ค้นหาบล็อกนี้

วันพุธที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2559

"เบรคกะทันหัน”

พนักงานขับรถหน่วยราชการพาข้าราชการไปสัมมนา เกิดอุบัติเหตุระหว่างทางขากลับ ทำให้ผู้ฟ้องคดีได้รับบาดเจ็บรถได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง คณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดเห็นว่า เป็นเหตุสุดวิสัยไม่ต้องรับผิด เนื่องจากถนนเป็นทางโค้งลาดชันเข้าหาคอสะพาน ทั้งเป็นเวลาพลบค่ำ ฝนตกถนนลื่น ยากต่อการควบคุม ทั้งระบบเบรคล็อคทำงานไม่สมบรูณ์ แต่ทางราชการที่เป็นเจ้าของรถเห็นว่า การขับรถในทางโค้งลงเขาขณะฝนตกถนนลื่น โดยผู้ฟ้องคดีชะลอความเร็วโดยเปลี่ยนมาใช้เกียร์สี่และแตะเบรค รถลื่นไม่สามารถควบคุมได้ พุ่งตกร่องน้ำ แสดงขับรถด้วยความเร็วสูงและประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง จึงต้องรับผิดใช้ค่าเสียหาย จึงมีความเห็นให้ผู้ฟ้องคดีใช้เงินตามความเห็นของหน่วยราชการ ผู้ฟ้องคดีโต้แย้งว่า ระบบเบรกบกพร่อง โดยก่อนเกิดเหตุ ๑ กิโลเมตร ได้ลดความเร็วของรถลงพร้อมเปลี่ยนเกียร์เป็นเกียร์สี่ความเร็วประมาณ ๖๐ กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่เมื่อแตะเบรกทำให้ล้อล็อคเพราะระบบเอบีเอสของรถขัดข้อง ประกอบทัศนะวิสัยไม่ดี เป็นเวลาพลบค่ำมีฝนตก ทำให้ฝนตก ถนนลื่น รวมทั้งสภาพถนนเป็นทางโค้งลาดชันลงเขา และความเสียหายเกิดขึ้นจากความลึกของร่องระบายน้ำทำให้มีแรงอัดกระแทก พิจารณาแล้วเห็นว่า ที่เกิดเหตุเป็นทางโค้งลงเขา มีฝนตก ถนนเปียกลื่น ผู้ฟ้องคดีเป็นพนักงานขับรถย่อมอยู่ในวิสัยที่จะทราบดีถึงวิธีการขับรถที่ปลอดภัยในสภาพถนนดังกล่าว และพึงต้องใช้ความระมัดระวังมากขึ้นเป็นพิเศษกว่าสภาวะปกติ การที่เบรครถกระทันหันเมื่อมาถึงที่เกิดเหตุ ทำให้ล้อล็อคไม่สามารถควบคุมรถได้ จนเป็นเหตุให้รถเสียหลักพุ่งตกลงไปในร่องระบายน้ำอีกฝากถนน ขณะนั้นไม่มีรถอื่นวิ่งสวนหรือแซงมาจนต้องแตะเบรกกะทันหันหรือหักพวงมาลัยหลบ พฤติการณ์แสดงได้ว่าขับรถด้วยความเร็วสูงโดยประมาท ไม่มีการควบคุมความเร็วรถให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมกับสถานการณ์ การแตะเบรกกะทันหันทำให้ล้อล็อคจนไม่สามารถควบคุมรถได้ แสดงว่ารถวิ่งมาด้วยความเร็วสูงทำให้รถเสียหลักควบคุมรถไม่ได้ หากลดความเร็วของรถลงมาพอสมควรกับสภาพถนนตามอัตราความเร็วที่กล่าวอ้างจริง การแตะเบรคโดยกะทันหันจะไม่ทำให้ล้อล็อคจนถึงขั้นควบคุมรถไม่ได้ ประกอบกับการที่ผู้โดยสารกระเด็นออกนอกรถ เป็นผลมาจากการที่รถวิ่งด้วยความเร็วสูง ไม่ได้เกิดจากสาเหตุล้อล็อคขัดข้อง สภาพร่องระบายน้ำมีความลึก ๔ เมตร หากรถตกลงไปโดยไม่มีแรงกระแทกใดๆ ความเสียหายจะเกิดขึ้นเพียงเล็กน้อย ความเสียหายที่เกิดรุนแรงกับรถ อาจเกิดจากแรงอัดกระแทกที่รุนแรงอันเป็นผลมาจากการขับรถด้วยความเร็วสูง อุบัติเหตุครั้งนี้เกิดจากการขาดการใช้ความระมัดระวังที่เพียงพอ ซึ่งหากใช้ความระมัดระวังเพียงเล็กน้อย ก็อาจป้องกันความเสียหายได้ จึงเป็นการกระทำโดยประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงก่อให้เกิดความเสียหายแก่หน่วยงานของรัฐ นอกจากอุบัติเหตุจะเกิดจากดความประมาทของผู้ฟ้องคดีแล้ว ส่วนหนึ่งที่เป็นปัจจัยภายนอกที่อาจมีผลต่อระดับการใช้ความระมัดระวังของแต่ละบุคคลต่างกัน ไม่ว่าสภาพถนนเป็นที่ลาดชันเป็นทางโค้งลงเขา เป็นเวลาพลบค่ำมีฝนตก ถนนเปียกลื่น ทัศนะวิสัยไม่ดี การควบคุมขับขี่รถให้เหมือนสภาวะปกติย่อมไม่อาจกระทำได้ ถือเป็นปัจจัยภายนอกที่ผู้ฟ้องคดีไม่อาจหลีกเลี่ยงและควบคุมได้ เมื่อพิจารณาถึงระดับความร้ายแรงแห่งการกระทำ ความเหมาะสม ความเป็นธรรมแล้ว เห็นควรให้ผู้ฟ้องคดีรับผิดใช้ค่าเสียหายร้อยละ ๖๐ ของค่าเสียหาย ๒๐๐,๐๐๐บาท เป็นเงิน ๑๒๐,๐๐๐ บาท พิพากษาให้เพิกถอนคำสั่งให้รับผิดชดใช้ค้าเสียหายเกินกว่า๑๒๐,๐๐๐บาท คำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด อ. ๓๓๗/๒๕๕๕
ข้อสังเกต ๑.กรณีที่เจ้าหน้าที่กระทำการละเมิดในการปฏิบัติหน้าที่ ทำให้หน่วยงานของรัฐเสียหาย หน่วยงานของรัฐจะใช้สิทธิ์เรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ผู้ทำละเมิด ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนได้ ต้องเป็นการกระทำโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงเท่านั้น และการจะเรียกให้เจ้าหน้าที่ชดใช้ค่าสินไหมทดแทน ต้องคำนึงถึงความร้ายแรงแห่งการกระทำและความเป็นธรรมในแต่ละกรณี โดยไม่จำให้ต้องใช้เต็มจำนวนค่าเสียหายก็ได้ พรบ.ความรับผิดทางละเมิดฯ มาตรา ๘,๑๐
๒.การขับรถในทางโค้งลงเขาในขณะมีฝนตกถนนลื่น ในเวลาพลบค่ำ ต้องใช้ความระมัดระวังมากเป็นพิเศษด้วยการขับรถโดยใช้เกียร์ต่ำ ซึ่งควรเป็นเกียร์สามหรือเกียร์สอง เพื่อให้เกียร์รถช่วยชะลอความเร็วของรถและให้รถเกาะถนนและสามารถเข้าโค้งในขณะลงเขาได้ ไม่ควรใช้เกียร์หนึ่งในการลงเขาแม้จะเป็นเกียร์ต่ำก็ตาม เพราะหากมีเหตุฉุกเฉินแล้วก็ไม่มีเกียร์ที่ต่ำกว่าเกียร์หนึ่งเพื่อจะมาช่วยลดความเร็วของรถได้ การที่ขับรถลงเขาด้วยเกียร์สองหรือเกียร์สาม หากมีเหตุฉุกเฉินก็ยังสามารถเปลี่ยนเกียร์ให้ต่ำลงไปอีกเพื่อให้เกียร์ช่วยเบรค
๓.ข้ออ้างที่ว่าได้ลดความเร็วของรถลงมาที่เกียร์สี่จนเหลือความเร็วประมาณ ๖๐ กิโลเมตรต่อชั่วโมง แสดงให้เห็นว่าก่อนหน้านั้นขับรถด้วยเกียร์ที่สูงกว่าเกียร์สี่ซึ่งเป็นเกียร์สูงไม่เหมาะในการใช้ขับรถลงเขา เพราะรถจะไม่สามารถเข้าโค้งได้อย่างปลอดภัย การลดความเร็วของรถลงมาเหลือ ๖๐ กิโลเมตรต่อชั่วโมงแสดงว่าขับรถด้วยความเร็วมากกว่านี้แล้วลดความเร็วของรถลงมาเหลือ ๖๐ กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งความเร็วของรถที่มากเกิน ๖๐ กิโลเมตรต่อชั่วโมงเป็นความเร็วที่เร็วเกินไปในขณะขับรถลงเขาที่เป็นทางโค้ง ไม่เหมาะต่อการขับรถลงเขา ไม่สามารถควบคุมรถลงเขาที่เป็นทางโค้งได้อย่างปลอดภัย
๔.การเหยียบเบรกกระทันหันในขณะรถเข้าโค้งและลงเขา อาจทำให้รถเสียหลักหมุนเป็นวงกลมได้ และยิ่งขณะเกิดเหตุมีฝนตกถนนลื่นด้วยแล้วการเหยียบเบรคกระทันหันในขณะเข้าโค้งย่อมคาดหมายได้ว่ารถจะเสียหลักหมุนตัวได้ ทั้งขณะเหยียบเบรคก็ไม่ปรากฏว่ามีรถวิ่งสวนมาหรือแซงมาจนต้องแตะเบรก น่าเชื่อว่าแตะเบรกเพราะขับรถลงเขาด้วยเกียร์สี่ด้วยความเร็วจนไม่สามรถบังคับรถได้จึงแตะเบรกเพื่อลดความเร็วของรถลง ซึ่งเมื่อแตะเบรกขณะรถลงเขาในทางโค้งและถนนลื่นเพราะมีฝนตกรถจึงไม่สามารถควบคุมได้จึงเกิดการเสียหลักตกลงไปในล่องน้ำฝังตรงข้าม การที่รถเสียหลักตกลงไปในร่องน้ำฝั่งตรงข้ามแสดงให้เห็นว่ารถวิ่งมาด้วยความเร็วสูงอาจมากกว่า ๖๐ กิโลเมตรต่อชั่วโมงตามที่ต่อสู้ไว้ก็ได้ และเมื่อดูสภาพรถที่เสียหายและผู้โดยสารที่กระเด็นออกมานอกตัวรถย่อมแสดงให้เห็นว่าขับรถด้วยความเร็วสูงในขณะลงเขาเป็นทางโค้งในขณะฝนตกถนนลื่นถือเป็นการขับรถด้วยความประมาทปราศจากความระมัดระวังซึ่งบุคคลในสภาวะผู้ขับขี่รถที่เป็นพนักงานขับรถจักต้องมีตามวิสัยและพฤติการณ์ และผู้ขับขี่อาจใช้ความระมัดระวังเช่นว่านั้นได้ด้วยการขับรถด้วยความเร็วต่ำโดยใช้เกียร์ต่ำไม่เหยียบเบรกกะทันหันเมื่อรถเข้าโค้งขณะลงเขา แต่ก็หาได้ใช้ความระมัดระวังให้เพียงพอไม่ การกระทำดังกล่าวจึงเป็นการกระทำโดยประมาท และเป็นการกระทำโดยประมาทอย่างร้ายแรงด้วย
๕.เมื่อเป็นการกระทำโดยประมาทอย่างร้ายแรง ไม่ใช่เพียงประมาทเลินเล่อธรรมดา พนักงานขับรถของทางราชการ ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของทางราชการ ที่ได้กระทำละเมิดในการปฏิบัติหน้าที่ขับรถหน่วยงานราชการพาข้าราชการไปสัมมนาและได้เกิดอุบัติเหตุระหว่างเดินทางกลับ แล้วทำให้รถซึ่งเป็นทรัพย์สินทางราชการเสียหาย หน่วยราชการจะเรียกให้เจ้าหน้าที่ผู้ทำละเมิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนได้ เพราะไม่ใช่การกระทำโดยประมาทธรรมดา แต่เป็นการกระทำโดยประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง แต่การเรียกให้ชดใช้ค่าเสียหายต้องคำนึงถึงความร้ายแรงแห่งการกระทำและความเป็นธรรมในแต่ละกรณี โดยไม่จำต้องใช้เต็มตามจำนวนค่าเสียหายก็ได้
๖.ดังนั้นการที่มีฝนตกถนนลื่น ขณะเกิดเหตุเป็นเวลาพลบค่ำ สภาพถนนเป็นทางลาดชันลงเขา ศาลจึงกำหนดให้ใช้ค่าสินไหมทดแทนในสัดส่วน๖๐ เปอร์เซ็นต์ของค่าเสียหายที่หน่วยราชการเรียกร้องมา
๗.หน่วยราชการเป็นหน่วยงานทางปกครองเพราะเป็นส่วนราชการ คนขับรถที่เป็นข้าราชการ พนักงาน หรือลูกจ้างหรือผู้ปฏิบัติงานในหน่วยงานราชการซึ่งเป็นหน่วยงานทางปกครอง ย่อมเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ เมื่อมีกรณีพิพาทเกี่ยวกับการขับรถโดยประมาทอันเป็นการกระทำละเมิดของเจ้าหน้าที่ของรัฐ ย่อมขึ้นศาลปกครอง

ไม่มีความคิดเห็น: