๑.ส่งไข่ผงเสื่อมคุณภาพโดยหลอกลวงว่าเป็นนมผงตามที่โจทก์สั่งซื้อ หวังเพื่อจะได้เงิน เมื่อยังไม่ได้ชำระเงิน เป้นพยายามฉ้อโกง คำพิพากษาฏีกา ๓๓๕๑/๒๕๔๒
๒.ปลอมลายมือชื่อเพื่อนเพื่อรับเงินเดือนให้เพื่อน ปรากฏว่าเป็นการกระทำโดยวิสาสะ โดยเป็นเพื่อนกันเคยผลัดเปลี่ยนกันรับเงินเดือนแทน ไม่เป็นความผิดฐานฉ้อโกง คำพิพากษาฏีกา ๑๐๒/๒๔๗๒
๓.หลอกเจ้าพนักงานที่จับและยึดยางรถยนต์ของกลางโดยอ้างว่าเป็นยางรถของตนเอง ความจริงเป็นยางรถของผู้ถูกจับกุม โดยทำไปเพื่อช่วยผู้ถูกจับซึ่งเป็นเจ้าของยางรถ ไม่ใช่เป็นการเอายางมาเป็นของตนเองหรือของผู้อื่น ไม่เป็นความผิดฐานฉ้อโกง คำพิพากษาฏีกา ๘๙/๒๔๘๘
๔.หลอกให้ลงชื่อในใบแต่งทนาย ไม่เป็นความผิดฐานฉ้อโกง คำพิพากษาฏีกา ๑๑๐๗/๒๕๐๙
๕.หลอกให้ถอนคำร้องทุกข์ในความผิดอันยอมความได้ ไม่เป็นความผิดฐานฉ้อโกง คำพิพากษาฏีกา ๙๓๘/๒๕๐๖
๖.หลอกว่าให้มอบเงินแก่ตน ๔,๐๐๐บาท เพื่อนำไปไถ่โทรศัพท์มือถือที่หายไป แต่ผู้เสียหายไม่มีเงินจึงบอกให้บุคคลอื่นออกเงินค่าไถ่โทรศัพท์แทนและให้โทรศัพท์ตกเป็นของผู้ไถ่ ผู้ไถ่มอบเงินให้จำเลยไป ผิดฐานฉ้อโกง คำพิพากษาฏีกา ๑๐๖๔/๒๔๙๑
ข้อสังเกต ๑.การนำไข่ผงซึ่งเสื่อมคุณภาพโดยหลอกลวงว่าเป็นนมผงตามที่สั่งซื้อเป็นการหลอกลวงด้วยการแสดงข้อความจริงอันเป็นเท็จว่าไข่ผงที่เสื่อมคุณภาพเป็นนมผงตามที่สั่งซื้อ ทั้งที่ความจริงแล้วเป็นไข่ผงที่เสื่อมสภาพไปแล้ว จนผู้เสียหายหลงเชื่อตามที่จำเลยหลอกลวง และโดยการหลอกลวงจำเลยหวังที่จะได้ไปซึ่งเงินค่าซื้อนมผงจากผู้เสียหายซึ่งสั่งซื้อนมผงซึ่งเป็นผู้ถูกหลอกลวง โดยจำเลยมีเจตนาทุจริตแสวงหาประโยชน์อันมิควรได้โดยชอบด้วยกฏหมายในการที่จะได้รับชำระราคานมผง การกระทำดังกล่าวเป็นความผิดฐานฉ้อโกง แต่เมื่อผู้เสียหายยังไม่ได้ชำระราคาให้จำเลย การกระทำของจำเลยจึงเป็นการกระทำความผิดฐานฉ้อโกงโดยกระทำการไปโดยตลอดแล้ว แต่การกระทำไม่บรรลุผลเนื่องจากผู้เสียหายยังไม่ได้ส่งมอบเงินตามที่ถูกจำเลยหลอกลวง การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานพยายามฉ้อโกง ตาม ปอ มาตรา ๘๐,๓๔๑
๒.การนำไข่ผงซึ่งเสื่อมคุณภาพโดยหลอกลวงว่าเป็นนมผงตามที่สั่งซื้อ เป็นการส่งมอบไข่ผงที่เสื่อมคุณภาพแทนนมผงที่สั่งซื้อทั้งหมด แต่มิใช่การนำไข่ผงที่เสื่อมสภาพมา “ปลอมปน” ในนมผงที่มีคุณภาพแล้วนำมาเสนอขาย การเสนอขายไข่ผงที่เสื่อมสภาพโดยหลอกว่าเป็นนมผงที่สั่งซื้อจึงไม่ใช่ การ “ปลอมปน” อาหารหรือยา เครื่องอุปโภคบริโภคอื่นใด เพื่อบุคคลเสพหรือใช้ จนน่าเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่สุขภาพ ตาม ปอ มาตรา ๒๓๖ และเมื่อไม่มีการนำไข่ผงปลอมมาเจือปนอยู่ในนมผง การกระทำดังกล่าวจึงไม่ใช่การ จำหน่ายหรือเสนอขายไข่ผงปลอมโดยปลอมปนในนมผง เพื่อบุคคลอื่นเสพหรือใช้ ตาม ปอ มาตรา ๒๓๖
๓.การที่จำเลยนำไข่ผงซึ่งเสื่อมคุณภาพโดยหลอกลวงว่าเป็นนมผงตามที่สั่งซื้อ เป็นการขายโดยหลอกลวงด้วยประการใดๆให้ผู้เสียหายซึ่งเป็นผู้ซื้อหลงเชื่อใน สภาพ คุณภาพแห่งของนั้น เมื่อการกระทำดังกล่าวเป็นความผิดฐานพยายามฉ้อโกง ตามข้อสังเกตข้อที่ ๑ แล้ว ย่อมไม่เป็นความผิดฐานขายโดยหลอกลวงด้วยประการใดๆให้ผู้ซื้อหลงเชื่อในสภาพ และคุณภาพของนมผง(ไข่ผงที่หลอกว่าเป็นนมผง)อันเป็นเท็จตาม ปอ มาตรา ๒๗๑ เพราะกรณีที่จะเป็นความผิดตามมาตรานี้ได้การกระทำดังกล่าวต้องไม่เป็นความผิดฐานฉ้อโกง หากความผิดดังกล่าวเป็นความผิดฐานฉ้อโกงแล้วก็ไม่สามารถเป็นความผิดตามมาตรานี้ได้
๔.ไม่มีบทบัญญัติในกฎหมายใดให้อำนาจลงลายมือชื่อแทนกันได้ แม้จะได้รับความยินยอมจากผู้เป็นเจ้าของลายมือชื่อก็ลงลายมือชื่อแทนกันไม่ได้ การที่ลงลายมือชื่อของบุคคลอื่นก็คือการปลอมลายมือชื่อนั้นเอง จึงเป็นการลงลายมือชื่อปลอมในเอกสารหลักฐานการรับเงินซึ่งเป็นเอกสารที่แท้จริง แม้จะทำให้เจ้าหน้าที่การเงินเข้าใจว่าเป็นลายมือชื่อที่แท้จริงและยอมมอบเงินให้ไปก็ตาม แต่เมื่อกระทำไปโดยถือวิสาสะ และเคยผลัดเปลี่ยนกันกระทำแบบนี้มาก่อน โดยไม่มีเจตนาทุจริตแสวงหาประโยชน์อันมิควรได้โดยชอบด้วยกฏหมายสำหรับตนเองหรือผู้อื่น จึงเป็นการกระทำที่ขาดเจตนาในการกระทำความผิด คือ ไม่มีเจตนาประสงค์ต่อผลหรือเล็งเห็นผลแห่งการกระทำในการที่จะหลอกเอาไปซึ่งเงินเดือนของบุคคลอื่น เมื่อการกระทำดังกล่าวเป็นเรื่องถือวิสาสะและเคยกระทำกันมาแบบนี้มาก่อน และในครั้งก่อนๆเมื่อรับเงินมาแล้วก็นำมามอบให้ เมื่อผู้เสียหายได้รับเงินเดือนที่จำเลยรับแล้วนำมามอบให้ครบถ้วน ความเสียหายไม่เกิด การกระทำดังกล่าวจึงขาดเจตนาทุจริตที่จะลงลายมือชื่อปลอมลงในเอกสารที่แท้จริงเพื่อนำมาขอรับเงินเดือน เมื่อไม่มีความเสียหายเกิดขึ้น จึงไม่ครบองค์ประกอบของความผิดฐานปลอมเอกสาร
๔.แม้มีการหลอกลวงเจ้าหน้าที่การเงินด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จว่าลายมือชื่อที่ตนลงนั้นเป็นลายมือชื่อของผู้เสียหายที่แท้จริงทั้งที่ความจริงแล้วตนไม่ใช่บุคคลที่มีรายชื่อที่จะสามารถรับเงินเดือนดังกล่าวได้ก็ตาม และโดยการหลอกลวงดังกล่าวทำให้เจ้าหน้าที่การเงินหลงเชื่อยอมมอบเงินให้ไปก็ตาม แต่เมื่อการกระทำดังกล่าวเป็นเรื่องวิสาสะที่เคยกระทำกันมาก่อนหน้านี้ จึงขาดเจตนาทุจริตที่จะแสวงหาประโยชน์อันไม่ควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเองหรือผู้อื่น ไม่ครบองค์ประกอบความผิดฐานฉ้อโกง ไม่เป็นความผิดฐานฉ้อโกงโดยการแสดงตนเป็นบุคคลอื่นตามปอ มาตรา ๓๔๑,๓๔๒(๑)
๕.หลอกเจ้าพนักงานที่จับและยึดยางรถยนต์ของกลางโดยอ้างว่าเป็นยางรถของตนเอง ความจริงเป็นยางรถของผู้ถูกจับกุม โดยทำไปเพื่อช่วยผู้ถูกจับซึ่งเป็นเจ้าของยางรถ แม้เป็นการหลอกลวงด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จว่ายางเป็นของตนเองทั้งที่ความจริงแล้วยางเป็นของผู้ถูกจับกุม จนเจ้าหน้าที่หลงเชื่อยอมมอบยางให้แก่จำเลยไป แม้การหลอกลวงดังกล่าวจะเป็นการหลอกลวงด้วยการแสดงข้อความจริงอันเป็นเท็จ จนผู้ถูกหลอกลวงหลงเชื่อ และโดยการหลอกลวงได้ไปซึ่งยางดังกล่าวก็ตาม แต่เมื่อการเอายางนั้นมาไม่ได้นำมาเพื่อเป็นของตนเองหรือของผู้อื่นจึงไม่ใช่การแสวงหาประโยชน์อันไม่ควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายไม่เป็นการกระทำโดยทุจริต ไม่ครบองค์ประกอบความผิดฐานฉ้อโกงที่ต้องเป็นการกระทำโดยทุจริต การกระทำของจำเลย ไม่เป็นความผิดฐานฉ้อโกง
๖.อย่างไรก็ตามการที่หลอกลวงเจ้าหน้าที่ด้วยความเท็จว่ายางของกลางที่ถูกยึดมาเป็นของตน ตนไม่รู้เห็นเป้นใจในการกระทำความผิดของจำเลย เจ้าหน้าที่ไม่สามารถยึดได้เพราะตนเป็นเจ้าของไม่รู้เห็นเป็นใจในการกระทำความผิดจึงมีสิทธิ์ขอยางของกลางคืนได้ตาม ปอ มาตรา ๓๖ เป็นการใช้สิทธิ์ติดตามเอาคืนตาม ปพพ มาตรา ๑๓๓๖ ที่เจ้าของมีสิทธิ์ติดตามเอาทรัพย์ของตนคืนได้จากผู้ที่ไม่มีสิทธิ์ยึดถือทรัพย์ของตนนั้น ก็ตาม แต่การที่ไปหลอกเจ้าหน้าที่ว่ายางของกลางเป็นของตนจนเจ้าหน้าที่หลงเชื่อยอมคืนยางให้จำเลยไปนั้น ย่อมเป็นการเอาไปเสียซึ่งทรัพย์ที่ถูกยึดเพื่อจะไม่ให้มีการเป็นไปตามคำพิพากษาหรือคำสั่งที่จะต้องให้มีการริบยางของกลางเพราะเป็นทรัพย์ที่ใช้หรือมีไว้เพื่อใช้ในกากระทำความผิด การกระทำดังกล่าวจึงเป็นการเอาไปเสียซึ่งทรัพย์ที่ถูกยึดเพื่อไม่ให้เป็นไปตามคำพิพากษาหรือคำสั่งตาม ปอ มาตรา ๑๘๗ เป็นความเห็นส่วนตัวครับ
๗.หลอกด้วยการแสดงข้อความเท็จเพื่อจูงใจหรือหลอกล่อให้ผู้เสียหายลงชื่อในใบแต่งทนาย แม้กระทำไปโดยมีเจตนาทุจริตหรือไม่ก็ตาม แม้ผู้เสียหายหลงเชื่อและยอมลงลายมือชื่อในใบแต่งทนาย แต่การหลอกลวงดังกล่าวก็ไม่ได้ไปซึ่งทรัพย์สินของผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สาม อีกทั้งใบแต่งทนายก็เป็นเพียงการมอบอำนาจให้ทนายความมีอำนาจดำเนินการแทนตัวความในการดำเนินกระบวนพิจารณาคดีในศาล ใบแต่งทนายจึงไม่ใช่เอกสารสิทธิ์ที่เป็นหลักฐานแห่งการ ก่อ เปลี่ยนแปลง โอน สงวน หรือระงับซึ่งสิทธิ์ใดๆ เมื่อใบแต่งทนายไม่ใช่เอกสารสิทธิ์ การหลอกให้ลงลายมือชื่อในใบแต่งทนายจึงไม่ใช่การหลอกให้ผู้เสียหายหรือบุคคลที่สาม ทำ ถอน หรือ ทำลายเอกสารสิทธิ์ ไม่ครบองค์ประกอบความผิดฐานฉ้อโกงตาม ปอ มาตรา ๓๔๑ ไม่เป็นความผิดฐานฉ้อโกง
๘..ในความผิดที่เป็นอาญาแผ่นดิน ไม่สามารถถอนคำร้องทุกข์ หรือยอมความกันได้ เฉพาะความผิดต่อส่วนตัวเท่านั้นที่ผู้เสียหายสามารถถอนคำร้องทุกข์ ถอนฟ้องหรือยอมความกันได้ซึ่งจะทำให้สิทธิ์ในการนำคดีอาญามาฟ้องระงับไปตาม ปวอ มาตรา ๓๙(๒) เมื่อคำร้องทุกข์ เป็นเพียงคำบอกกล่าวแก่พนักงานสอบสวนเพื่อมอบอำนาจให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีไปตามกฎหมาย หาใช่หลักฐานแห่งการ ก่อ เปลี่ยนแปลง โอน สงวน หรือระงับซึ่งสิทธิ์ในตัวเอกสารการร้องทุกข์แต่อย่างใดไม่ บันทึกการร้องทุกข์จึงไม่ใช่ “เอกสารสิทธิ์” เมื่อไม่ใช่เอกสารสิทธิ์ แม้จะมีการหลอกให้ถอนคำร้องทุกข์ในความผิดอันยอมความโดยเจตนาทุจริตแสวงหาประโยชน์อันไม่ควรได้โดยชอบด้วยกฏหมายสำหรับตนเองหรือบุคคลอื่นก็ตาม แต่การหลอกลวงดังกล่าวก็ไม่ใช่การหลอกให้ผู้เสียหายหรือบุคคลที่สาม ทำ ถอน ทำลาย ซึ่ง “ เอกสารสิทธิ์” ไม่ครบองค์ประกอบกฎหมาย ไม่เป็นความผิดฐานฉ้อโกง
๙..การที่จำเลยหลอกผู้เสียหายให้มอบเงินแก่ตน ๔,๐๐๐บาท เพื่อนำไปไถ่โทรศัพท์มือถือของผู้เสียหายที่หายไป แต่ผู้เสียหายไม่มีเงินจึงบอกให้บุคคลอื่นออกเงินค่าไถ่โทรศัพท์แทนและให้โทรศัพท์ตกเป็นของบุคคลนั้น(ผู้ไถ่) เมื่อ ผู้ไถ่มอบเงินให้จำเลยไป ดังนี้จำเลยได้ไปซึ่งเงินของบุคคลภายนอก โดยการหลอกลวงของจำเลยด้วยเจตนาทุจริตแสวงหาประโยชน์อันมิควรได้โดยชอบด้วยกฏหมาย หลอกลวงผู้เสียหายด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จว่า สามารถนำเงินไปไถ่โทรศัพท์ของผู้เสียหายที่หายไปได้ ทั้งที่ความจริงจำเลยไม่สามารถนำเงินไปไถ่โทรศัพท์ของผู้เสียหายที่หายไปได้ จนผู้เสียหายหลงเชื่อ ได้บอกให้บุคคลภายนอกไถ่โทรศัพท์ดังกล่าว และโดยการหลอกลวงของจำเลยได้ไปซึ่งเงินของผู้ไถ่ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกซึ่งเป็นบุคคลที่สาม การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานฉ้อโกงตามปอ มาตรา ๓๔๑
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น