ค้นหาบล็อกนี้

วันจันทร์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2559

“แค่ไหนเป็นพกพาอาวุธหรืออาวุธปืน”

๑ คู่อริถือดาบวิ่งเข้าหา จึง.ยืมปืนจากเพือนที่ยืนข้างๆดึงลำกล้องปืนขึ้นลำถือเตรียมไว้ ไม่ได้พาไปที่ไหน ไม่ถือพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะ คำพิพากษาฏีกา ๑๒๔๔/๒๕๑๕
๒.แย่งอาวุธปืนจากพวกจำเลยซึ่งทะเลาะวิวาท ยึดถือไว้ชั่งคราวเพื่อบรรเทาเหตุร้าย เป็นการ “ ยึดถือไว้ชั่วคราว” ไม่ได้พาอาวุธปืนเคลื่อนที่ ไม่เป็นการพาอาวุธปืนในที่สาธารณะ คำพิพากษาฏีกา ๑๖๖๒/๒๕๓๑
๓.ผู้ใดพาอาวุธปืน นั้น เมื่อมีอาวุธติดตัวแม้ไม่ได้กระทำผิดก็เป็นความผิดตาม ป.อ. มาตรา ๓๗๑ แล้ว คำพิพากษาฏีกา ๒๑๙๐/๒๕๔๔
๔.บ้านใช้เป็นที่อยู่อาศัยของจำเลย บริเวณเพิงหน้าบ้านเป็นบริเวณของบ้าน ใช้เป็นร้านค้าและที่อยู่อาศัย การพาอาวุธอยู่ในบริเวณที่อยู่อาศัยของตนจึงไม่เป็นความผิดฐานพาอาวุธไปในเมืองหมู่บ้าน คำพิพากษาฏีกา ๘๙๔๓/๒๕๔๒
๕.เช่าแฟลตทีเกิดเหตุเพื่อพักอาศัย แฟลตจึงเป็นเคหสถานที่อยู่อาศัยของจำเลย ดาดฟ้าแฟลตเป็นบริเวณแฟลตที่ใช้เป็นที่อยู่อาศัย การพกพาอาวุธบนดาดฟ้า จึงเป็นการพกพาอาวุธปืนในที่อาศัยของตน ไม่เป็นการพาอาวุธไปในเมืองหมู่บ้านทางสาธารณะฯ คำพิพากษาฏีกา ๓๖๐๖/๒๕๒๕
ข้อสังเกต ๑. แม้จะได้รับอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืนแล้ว หากจะพกพาไปที่อื่นต้องได้รับอนุญาตให้พกพาด้วย ไม่งั้นเป็นความผิดฐานพาอาวุธไปในเมืองหมู่บ้านทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยไม่มีเหตุอันควรตาม พรบ.อาวุธปืนฯ มาตรา ๘ทวิ,๗๒ทวิ. ป.อ. มาตรา ๓๗๑
๒. หากไม่ได้รับอนุญาตให้พาอาวุธปืนแล้วไม่สามารถพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้านทางสาธารณะ เว้นแต่เป็นกรณีจำเป็นและเร่งด่วนตามควรแก่พฤติการณ์
แต่ไม่ว่ากรณีใดๆห้ามพาอาวุธปืนไปโดยเปิดเผยหรือพาไปในที่ชุมชนที่จัดให้มีขึ้นเพื่อการนมัสการ การรื่นเริง การมหรสพหรือเพื่อการอื่นใด นั้นก็คือ แม้ได้รับอนุญาตให้พาอาวุธปืนก็ไม่สามารถพาอาวุธปืนไปโดยเปิดเผยหรือพาไปในที่ชุมชนที่จัดให้มีขึ้นเพื่อการนมัสการ การรื่นเริง การมหรสพหรือเพื่อการอื่นใด
ข้อยกเว้นที่สามารถพาอาวุธปืนโดยเปิดเผยหรือพาไปในที่ชุมชนที่จัดให้มีขึ้นเพื่อการนมัสการ การรื่นเริง การมหรสพหรือเพื่อการอื่นใด คือ
๒.๑เจ้าหน้าที่ผู้รักษาความสงบเรียบร้อยของประชาชน ทหาร ตำรวจ ซึ่งอยู่ระหว่างการปฏิบัติหน้าที่
๒.๒ ข้าราชการ พนักงาน ลูกจ้างหน่วยงานราชการหรือรัฐวิสาหกิจ ที่ใช้หรือมีไว้ใช้ในการป้องกันประเทศหรือรักษาความสงบเรียบร้อยของประชาชน หรือหน่วยราชการราชการ รัฐวิสาหกิจที่มีและใช้ในการป้องกันและรักษาทรัพย์สินอันสำคัญของรัฐ ซึ่งอยู่ระหว่างการป้องกันประเทศ หรือรักษาความสงบเรียบร้อยของประชาชนหรือรักษาทรัพย์สินอันสำคัญของรัฐ
๒.๓ ประชาชนที่ได้รับมอบหมายให้มีและใช้ในราชการทหาร ตำรวจ หรือหน่วยราชการซึ่งได้มอบหมายให้ประชาชนมีและใช้เพื่อช่วยเหลือราชการทหารท ตำรวจ หรือหน่วยราชการ ซึ่งอยู่ในระหว่างการช่วยเหลือราชการและมีเหตุจำเป็นต้องมีใช้อาวุธปืนนั้น
๓. การพาอาวุธปืน พรบ.อาวุธปืนฯ กฎหมายไม่ได้ให้ริบอาวุธปืนเพราะความผิดอยู่ที่การ “ไม่ได้รับอนุญาต “ เท่านั้น แต่ ป.อ. มาตรา ๓๗๑ การพาอาวุธปืนนั้นกฎหมายให้อำนาจศาลริบอาวุธปืนนั้นได้ ดังนั้นเมื่อยื่นฟ้องและจะขอให้ศาลริบอาวุธปืนด้วยโดย จะอ้าง ป.อ. มาตรา ๓๗๑ เพื่อขอให้ศาลริบอาวุธปืนด้วย ทางปฏิบัติหากเป็นปืนเถื่อน ศาลจะสั่งริบ หากเป็นปืนมีทะเบียนที่เจ้าของได้รับอนุญาตให้มีและใช้ แต่ไม่ได้รับอนุญาตให้พาอาวุธปืน ศาลมักไม่ริบอาวุธปืน หรือเป็นปืนของบุคคลอื่นที่ได้รับอนุญาตให้มีและใช้ แต่จำเลยนำมาพกพาโดยไม่ได้รับอนุญาต กรณีนี้อัยการจะขอให้จัดการตาม ป.ว.อ. มาตรา ๘๕ คือ คืนอาวุธปืนแก่เจ้าของหรือผู้มีสิทธิ์ จะไม่ฟ้องและขอริบอาวุธปืน
๔. แม้ไม่ได้รับอนุญาตให้พาอาวุธปืน แต่หากกระทำไปเพราะมีกรณีเร่งด่วนและจำเป็นตามพฤติการณ์ก็อาจพาอาวุธปืนได้แม้ไม่ได้รับอนุญาตก็ตาม เช่น มีคนร้ายมาปล้นฆ่าและพาทรัพย์สินหนีพร้อมเอาลูกสาวเจ้าของบ้านไปเป็นตัวประกัน ดังนี้เจ้าของบ้านอาจนำอาวุธปืนติดตัวไปเพื่อช่วยเหลือตัวประกันได้ ไม่เป็นความผิดตามกฏหมาย เพราะเป็นกรณีจำเป็นและเร่งด่วนตามพฤติการณ์
๕.เจ้าหน้าที่ธนาคารที่มีหน้าที่คุ้มครองดูแลเงินในธนาคารและรักษาความปลอดภัยของพนักงานและคนที่มาติดต่อในธนาคารสามารถพกพาอาวุธปืนอยู่ในบริเวณธนาคารได้แม้ธนาคารจะไม่ใช่เคหสถานก็ตาม
๖.การถอนเงินจำนวน ๑๐๐,๐๐๐ บาทจากธนาคาร ไม่ใช่เหตุจำเป็นและเร่งด่วนที่จะพาอาวุธปืน เพราะเงินไม่ได้มากมายอะไร แม้เงินมากกว่านี้ก็สามารถร้องขอความช่วยเหลือขอความคุ้มครองจากเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ ไม่มีความจำเป็นต้องพาอาวุธปืน
๗.การขออนุญาตพกพาหากเป็นต่างจังหวัดต้องขออนุญาตต่อผู้ว่าราชการจังหวัด เมื่อได้รับอนุญาตแล้วสามารถพกพาอาวุธปืนได้ภายในจังหวัดนั้น หากต้องการพกทั่วราชอาณาจักรต้องขออนุญาตต่อกองทะเบียนสนง.ตำรวจแห่งชาติ ซึ่งเมื่อรับเรื่องแล้วก็ส่งต่อให้รัฐมนตรีพิจารณาอีกที
๘.ตามข้อ ๑. ขอยืมอาวุธปืนจากเพือนมาขึ้นลำยืนอยู่บริเวณนั้นไม่ได้ไปไหน ถือไม่ได้ว่า เป็นการ “ พา” อาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต
๙.ตามข้อ ๒. แย่งอาวุธปืนมายึดถือไว้ชั่วคราวเพื่อป้องกันเหตุร้าย เป็นการยึดถือไว้ชั่วคราว ไม่ได้พาอาวุธปืนไปไหน ไม่ใช่การพาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตโดยไม่มีเหตุอันควร
๑๐.ตามข้อ ๓. ป.อ. มาตรา ๓๗๑ บัญญัติเพียงพาอาวุธไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะ “ โดยเปิดเผย” หรือ “ โดยไม่มีเหตุอันควร” หรือ “ พาไปในที่ชุมชนจัดมีขึ้นเพื่อการนมัสการ หรือการรื่นเริงอื่น” หรือตาม พรบ. อาวุธปืนฯ มาตรา ๘ทวิ การพาอาวุธปืน หาก “ไม่ได้รับอนุญาต” และพกพา “โดยไม่สมควรหรือไม่มีเหตุอันควร” ก็เป็นความผิดแล้ว กฎหมายทั้งสองมาตราหาได้บัญญัติว่าต้องนำไปกระทำผิดจึงจะเป็นความผิดตามกฏหมาย ดังนั้นแม้จะไม่ได้นำไปใช้ในการกระทำผิดเพียงแค่ พาไปในที่สาธารณะ “ โดยเปิดเผย” หรือ “ โดยไม่มีเหตุอันควร” หรือ “ พาไปในที่ชุมชนจัดมีขึ้นเพื่อการนมัสการ หรือการรื่นเริงอื่น” หรือพาอาวุธปืน หาก “ไม่ได้รับอนุญาต” และพกพา “โดยไม่สมควรหรือไม่มีเหตุอันควร” ก็เป็นความผิดแล้ว แม้จะไม่ได้ใช้อาวุธปืนในการกระทำความผิดก็ตาม
๑๑.ตามข้อ ๔. การพาอาวุธในบ้านหรือบริเวณบ้านของตน ไม่ใช่การพาอาวุธไปในเมืองหมู่บ้านทางสาธารณะ “ เพิงหน้าบ้าน” เป็นส่วนหนึ่งของบริเวณบ้านอันเป็นเคหสถาน เพิงหน้าบ้านซึ่งเป็นบริเวณของเคหสถาน จึงเป็นเคหสถานด้วย ทั้งยังได้ความว่า “ เพิงหน้าบ้าน” ยังใช้เป็นที่อยู่อาศัยและใช้เป็นร้านเสริมสวยด้วย การพาอาวุธปืนติดตัวอยู่ในบริเวณ “ เพิงหน้าบ้าน” จึง ไม่ใช่การพาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตโดยไม่มีเหตุอันควร
๑๒..ตามข้อ ๕. ดาดฟ้าเป็นส่วนหนึ่งของแฟลตที่เป็นที่อยู่อาศัย ดาดฟ้าจึงเป็นเคหสถานตามวิเคราะห์ศัพท์ ใน ป.อ. มาตรา ๑(๔) ดังนั้น การพาอาวุธปืนไปบนดาดฟ้าจึงเป็นการพาอาวุธปืนอยู่ในเคหสถานด้วย ไม่ใช่การพาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตโดยไม่มีเหตุอันควร

ไม่มีความคิดเห็น: