ค้นหาบล็อกนี้

วันจันทร์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2559

“รับของโจรหรือไม่ดูที่พฤติการณ์”

๑.จำเลยและ ช. รู้จักกันดีถึงขั้นไปเที่ยวและดื่มสุราด้วยกัน ต้องรู้ว่ามีฐานะเป็นอย่างไร? ช พาจำเลยไปซ่อมรถจักรยานยนต์ที่บ้านร้างกลางทุ่งนาห่างชุมชน รถจักรยานยนต์ที่จำเลยซ่อมมีสภาพใหม่ ไม่ปรากฏรอยบุบสลายให้เห็นว่าต้องมีการซ่อมตัวถัง อะไหล่วางในพื้นในบ้านร้างล้วนเป็นอะไหล่ประกอบตัวถังที่สภาพเป็นของใช้แล้วทั้งสิ้น คนทั่วไปเห็นได้ทันทีว่า ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องซ่อมแซมอุปกรณ์ตัวถัง เชื่อว่าจำเลยรู้ว่ามีเหตุผิดปกติเกิดขึ้นเกี่ยวกับอะไหล่ที่กำลังเปลี่ยนอยู่นั้น การเข้ายึดถือครอบครองอะไหล่เพื่อนำมาเปลี่ยนใส่รถจักรยานยนต์ตามความประสงค์ของ ช. ถือได้ว่ารับไว้ซึ่งอะไหล่รถจักรยานยนต์อันได้มาโดยการกระทำความผิดฐานลักทรัพย์ เป็นความผิดฐานรับของโจร คำพิพากษาฏีกา ๔๒๖/๒๕๔๓
๒.จำเลยเห็นคนร้ายลักรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหาย นำรถจักรยานยนต์เข้ามาในบ้านจำเลย ถอดชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์ในยามวิกาล ซึ่งเป็นเรื่องที่คนร้ายเคยกระทำมาแล้วและจำเลยก็รับรู้โดยถือเป็นเรื่องปกติ การซ่อมรถการถอดชิ้นส่วนควรกระทำในเวลากลางวัน อันเป็นเวลาทำการงานของคนทั่วไป การถอดชิ้นส่วนในเวลากลางคืนย่อมแสดงถึงความผิดปกติ เมื่อตำรวจจับกุมจำเลยก็พาไปชี้จุดที่ชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์นำไปทิ้ง แสดงว่าจำเลยน่าจะรู้หรือมีส่วนรู้เห็นในการนำชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์ไปทิ้ง แม้ชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์ผู้เสียหายที่ยึดได้จากบ้านจำเลยวางอยู่ด้านหน้าบ้านซึ่งมีลักษณะเป็นห้องรับแขก บางส่วนวางในกล่องไม่มีอะไรปิดบัง แม้เป็นการวางโดยเปิดเผย และบ้านจำเลยยังไม่มีประตูบ้าน ไม่มีประตูรั่ว แต่โดยสภาพบ้านที่เป็นที่อยู่อาศัยย่อมเป็นที่รโหฐาน บุคคลภายนอกไม่มีสิทธิ์เข้าไปได้โดยไม่ได้รับอนุญาต การเก็บชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์ในบ้านดังกล่าว ไม่พอฟังว่าเป็นการกระทำโดยเปิดเผยและโดยสุจริต น่าเชื่อว่าจำเลยรู้ว่ารถจักรยานยนต์ที่นำไปถอดชิ้นส่วนที่บ้านจำเลยเป็นรถจักรยานยนต์ที่คนร้ายได้มาจากการกระทำผิดฐานลักทรัพย์ การกระทำของจำเลยจึงเป็นการช่วยซ่อนเร็น หรือรับไว้โดยประการใดๆซึ่งชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์ผู้เสียหายที่ถูกลักมา โดยรู้ว่าเป็นทรัพย์ที่ได้จากการลักทรัพย์ จึงเป็นความผิดฐานรับของโจร คำพิพากษาฏีกา ๖๕๕๗/๒๕๔๗
ข้อสังเกต ๑. พฤติการณ์ที่จะรู้ว่ามีเจตนากระทำความผิดฐานรับของโจรหรือไม่ ต้องพิจารณาเป็นเรื่องๆไป
๑.๑ การที่นำรถไปซ่อมที่บ้านร้างกลางทุ่งนาห่างชุมชน โดยบ้านดังกล่าวไม่ใช่อู่ซ่อมรถ การนำรถมาซ่อมในสถานที่ไม่ใช่อู่ซ่อมรถ และสถานที่นั้นเป็นบ้านร้างไม่มีคนอยู่ ไม่ใช่อู่ซ่อมรถ และอยู่ห่างไกลจากชุมชน การนำรถมาซ่อมย่อมเป็นพิรุธ
๑.๒ ทั้งรถที่นำไปซ่อมก็มีสภาพใหม่ ไม่น่ามีปัญหาอย่างไรในการใช้งานจนต้องนำมาซ่อม เมื่อรถมีสภาพใหม่ไม่ปรากฏร่องรอยบุบสลายที่ต้องมาซ่อมแซม การนำมาเปลี่ยนอะไหล่ย่อมเป็นพิรุธ
๑.๓ อะไหล่ที่นำมาเปลี่ยนก็ติดอยู่กับตัวถังที่มีสภาพใช้แล้ว ไม่มีความจำเป็นต้องซ่อม การเข้ายึดถืออะไหล่เพื่อนำมาใส่รถจักรยานยนต์ เป็นการรับไว้ซึ่งอะไหล่อันได้มาจากการกระทำผิดฐานลักทรัพย์ จึงเป็นความผิดฐานรับของโจร
๑.๔ เห็นคนร้ายลักรถมาแล้วนำรถคันดังกล่าวมาถอดชิ้นส่วนในบ้านของตน การยอมให้คนร้ายที่ตนทราบว่าได้ลักรถมาแล้วมาเปลี่ยนชิ้นส่วนรถเพื่อให้แตกต่างจากรถคันเก่าที่ลักมา ส่อให้เห็นเจตนาว่ามีเจตนาอย่างไร
๑.๕ เปลี่ยนชิ้นส่วนรถในเวลากลางคืนเป็นพิรุธว่าทำไมไม่ทำตอนกลางวันมีความเร่งด่วนอย่างไรหรือไม่
๑.๖ เมื่อเปลี่ยนชิ้นส่วนรถแล้ว ได้นำรถไปทิ้ง ผิดปกติวิสัยที่จะนำโครงรถไปทิ้ง
๑.๗ สามารถนำเจ้าหน้าที่ตำรวจไปชี้จุดที่นำรถไปทิ้งได้ถูกต้อง น่าเชื่อมีส่วนรู้เห็นในการกระทำผิด
๑.๘แม้พบชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์บางส่วนวางโดยเปิดเผยในห้องรับแขก โดยอยู่ในกล่องไม่มีอะไรปิดบัง แต่ก็เป็นการวางไว้ในบ้านที่เป็นเคหสถาน ซึ่งคนทั่วไปไม่สามารถเข้าไปได้โดยไม่ได้รับอนุญาต แม้บ้านยังสร้างไม่เสร็จ ไม่มีประตูรั่วและประตูบ้านก็ตาม ก็เป็นที่รโหฐานที่คนภายนอกไม่สามารถเข้ามาโดยพละการได้ ก็ไม่อาจถือได้ว่าทำโดยสุจริตหรือเปิดเผย การซักค้านของทนายจำเลยว่าการวางลักษณะนี้เป็นการกระทำโดยสุจริตไม่น่ารับฟังได้เพราะจำเลยรู้แต่แรกโดยเห็นคนร้ายลักรถมาแต่แรกแล้ว
๑.๙ โจทก์มีหน้าที่ต้องนำสืบว่า จำเลยรับทรัพย์ไว้โดยรู้ว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำความผิด เพราะเมื่อกล่าวหาว่าจำเลยทำผิด โจทก์มีภาระการพิสูจน์ ไม่ใช่หน้าที่จำเลยที่ต้องนำสืบว่าไม่รู้ว่าทรัพย์ดังกล่าวเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำความผิด คำพิพากษาฏีกา ๕๖๒๑/๒๕๓๔ หากโจทก์ไม่นำสืบหรือสืบเพียงจำเลยเป็นผู้ครอบครองทรัพย์ โดยไม่นำสืบให้เห็นว่า จำเลยทราบว่า รับทรัพย์ดังกล่าวไว้โดยรู้ว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากาการกระทำความผิด ศาลก็ลงโทษจำเลยไม่ได้ นั้นก็คือไม่ใช่หน้าที่จำเลยต้องนำสืบว่าไม่รู้ว่าทรัพย์ดังกล่าวเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำความผิด นั้นก็คือเพียงนำสืบได้เพียงอาศัยอยู่ในบ้านที่พบโครงรถจักรยานที่ถูกลักไป ไม่อาจรับฟังได้ว่ามีความผิดฐานรับของโจร คำพิพ่ากษาฏีกา ๔๗๕๑/๒๕๔๓ นั้นก็คืออาศัยเพียงพฤติการณ์ที่ยึดรถมาจากบ้านจำเลยโดยคิดหรือคาดคะเนว่า จำเลยได้ครอบครองรถเพื่อจำหน่ายทรัพย์ที่ได้มาจากากากรกระทำความผิดยังไม่ได้ คำพิพากษาฏีกา ๒๘๗/๒๕๔๐
๑.๑๐ การรับทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำความผิด โดยรับไว้เพื่อคืนเจ้าของ หรือรับไว้เพื่อไปแจ้งความ หรือรับอาสาเป็นคนกลางช่วยติดต่อโดยสุจริตให้ผู้เสียหายไถ่ทรัพย์ที่ถูกลักไว้คืนจากคนร้าย โดยไม่ได้มีการสมคบกับคนร้าย ไม่ผิดรับของโจร คำพิพากษาฏีกา ๑๒๔๑/๒๔๙๘, ๑๑๖๙/๒๕๑๘, ๖๕๗/๒๕๑๙ เพราะไม่มีเจตนาประสงค์ต่อผลหรือเล็งเห็นผลในการกระทำผิดฐานรับของโจร
๑.๑๑ ขณะที่รับทรัพย์ไว้ไม่ทราบว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำความผิด ต่อมามารู้ภายหลัง ไม่มีความผิดฐานรับของโจร คำพิพากษาฏีกา ๔๘๙/๒๕๑๕
๑.๑๒ ให้การในชั้นจับกุม สอบสวน และในชั้นศาลแตกต่างกัน ไม่อยู่กับร่องกับรอย ส่อให้เห็นว่ารู้ว่ารับทรัพย์ที่ได้มาจาการกระทำความผิด คำพิพากษาฏีกา ๑๒๑๔/๒๕๑๙
๑.๑๓ รับซื้อไว้ในราคาถูกแล้วนำไปขายต่อในราคาแพง กว่าราคาที่ซื้อมามาก และซื้อจากคนที่ไม่น่ามีทรัพย์มีค่าเช่นนั้นได้เช่นซื้อจากคนเก็บขยะหรือคนขับรถรับจ้าง คำพิพากษาฏีกา ๒๘๙/๒๕๑๖
๑.๑๔ เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ทิ้งทรัพย์แล้ววิ่งหลบหนี คำพิพากษาฏีกา ๕๗๐๑/๒๕๓๑
๑.๑๕นำรถไปซุกซ่อน มีอาการตกใจเมื่อพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ และปฏิเสธเกี่ยวกับรถที่ถูกซ่อนไว้ คำพิพากษาฏีกา ๒๓๓๖/๒๕๓๓
๑.๑๖ รับซื้อรถจักรยานยนต์ในราคาต่ำ ไม่สนใจการโอนทะเบียนรถ คำพิพากษาฏีกา ๓๒๐๐/๒๕๓๘
๑.๑๗รถที่นำมาซ่อมไม่มีหมายเลขทะเบียน รับซื้อชิ้นส่วนที่ยังดีอยู่ไม่น่าจะถอดมาขาย โดยบอกนำรถมาเปลี่ยนอะไหล่ แต่จำเลยบอกไม่มีทุนซื้ออะไหล่มาเปลี่ยน แต่เมื่อบอกขายจำเลยกลับมีเงินซื้อ คำพิพากษาฏีกา ๔๕๒/๒๕๓๖
๑.๑๘พระที่นำมาขายเนื้อโลหะเก่าตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๕ ย่อมมีลักษณะแตกต่างจากดลหะที่หล่อใหม่ ข้ออ้างว่านำไปทาน้ำยาเพื่อฝังดินให้เก่ารับฟังไม่ได้ พระมีราคา ๓๐๐,๐๐๐บาท รับซื้อไว้เพียง ๑๕,๐๐๐บาท คำพิพากษาฏีกา ๕๔๓๙/๒๕๔๐
๑.๑๙ รับซื้อรถที่ไม่มีกุญแจและบริวารกุญแจไขประตูและกุญแจสตาร์ท ไม่มีแผ่นป้ายทะเบียนป้ายวงกลม ไม่มีหลักฐานการประกันภัย รถราคา ๓๓๕,๐๐๐บาทรับซื้อไว้เพียง ๘๐,๐๐๐บาท คำพิพากษาฏีกา ๑๘๗/๒๕๔๑
๑.๒๐ ซื้อรถจักรยานยนต์ที่ใช้งานมา ๓ ปี ในราคา ๑,๐๐๐ บาท ไม่มีการตรวจสอบหลักฐานทางทะเบียน และเมื่อซื้อแล้วได้ถอดชิ้นส่วนของรถออก น่าเชื่อว่าเพื่อเตรียมดัดแปลงรถให้ต่างจากสภาพเดิม คำพิพากษาฏีกา ๑๙๓๕/๒๕๔๓
๑.๒๑ ซื้อทรัพย์สินที่มีการสั่งทำเป็นพิเศษไม่มีขายตามท้องตลาด ซึ่งเป็นทรัพย์มีราคาสูงหาซื้อไม่ได้ตามท้องตลาด เมื่อจำเลยมีอาชีพเป็นพ่อค้าขายเครื่องประดับเพชรพลอยโดยได้รับใบอนุญาตให้ขายของเก่า ย่อมทราบดีว่าทรัพย์ดังกล่าวได้มาโดยไม่ชอบ คำพิพากษาฏีกา ๘๔๘๑/๒๕๔๔
๑.๒๒ ซื้อขายโดยเปิดเผย ไม่ทราบว่าทรัพย์นั้นได้มาจากการกระทำผิด ไม่ผิดรับของโจร คำพิพากษาฏีกา ๑๒๗๖/๒๕๓๐
๑.๒๓ ซื้อโดยราคาตามสมควรตามสภาพกล้องไม่ต่ำกว่าราคาตามท้องตลาด ซื้อขายโดยเปิดเผย ไม่ได้ปิดบังซ่อนเร็น ซื้อมาแล้วก็นำมาใช้โดยเปิดเผย และให้คนอื่นยืมไปใช้ ไม่ผิดรับของโจร คำพิพากษาฏีกา ๔๙๐๑/๒๕๓๖
๑.๒๔ ให้จำเลยเอาทรัพย์ที่ถูกลักไปจำนำดดยจำเลยไม่รู้เป็นทรัพย์ที่ถูกลักมา ไม่ผิดรับของโจร คำพิพากษาฏีกา ๙๔๐๑/๒๕๓๘
๑.๒๕ การจำนำไม่ใช่การซื้อขายที่ต้องชำระเต็มตามราคา ราคาที่จำนำขึ้นอยู่กับการตกลง อาจขอจำนำ ๑๐ หรือ ๒๐ เปอร์เซ็นต์ของราคาทรัพย์ก็ได้ เพื่อไม่ต้องเสียดอกเบี้ยมากเกินไป และไม่ต้องเสี่ยงต่อการขาดทุนหากผู้จำนำไม่มาไถ่ภายในระยะเวลาที่กำหนด การนำออกขายอาจไม่คุ้มกับราคาจำนำและดอกเบี้ยก็ได้ การจำนำรถจักรยานยนต์ในราคา ๒,๓๐๐ บาท ไม่ใช่ข้อพิรุธว่ารู้ว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำผิด คำพิพากษาฏีกา ๕๕๘/๒๕๔๐ แต่หากข้อเท็จจริงเปลี่ยนไปว่าไม่ใช่การจำนำ แต่นำมาขายในราคา ๒,๓๐๐ บาท ก็เป็นการซื้อไว้ในราคาถูก เป็นความผิดฐานรับของโจรได้
๑.๒๖รับซื้อในราคาถูก ในร้านค้าที่ได้รับอนุญาตให้ค้าของเก่าได้ แม้ไม่ลงรายการในบัญชีแสดงรายการวัตถุโบราณและศิลปวัตถุ แต่ไม่ได้เก็บในลักษณะซ่อนเร็น ไม่ถือว่ารับซื้อโดยรู้ได้มาจากการกระทำผิด คำพิพากษาฏีกา ๑๗๒๓/๒๕๒๖ ด้วยความเครารพในคำพิพากษาฏีกา การที่ไม่ลงรายการในบัญชีแสดงรายการวัตถุโบราณและศิลปวัตถุ และรับซื้อทรัพย์ที่เป็นพระแสงกระบี่ของพระบรมรูปทรงม้า ซึ่งมีอยู่ชิ้นเดียวในประเทศ เป็นของหายากไม่มีขายทั่วไป น่าจะทราบได้ว่าเป็นของที่ถูกลักมา น่าเป็นความผิดฐานรับของโจร แม้จะนำมาวางโดยเปิดเผยก็ตาม แต่ก็วางปะปนกับของเก่าทั่วไป คนทั่วไปอาจไม่สังเกต
๑.๒๗ ความผิดฐานรับของโจรเป็นความผิดสำเร็จตั้งแต่มีการรับทรัพย์โดยรู้ว่าได้มาจากการกระทำความผิดแล้ว แม้จะได้แยกทรัพย์ออกใช้หรือจำหน่ายก็หาเกิดความผิดฐานรับของโจรอีกไม่ คำพิพากษาฏีกา ๔๗๔๗/๒๕๓๓
๑.๒๘ รับของโจรคราวเดียวในทรัพย์ผู้เสียหายหลายคน เป็นกรรมเดียว คำพิพากษาฏีกา๖๖๗๘/๒๕๓๑
๑.๒๙รับของโจรโดยกระทำในนามนิติบุคคลโดยจำเลยที่ ๑ แต่ความผิดฐานรับของโจร ไม่ใช่ความผิดเฉพาะนิติบุคคล จำเลยที่ ๑ จึงมีความผิดเป็นส่วนตัวด้วย คำพิพากษาฏีกา ๔๖๑๑/๒๕๓๓ นั้นก็คือนิติบุคคลไม่มีตัวตนแต่กระทำโดยผู้แทนหรือตัวแทนที่มีอำนาจ นั้นก็คือหากการรับของโจรของนิติบุคคล หากลูกจ้าง ผู้แทนนิติบุคคลทราบว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำความผิด ผู้กระทำก็มีความผิดฐานรับของโจรได้ คำพิพากษาฏีกา ๑๓๘๐/๒๕๓๓
๑.๓๐ รับของโจรแล้วผู้รับของโจรนำมาขายต่อ ผู้ซื้อต่อหากทราบว่าทรัพย์ที่นำมาขายได้มาจากการกระทำผิด ผู้รับซื้อต่อจากผู้รับของโจรก็มีความผิดฐานรับของโจรได้ เพราะความผิดฐานรับของโจรไม่ได้เกิดจากการรับซื้อจากผู้กระทำความผิดจากคนร้ายเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการรับทรัพย์มาจากผู้รับของโจรด้วยเช่นกัน เพราะกฎหมายบัญญัติเพียงช่วยซ่อนเร็น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสียจากทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำความผิด กฎหมายไม่ได้บัญญัติว่า การช่วยซ่อนเร็น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสียจากทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำความผิดต้องกระทำต่อผู้ที่กระทำความผิดฐานลักทรัพย์ วิ่งราวทรัพย์ กรรโชก รีดเอาทรัพย์ ชิงทรัพย์ ปล้นทรัพย์ ฉ้อโกง ยักยอก หรือเจ้าพนักงานยักยอกเท่านั้น ดังนั้นแม้มีผู้กระทำความผิดฐานรับของโจรแล้วผู้รับของโจรนั้นนำมาขายต่อแล้วเราทราบว่าเป็นทรัพย์ที่ได้จากการกระทำผิดแล้วเรายังรับซื้อเราก็ผิดรับของโจรได้ เป็นความเห็นส่วนตัว ยังไม่มีคำพิพากษาฏีกาครับ

ไม่มีความคิดเห็น: