ค้นหาบล็อกนี้

วันอังคารที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2559

“ใช้ความระมัดระวังบิดามารดาไม่ต้องรับผิด”

เด็กอายุ ๑๕ ปีนำกุญแจรถรถยนต์ไปลองไขกุญแจรถจักรยานยนต์ปรากฏว่าสามารถปลดล็อคคอได้และเข็นรถจักรยานยนต์ไปให้เพื่อนต่อสายตรงติดเครื่องให้ และขี่รถจักรยานยนต์ไป บิดามารดาไมใต้องร่วมรับผิดในเหตุละเมิดที่บุตรก่อ เพราะก่อนออกจากบ้านมารดาได้นำรถจักรยานยนต์ไปเก็บไว้ในบ้านและใส่กุญแจล็อคคอ กันไม่ให้บุตรนำรถไปใช้ และบิดาได้นำกุญแจรถจักรยานยนต์ติดตัวไปด้วย ไม่ปรากฏบิดามีนิสัยไม่ดีมาก่อน แสดงว่าได้ใช้ความระมัดระวังตามควรแก่หน้าที่เลี้ยงดูแล้ว จึงไม่ต้องรับผิด คำพิพากษาฏีกา ๖๙๖๗/๒๕๔๑
ข้อสังเกต ๑.แม้เป็นผู้เยาว์ เมื่อไปทำละเมิดขึ้น บิดามารดาต้องร่วมรับผิดในผลแห่งละเมิดที่บุตรไปกระทำเว้นแต่พิสูจน์ได้ว่า ตนใช้ความระมัดระวังตามควรแก่หน้าที่แล้ว ป.พ.พ. มาตรา ๔๒๙
๒.เมื่อบิดามารดาใช้ค่าสินไหมทดแทนให้กับบุคคลภายนอกแล้ว ก็ชอบที่จะได้รับชดใช้จากบุตรผู้เยาว์จนครบจำนวนที่ชดใช้ แต่ไม่ใช่เรียกเอาในส่วนเท่าๆกันในฐานะเป็นลูกหนี้ร่วมไม่ ป.พ.พ. มาตรา ๔๓๑,๔๒๖ นี้คือทฤษฏี แต่ในทางปฏิบัติแล้วบิดามารดาคงไม่ฟ้องบุตรของตนเพื่อเรียกค่าสินไหมทดแทนที่บิดามารดาได้ชดใช้ไป
๓.บุตรอายุ ๑๕ ปีเศษมีความรู้สึกผิดชอบตามสมควร ผ่านโลกและชีวิตมาพอสมควร พอรู้ว่าอะไรดีอะไรไม่ได้อะไรผิดอะไรไม่ผิด การที่บิดามารดาไม่อยู่บ้านและล็อคคอรถจักรยานยนต์และนำไปเก็บไว้โดยบิดานำกุญแจรถจักรยานยนต์ติดตัวไปด้วย เป็นการใช้ความระมัดระวังตามควรแก่หน้าที่ของบิดามารดาในการเลี้ยงดูบุตร และไม่อาจคาดคิดได้ว่าบุตรจะนำกุญแจรถยนต์มาไขปลดล็อคคอรถจักรยานยนต์ได้ แล้วเข็นรถให้เพือนต่อสายตรงเพื่อขับขี่รถได้ การที่บุตรขับรถไปเฉี่ยวชนทำละเมิดแก่คนอื่นบุตรจึงต้องรับผิดเป็นส่วนตัว ส่วนบิดามารดาที่ใช้ความระมัดระวังพอสมควรแก่พฤติการณ์แล้ว ไม่ต้องร่วมรับผิดในผลแห่งละเมิดที่บุตรไปกระทำต่อบุคคลภายนอก
๔.หากในกรณีดังกล่าวหากบุตรนำรถจักรยานยนต์ดังกล่าวไปแข่งรถในทาง จะถือว่าบิดามารดาสนับสนุนในการที่บุตรนำรถไปแข่งไม่ได้ และเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่สามารถยึดรถคันดังกล่าวได้ เพราะรถที่ใช้ในการกระทำผิดฐานแข่งรถ ไม่ใช่รถของบุตรแต่เป็นรถของบิดามารดาที่ไม่มีส่วนรู้เห็น ยินยอมหรือสนับสนุนในการที่บุตรนำรถไปใช้หรือนำไปใช้ในการแข่งรถ หากเจ้าหน้าที่ตำรวจยึดรถ บิดามารดาสามารถยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขอรถคืนได้ภายใน ๑ ปีนับแต่วันมีคำพิพากษาถึงที่สุดตาม ป.อ. มาตรา ๓๓,๓๖
๕.แต่หากข้อเท็จจริงเปลี่ยนเป็นว่าบิดามารดาเก็บกุญแจรถไว้ที่บ้าน บุคคลทุกคนสามารถนำกุญแจไปขับรถได้โดยไม่ต้องบอกกล่าวต่อบุคคลใด แสดงว่าบิดามารดายินยอมให้บุตรผู้เยาว์หยิบกุญแจรถไปใช้ได้ตลอดเวลา โดยไม่คำนึงว่าบุตรจะเป็นผู้เยาว์หรือไม่อย่างไร เมื่อบุตรยังอยู่ในอำนาจปกครองของบิดามารดา การที่บุตรนำรถไปแข่งในทางโดยไม่ได้รับอนุญาต ถือว่าบิดามารดารู้เห็นเป็นใจในการแข่งรถของบุตรจึงไม่สามารถร้องขอคืนรถของกลางได้ คำพิพากษาฏีกา ๑๕๘๙/๒๕๔๒ หรือกรณีกุญแจมีสองดอกมารดาเก็บไว้ ๑ ดอก บุตรเก็บไว้หนึ่งดอก แล้วบุตรนำไปแข่งรถ ถือมารดารู้เห็นเป็นใจในการกระทำผิดฐานแข่งรถ คำพิพากษาฏีกา ๑๖๗๙/๒๕๕๐ หรือกรณีที่บิดามารดาวางกุญแจรถไว้บนโต๊ะ เป็นการปล่อยปละละเลยให้บุตรสามารถนำกุญแจไปขับรถและนำไปแข่งรถ ถือบิดามารดารู้เห็นเป็นใจใจการที่บุตรนำรถไปแข่ง คำพิพากษาฏีกา ๕๘๒๗/๒๕๔๙ หรือกรณีแขวนกุญแจรถที่ห้องโถง บุตรสามารถหยิบกุญแจรถไปใช้ได้ แต่หากบิดามารดาอยู่ต้องขออนุญาตก่อน หากบิดามารดาไม่อยู่สามารถนำรถไปใช้ได้เอง แสดงว่า การเอากุญแจไปใช้ไม่จำเป็นต้องขออนุญาตจากมารดาก่อน ถือมีส่วนรู้เห็นในการที่บุตรที่นำรถไปแข่งในทาง คำพิพากษาฏีกา ๔๓๑๖/๒๕๔๙ หรือในกรณีไม่เข้มงวดในการที่บุตรจะนำรถไปใช้ เพียงแต่ต้องแจ้งให้พี่สาวทราบเท่านั้น ทั้งกุญแจเก็บไว้ที่หิ้งพระในห้องนอน บุตรสามารถหยิบไปใช้ได้โดยสะดวก ทั้งยังมอบหมายให้บุตรนำกุญแจติดเครื่องรถอาทิตย์ละ ๑ ครั้ง แสดงโดยปริยายว่าว่าให้บุตรนำรถไปใช้ได้ตลอดเวลาโดยไม่คำนึงบุตรจะนำไปใช้ในกิจการใด เป็นการปล่อยปละละเลยให้บุตรนำรถไปใช้ ถือรู้เห็นยินยอมในการที่บุตรนำรถไปแข่ง คำพิพากษาฏีกา ๙๐๙๐/๒๕๔๙ หรือในกรณีเก็บกุญแจรถไว้ในตู้กับข้าว ไม่มีกุญแจล็อคตู้ เท่ากับไม่ใช้ความระมัดระวังในการเก็บรักษากุญแจไว้ให้มิดชิดป้องกันไม่ให้บุตรนำรถไปใช้ ถือรู้เห็นยินยอมในการที่บุตรนำรถไปใช้ในการแข่งรถ คำพิพากษาฏีกา ๑๖๑๙/๒๕๔๙ หรือกรณีที่บิดามารดาจับได้ว่าบุตรแอบเอารถไปใช้ ก็ไม่ได้จัดการระมัดระวังไม่ให้เกิดกากรกระทำดังกล่าวอีก เท่ากับยินยอมให้บุตรนำรถไปใช้ได้ตลอดเวลาที่บุตรต้องการ โดยไม่คำนึงว่าบุตรจะนำไปใช้ในกิจการใด คำพิพากษาฏีกา ๓๒๖๘/๒๕๔๘ หรือกรณีเสียบกุญแจรถไว้ที่รถ พฤติการณ์แสดงว่ายินยอมให้บุตรนำรถไปใช้ได้ตลอดเวลาโดยไม่คำนึงว่าจะนำไปใช้ในกิจการใด คำพิพากษาฏีกา ๗๑๐๙/๒๕๕๐หรือกรณีแขวนกุญแจรถไว้ใต้หิ้งพระ บุตรทุกคนสามารถนำไปใช้ได้ และเคยนำไปใช้หลายหน เท่ากับยินยอมให้หยิบกุญแจไปใช้ขับรถได้ตลอดเวลาโดยไม่คำนึงว่าจะนำไปใช้ในกิจการได้ คำพิพากษาฏีกา ๒๓๕๕/๒๕๔๘
๖.ในกรณีดังกล่าวตามข้อสังเกตที่ ๕ นี้ หากบุตรขับรถไปชนใครได้รับบาดเจ็บบิดามารดาต้องรับผิดในละเมิดที่บุตรกระทำไปด้วยโดยถือบิดามารดาใช้ความระมัดระวังไม่เพียงพอแก่การเลี้ยงดู

ไม่มีความคิดเห็น: