๔๘

ไม่มีความคิดเห็น: