ค้นหาบล็อกนี้

วันพุธที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2559

“เช่าช่วงเนื้อกระทะ”

ผู้เสียหายและสามีเช่าที่พิพาทพร้อมสิ่งปลูกสร้างทำร้านอาหารเนื้อกระทะ ต่อมาผู้เสียหายและสามีแยกทางกันโดยยังค้างชำระค่าเช่าต่อเจ้าของที่ดิน ผู้เสียหายให้ผู้ต้องหาเช่าช่วงเพื่อประกอบกิจการร้านค้าต่อไป เจ้าของที่พิพาทได้ยื่นฟ้องผู้เสียหายและสามี เนื่องจากไม่ชำระค่าเช่าและนำที่พิพาทไปให้คนอื่นเช่าช่วงโดยไม่ชอบ สามีผู้เสียหายมีหนังสือส่งมอบที่ดินคืนแก่เจ้าของที่ดิน ผู้ต้องหาทราบเรื่องไปแจ้งความเป็นหลักฐานที่ถสถานีตำรวจว่าจะขนย้ายของออกจากที่พิพาทให้เสร็จภายในวันที่ ๒๔ พ.ย.๒๕๔๗ ครั้นวันที่ ๒๓ พ.ยง๒๕๔๗ ผู้ต้องหาได้ขนย้ายสิ่งของต่างๆของผู้ต้องหาและของผู้เสียหายออกไปจากที่พิพาท ผู้เสียหายทราบเรื่องมีหนังสือให้ผู้ต้องหานำสิ่งของผู้เสียหายมาคืน แต่ผู้ต้องหาไม่ยอมคืน การที่ผู้ต้องหาและบริวารขนย้ายทรัพย์สินของผู้เสียหายไปโดยไม่มีสิทธิ์ เมื่อผู้เสียหายมีหนังสือทวงถาม ผู้ต้องหาก็ไม่ยอมเอามาคืนโดยไม่มีเหตุและข้ออ้างที่จะยึดหน่วงทรัพย์สินนั้นได้ พฤติการณ์ฟังได้ว่า ผู้ต้องหามีเจตนาเบียดบังเอาทรัพย์ของผู้เสียหายไปมีความผิดฐานยักยอก สำหรับความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์นั้นเนื่องจากกำแพงคอนกรีตเป็นส่วนควบของที่ดินเป็นกรรมสิทธิ์ของเจ้าของที่ดิน เจ้าของที่ดินมีอำนาจในการแจ้งความร้องทุกข์ได้ ส่วนความเสียหายของต้นไม้นั้นเนื่องมาจากการขาดน้ำขาดการบำรุงรักษาหลายเดือนไม่เกี่ยวข้องกับการกระทำของผู้ต้องหา ส่วนความเสียหายทรัพย์สินอื่นไม่ปรากฏว่าผู้ต้องหากระทำการอย่างใดให้ทรัพย์ดังกล่าวเสื่อมค่า ไร้ประโยชน์ ชี้ขาดความเห็นแย้ง ๑๑๘/๒๕๕๐
ข้อสังเกต ๑. ทรัพยิ์สินที่ให้เช่า ผู้เช่าจะให้เช่าช่วงหรือโอนสิทธิ์ของตนในทรัพย์สินนั้นไม่ว่าทั้งหมดหรือแต่บางส่วนให้แก่บุคคลภายนอก หาอาจทำได้ไม่ เว้นแต่จะปรากฏเป็นอย่างอื่นในสัญญา หากผู้เช่าประพฤติฝ่าฝืนผู้ให้เช่าบอกเลิกสัญญาเช่าได้ ดังนั้นการที่ผู้เสียหายและสามีซึ่งเป็นผู้เช่านำทรัพย์สินที่เช่าให้ผู้ต้องหาเช่าช่วงอีกทอดหนึ่ง โดยในสัญญาเช่าไม่ให้อำนาจกระทำการได้ ผู้ให้เช่าสามารถบอกเลิกสัญญากับผู้เสียหายและสามีซึ่งเป็นผู้เช่าได้ตาม ป.พ.พ. มาตรา ๕๔๔ เมื่อเป็นการให้เช่าช่วงโดยไม่ชอบเป็นบุคคลสิทธิ์ระหว่างผู้เช่ากับผู้เช่าช่วงต้องไปว่ากันเองกรณีหากผู้เช่าช่วงไม่สามารถใช้สรอยทรัพย์สินที่ให้เช่าได้ แต่ผู้เช่าช่วงหาอาจยกสัญญาเช่าช่วงที่ไม่ชอบเป็นข้ออ้างใช้ยันกับผู้เช่าซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินได้ไม่
๒.ทรัพย์สินที่ผู้ต้องหาครอบครองและใช้สรอยในการเปิดร้านอาหารเป็นของผู้เสียหายและสามีซึ่งจำเลยครอบครองทรัพย์ดังกล่าวอยู่ แม้ผู้ต้องหาจะไปแจ้งความเป็นหลักฐานในการขนย้ายทรัพย์สินที่อยู่ในร้านดังกล่าว แต่ผู้ต้องหาก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะขนย้ายทรัพย์สินของผู้เสียหายไป การแจ้งความเป็นหลักฐานที่สถานีตำรวจไม่ก่อให้เกิดสิทธิ์ในการนำทรัพย์สินของผู้เสียหายไป เมื่อผู้ต้องหานำทรัพย์สินของผู้เสียหายไป ผู้เสียหายแจ้งให้ผู้ต้องหาคืนทรัพย์ของผู้เสียหาย ผู้ต้องหาก็ไม่ยอมคืนแสดงให้เห็นเจตนาที่จะเบียดบังเอาทรัพย์ของผู้เสียหายไปเป็นประโยชน์ส่วนตัวของผู้ต้องหาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย การกระทำของผู้ต้องหาจึงเป็นความผิดฐานยักยอกทรัพย์
๓. ความเสียหายที่เกิดกับกำแพงคอนกรีตตอนขนย้ายทรัพย์สินนั้น เนื่องจากกำแพงคอนกรีตโดยสภาพแห่งกำแพงคอนกรีตนั้นเองหรือโดยจารีตประเพณีแห่งท้องถิ่นย่อมเป็นสาระสำคัญในความเป็นอยู่ของที่ดินเอง ไม่อาจแยกออกจากตัวที่ดินที่ตั้งกำแพงคอนกรีตนั้นได้ นอกจากทำลาย ทำให้บุบสลาย หรือทำให้กำแพงนั้นเปลี่ยนแปลงรูปทรงหรือสภาพแห่งกำแพงคอนกรีตนั้นไป กำแพงคอนกรีตจึงเป็นส่วนควบที่ดิน เจ้าของที่ดินที่ให้เช่าย่อมมีกรรมสิทธิ์ในกำแพงคอนกรีตซึ่งเป็นส่วนควบของที่ดินนั้น ผู้เสียหายและสามีซึ่งเป็นผู้เช่าที่ดิน ไม่ใช่เจ้าของที่ดินจึงไม่ใช่ผู้เสียหายที่จะแจ้งความร้องทุกข์ในความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์(กำแพงที่ดิน)ได้เพราะเป็นความผิดต่อส่วนตัว
๓.ต้นไม้ที่อ้างว่าได้รับความเสียหายจากการขนย้ายนั้นก็ปรากฏข้อเท็จจริงว่า ขาดน้ำขาดการบำรุงหลายเดือน ไม่เกี่ยวกับการกระทำผู้ต้องหา ส่วนทรัพย์สินอื่นก็ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าผู้ต้องหาทำให้เสียหาย ทำให้เสื่อมค่า ทำให้ไร้ประโยชน์อย่างใด การกระทำของผู้ต้องหาจึงไม่เป็นความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์

ไม่มีความคิดเห็น: