๑.ครอบครองที่ดินที่มีเพียงใบไต่สวน จะยื่นคำร้องขอให้ศาลแสดงที่ดินเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้องโดยการครอบครองปรปักษ์ไม่ได้ คำพิพากษาฏีกา ๑๘๖/๒๕๐๘
๒.ครอบครองที่ดินโดยไม่ได้รับอนุญาตตามพรบ.ออกโฉนดที่ดิน ไม่สูญเสียสิทธิ์การครอบครอง ผู้ถือใบเหยีบย่ำทับที่เข้าครอบครองอยู่ไม่มีสิทธิ์ดีกว่าผู้ครอบครอง คำพิพากษาฏีกา ๙๕/๒๔๙๗
๓.แจ้งการครอบครองในสค๑ ไม่พอฟังว่าเป็นผู้ครอบครองที่ดิน คำพิพากษาฏีกา ๑๐๑๙/๒๕๑๐
๔.ผู้ที่ไม่มีสิทธิ์ในที่ดิน แม้ไปแจ้งการครอบครองจนได้รับสค๑ และได้รับหนังสือรับรองการทำประโยชน์ นส๓ ก็ไม่เกิดสิทธิ์ครอบครอง คำพิพากษาฏีกา ๑๐๗๖/๒๕๑๐
๕.เจ้าของที่ดินที่มีเพียงสิทธิ์ครอบครอง(สค๑) เมื่อเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ทำการยึดแล้ว ที่ดินย่อมตกอยู่ในความยึดถือของเจ้าพนักงานบังคับคดี เมื่อเจ้าพนักงานบังคับคดีจัดการขายตามคำสั่งศาล ผู้ซื้อชำระราคาแล้ว ย่อมเป็นกรณีที่เจ้าพนักงานบังคับคดีไม่ได้ยึดทรัพย์นั้นต่อไป เป็นที่เข้าใจได้ว่าได้โอนความเป็นเจ้าของตลอดจนความยึดถือให้แก่ผู้ซื้อแล้ว ผู้ซื้อย่อมเป็นเจ้าของทรัพย์รายนี้ คำพิพากษาฏีกา ๑๑๖/๒๕๐๙
๖.ที่ดินมือเปล่า ผู้ครอบครองไม่ได้นำสืบว่ามีสิทธิ์ตามกฎหมาย สละสิทธิ์เมื่อใดก็ขาดสิทธิ์ คำพิพากษาฏีกา ๒๒๒/๒๔๙๗
๗.ที่ดิน สค๑ ไม่อาจโอนทางนิติกรรมจดทะเบียน แต่ศาลพิพากษาให้ส่งมอบที่ดินตามสัญญาจะซื้อจะขายได้ คำพิพากษาฏีกา ๒๐๕/๒๕๒๐
๘.ที่ดินไม่มี สค๑ บังคับให้โอนโดยการส่งมอบได้ หนังสือซื้อขายจึงสมบรูณ์ ส่วนอากรแสตมป์ถ้าไม่ได้ปิด ก็เป็นแต่อ้างเป็นพยานหลักฐานไม่ได้เท่านั้น แต่เอกสารสมบรูณ์หรือไม่ ต้องฟังว่าสมบรูณ์ คำพิพากษาฏีกา ๔๓๗/๒๕๑๘
๙.ที่ดินมือเปล่ามีเพียงสิทธิ์ครอบครองเท่านั้น ย่อมโอนไปด้วยการส่งมอบทรัพย์ที่ครอบครอง คำพิพากษาฏีกา ๒๑๙/๒๕๐๙
๑๐.จำเลยแย่งการครอบครองที่นาที่มีหนังสือรับรองการทำประโยชน์๒ ปี เข้าปีที่ ๓ ก็ถูกจับ อัยการฟ้องว่าบุกรุก โจทก์กลับเข้าทำนานั้นอีก ศาลยกฟ้องคดีอาญาเพราะจำเลยทำโดยเข้าใจว่าเป็นนาของจำเลย ปีที่ ๔ จำเลยกลับทำนาอีก โจทก์ไม่ได้เรียกคืนภายใน ๑ ปี จำเลยมีสิทธิ์ขึ้นใหม่นับแต่วันนั้น โจทก์เข้าแย่งทำระหว่างคดีถือเป็นเหตุชั่วคราว การครอบครองของจำเลยยังไม่สิ้นสุด คำพิพากษาฏีกา ๑๕๓๓/๒๕๒๒
๑๑.ขอหนังสือ นส๓ และเข้าครอบครองเป็นการแย่งการครอบครองตั้งแต่นั้น ผู้ถูกแย่งร้องต่อทางราชการและเสียภาษีบำรุงท้องที่ ก็ฟ้องเอาคืนเกิน ๑ ปีไม่ได้ ศาลยกกำหนดเวลาดังกล่าวได้เองแม้จำเลยไม่ยกต่อสู้ คำพิพากษาฏีกา ๓๐๔๔/๒๕๒๒
๑๒.ที่พิพาทเป็นของโจทก์ จำเลยไม่ได้เข้าครอบครองที่พิพาท แม้ทางราชการจะออก นส๓ ก. สำหรับที่พิพาทให้จำเลย ก็ถือไม่ได้ว่าจำเลยแย่งการครอบครอง โจทก์มีสิทธิ์ฟ้องให้เพิกถอน นส๓ ก ได้แม้เกิน ๑ ปี นับแต่วันที่ทางราชการออกนส๓ก ให้จำเลย คำพิพากษาฏีกา ๒๑๓๖/๒๕๒๓
ข้อสังเกต ๑.ที่ดินมือเปล่า เป็นที่ดินที่ไม่มีหนังสือแสดงกรรมสิทธิ์ ซึ่งหนังสือแสดงกรรมสิทธิ์ในที่ดินคือ โฉนด โฉนดแผ่นที่ โฉนดตราจอง ตราจองว่าได้ทำประโยชน์แล้ว ดังนั้นที่ดินมือเปล่าจึงได้แก่
๑.๑ใบเหยียบย่ำ หรือตราจองที่เป็นใบอนุญาต
๑.๒ที่ดินที่มีการแจ้งการครอบครอง(สค๑)
๑.๓ที่ดินที่มีใบจอง
๑.๔ที่ดินที่มีหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (นส๓, นส๓ก)
๑.๕ที่ดินที่มีหนังสือแสดงการทำประโยชน์ นค๓
๑.๖ที่ดินที่มีใบไต่สวน
๑.๗ที่ดินที่ไม่มีหลักฐานอะไรเลย มักเป็นกรณีที่ราษฏร์เข้าไปครอบครองโดยพละการ
๒.ที่ดินมือเปล่าเมื่อยังไม่มีหลักฐานแสดงกรรมสิทธิ์ หากถูกแย่งการครอบครองโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ต้องฟ้องเอาคืนซึ่งการครอบครองภายใน ๑ ปีนับแต่เวลาถูกแย่งการครอบครอง แต่หากเป็นที่ดินมีหลักฐานแสดงกรรมสิทธิ์ การแย่งการครอบครองต้องกระทำโดยสงบเปิดเผยเจตนาเป็นเจ้าของเป็นระยะเวลาติดต่อกัน ๑๐ ปีตาม ป.พ.พ. ๑๓๗๕,๑๓๘๒
๓.ที่ดินที่มีหลักฐานเป็นใบไต่สวน มีเพียงสิทธิ์ครอบครอง ยังไม่เป็นเอกสารการได้มาซึ่งกรรมสิทธิ์ในที่ดินดังนั้น การแย่งการครอบครองโดยการครอบครองปรปักษ์เป็นการแย่งการครอบครองที่ดินมีหลักฐานแสดงกรรมสิทธิ์ . ดังนั้นการแย่งการครอบครองที่ดินที่มีเพียงใบไต่สวนแม้จะครอบครองโดยสงบเปิดเผยเจตนาเป็นเจ้าของเกิน ๑๐ ปี ก็จะยื่นคำร้องขอให้ศาลแสดงที่ดินเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้องโดยการครอบครองปรปักษ์ไม่ได้ เพราะใบไต่สวนไม่ใช่หนังสือแสดงกรรมสิทธิ์
๔.ระหว่างผู้ครอบครองที่ดินที่ยังไม่มีหนังสือแสดงกรรมสิทธิ์ กับผู้ถือใบเหยียบย่ำ บุคคลทั้งสองยังไม่มีใครมีกรรมสิทธิ์ในที่ดิน เพราะเอกสารดังกล่าวไม่ใช่เอกสารแสดงกรรมสิทธิ์ในที่ดิน เพราะต่างเป็นที่ดินมือเปล่า แต่ในระหว่างบุคคลทั้งสองผู้ครอบครองที่ดินโดยไม่ได้รับอนุญาตตามพรบ.ออกโฉนดที่ดิน ไม่สูญเสียสิทธิ์การครอบครอง ผู้ถือใบเหยีบย่ำทับที่เข้าครอบครองอยู่ไม่มีสิทธิ์ดีกว่าผู้ครอบครอง เพราะบุคคลที่ครอบครองกฎหมายสันนิษฐานไว้ก่อนว่าครอบครองโดยสุจริต สงบ เปิดเผย ตาม ป.พ.พ. มาตรา ๑๓๗๐ และเมื่อเข้าครอบครองที่ดิน กฎหมายสันนิษฐานว่าเป็นสิทธิ์ที่ผู้ครอบครองมีตามกฎหมาย ป.พ.พ. ๑๓๗๒ ดังนั้นระหว่างผู้ที่ถือใบเหยียบย่ำกับผู้ที่เข้าครอบครองที่ดิน ผู้เข้าครอบครองย่อมมีสิทธิ์ดีกว่า
๕.แจ้งการครอบครองในสค๑ ไม่พอฟังว่าเป็นผู้ครอบครองที่ดิน การครอบครองต้องกระทำโดยเจตนายึดถือทรัพย์สินนั้นซึ่งกฎหมายสันนิษฐานว่ายึดถือเพื่อตน เมื่อครอบครองทรัพย์สินโดยยึดถือเพื่อตนจึงจะได้สิทธิ์ครอบครอง ตาม ป.พ.พ มาตรา ๑๓๖๙,๑๓๖๗ ดังนั้นเพียงการแจ้งการครอบครองตามแบบสค๑ โดยไม่ได้เข้าครอบครองแท้จริง ผู้แจ้งการครอบครองจึงยังไม่ได้สิทธิ์ครอบครองและไม่ถือว่าเป็นการครอบครองที่ดินเพื่อตน
๖.ผู้ที่ไม่มีสิทธิ์ในที่ดิน แม้ไปแจ้งการครอบครองจนได้รับสค๑ และได้รับหนังสือรับรองการทำประโยชน์ นส๓ ก็ไม่เกิดสิทธิ์ครอบครอง เมื่อไม่มีสิทธิ์ในที่ดินแล้วไปแจ้งการครอบครองจนเจ้าหน้าที่ผิดหลงผิดหรือเกิดความผิดพลาดจนเจ้าหน้าที่ออก สค๑ และนส๓ ให้ก็ไม่เกิดสิทธิ์ครอบครอง เพราะเมื่อไม่ได้ยึดถือครอบครองเพื่อตนจึงไม่เกิดสิทธิ์ครอบครองแต่อย่างใด เมื่อไม่มีสิทธิ์ครอบครองจึงไม่ได้สิทธิ์ครอบครองในที่ดินโดยมีเอกสารหลักฐานเป็นสค๑ หรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ เป็นเรื่องความผิดพลาดผิดหลงของเจ้าหน้าที่ซึ่งต้องถูกยกเลิกเพิกถอนในภายหลัง
๗..ที่ดินที่มีเพียงสิทธิ์ครอบครอง(สค๑) เมื่อเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ทำการยึดแล้ว ที่ดินย่อมตกอยู่ในความยึดถือของเจ้าพนักงานบังคับคดี เมื่อเจ้าพนักงานบังคับคดีจัดการขายตามคำสั่งศาล ผู้ซื้อชำระราคาแล้ว ย่อมเป็นกรณีที่เจ้าพนักงานบังคับคดีไม่ได้ยึดทรัพย์นั้นต่อไป เป็นที่เข้าใจได้ว่าได้โอนความเป็นเจ้าของตลอดจนความยึดถือให้แก่ผู้ซื้อแล้ว ผู้ซื้อย่อมเป็นเจ้าของทรัพย์รายนี้ แม้จะพิสูจน์ในภายหลังว่าทรัพย์สินนั้นไม่ใช่ของจำเลย หรือลูกหนี้ตามคำพิพากษา หรือผู้ล้มละลาย ป.พ.พ. มาตรา ๑๓๓๐ และผู้ซื้อโดยสุจริตในการขายทอดตลาดตามคำสั่งศาล ไม่จำต้องคืนทรัพย์ที่ซื้อมาให้แก่เจ้าของที่แท้จริง เว้นแต่เจ้าของที่แท้จริงจะชดใช้ราคาที่ซื้อมา ป.พ.พ. มาตรา ๑๓๓๒ เมื่อทรัพย์ที่ขายทอดตลาดเป็นที่ดินมือเปล่ายังไม่มีหลักฐานแสดงกรรมสิทธิ์ในที่ดิน โดยมีเพียงสิทธิ์ครอบครองเท่านั้น ตามสภาพของทรัพย์ที่เป็นที่ดิน การโอนไปซึ่งการครอบครองไม่สามารถทำการส่งมอบที่ดิน แต่สามารถโอนไปโดยผู้รับโอนซึ่งการครอบครองทำเพียงแสดงเจตนาตาม ป.พ.พ. มาตรา ๑๓๗๙ เท่านั้นก็พอไม่จำต้องดำเนินการตาม ป.พ.พ. มาตรา ๑๓๗๘คือส่งมอบทรัพย์สิน แต่อย่างใดไม่
๘.ที่ดินมือเปล่า ผู้ครอบครองไม่ได้นำสืบว่ามีสิทธิ์ตามกฎหมาย สละสิทธิ์เมื่อใดก็ขาดสิทธิ์ ซึ่งเป็นไปตาม ป.พ.พ. มาตรา ๑๓๗๗ เมื่อผู้ครอบครองสละเจตนาครอบครองไม่ยึดถือทรัพย์สินต่อไป การครอบครองย่อมสิ้นสุดลง
๑๐.ที่ดิน สค๑ ไม่อาจโอนทางนิติกรรมจดทะเบียนเพราะไม่ใช่ที่ดินมีหลักฐานแสดงกรรมสิทธิ์ในที่ดินการโอนจึงไม่ต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ แม้ไม่สามารถบังคับให้จดทะเบียนโอนได้ แต่ศาลพิพากษาให้ส่งมอบที่ดินตามสัญญาจะซื้อจะขายได้
๑๑.ที่ดินไม่มี สค๑ เป็นที่ดินมือเปล่าย่อมบังคับให้โอนโดยการส่งมอบได้ การบังคับให้ส่งมอบที่ดินคือการบังคับให้สละเจตนาครอบครองและไม่ยึดถือทรัพย์นั้นต่อไปตาม ป.พ.พ. มาตรา ๑๓๗๗ หนังสือซื้อขายจึงสมบรูณ์ เพราะมีสภาพบังคับกันได้ ไม่ใช่การทำสัญญาซื้อขายที่เกิดจากการแสดงเจตนาทำนิติกรรมที่เป็นการพ้นวิสัยหรือไม่อาจทำนิติกรรมกันได้ตาม ป.พ.พ. มาตรา ๑๕๐ แต่อย่างใดไม่ ส่วนอากรแสตมป์ถ้าไม่ได้ปิด ก็เป็นแต่อ้างเป็นพยานหลักฐานไม่ได้เท่านั้น แต่เอกสารสมบรูณ์หรือไม่ ต้องฟังว่าสมบรูณ์เพียงแต่ใช้อ้างเป็นพยานเอกสารไม่ได้เท่านั้นเพราะเป็นกรณีที่สัญญาซึ่งเป็นตราสารที่ไม่ปิดแสตมป์ให้บริบรูณ์จึงไม่สามารถใช้ต้นฉบับ คู่ฉบับ คู่ฉีก หรือสำเนาเอกสารเป็นพยานหลักฐานในคดีแพ่งได้ จนกว่าจะปิดอากรแสตมป์ครบถ้วนตามอัตราในบัญชีท้ายของประมวลรัษฏากรและทำการขีดฆ่าอากรนั้นเสีย โดยผู้มีหน้าที่เสียอากร หรือผู้ที่จะถือประโยชน์จากตราสารนั้นชอบที่จะยื่นตราสารต่อพนักงานเจ้าหน้าที่เพื่อขอเสียอากรซึ่งอาจต้องเสียเงินเพิ่มอากรตามที่กฏหมายกำหนด ประมวลรัษฏากรฯ มาตรา ๑๑๘,๑๑๓ การไม่ปิดอากรแสตมป์ตามที่กฏหมายกำหนดไม่ได้หมายความว่าทำให้สัญญาดังกล่าวเสียไปเป็นเพียงแต่ไม่สามารถรับฟังเป็นพยานหลักฐานได้เสมือนหนึ่งว่าไม่มีเอกสารฉบับนี้เท่านั้น
๑๒.ที่ดินมือเปล่ามีเพียงสิทธิ์ครอบครองเท่านั้น ย่อมโอนไปด้วยการส่งมอบทรัพย์ที่ครอบครอง ตาม ป.พ.พ. มาตรา ๑๓๗๘ ไม่ต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่แต่อย่างใด
๑๓.จำเลยแย่งการครอบครองที่นาที่มีหนังสือรับรองการทำประโยชน์มาได้ ๒ ปี พอเข้าปีที่ ๓ ก็ถูกจับโดย อัยการฟ้องว่าบุกรุกเข้าไปในอสังหาริมทรัพย์ของคนอื่นเพื่อถือการครอบครอง โจทก์กลับเข้าทำนานั้นอีก ศาลยกฟ้องคดีอาญาเพราะจำเลยทำโดยเข้าใจว่าเป็นนาของจำเลยนั้นคือศาลมองว่าจำเลยขาดเจตนาในการกระทำความผิดโดยเข้าใจว่าที่ดินดังกล่าวเป็นของตน ครั้น ปีที่ ๔ จำเลยกลับทำนาอีก โจทก์ไม่ได้เรียกคืนภายใน ๑ ปี จึงหมดสิทธิ์ที่จะฟ้องเอาคืนซึ่งการครอบครองตาม ป.พ.พ. มาตรา ๑๓๗๕ จำเลยย่อมมีสิทธิ์ขึ้นใหม่นับแต่วันนั้น การที่โจทก์เข้าแย่งทำระหว่างในระหว่างจำเลยถูกดำเนินคดีถือเป็นเหตุชั่วคราว การครอบครองของจำเลยยังไม่สิ้นสุด จำเลยจึงมีสิทธิ์ในที่ดินดังกล่าวดีกว่าโจทก์
๑๔.ขอหนังสือ นส๓ และเข้าครอบครองเป็นการแย่งการครอบครองตั้งแต่นั้น ผู้ถูกแย่งร้องต่อทางราชการและเสียภาษีบำรุงท้องที่ ก็ฟ้องเอาคืนเกิน ๑ ปีไม่ได้ เพราะการร้องต่อทางราชการและการเสียภาษีไม่ใช่การ “ ฟ้อง “ เอาคืนซึ่งการครอบครองแต่อย่างใดไม่ โดยการฟ้องเอาคืนซึ่งการถูกแย่งการครอบครองที่ดินที่ยังไม่มีเอกสารแสดงกรรมสิทธิ์ต้องฟ้องเสียภายใน ๑ ปี นับแต่วันถูกแย่งการครอบครอง กำหนดระยะเวลาการฟ้องเอาคืนซึ่งการครอบครองเป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีงามของประชาชน ศาลยกกำหนดเวลาดังกล่าวได้เองแม้จำเลยไม่ยกต่อสู้
๑๕.ที่พิพาทเป็นของโจทก์ จำเลยไม่ได้เข้าครอบครองที่พิพาท เมื่อจำเลยไม่ได้เข้าครอบครอง โจทก์ซึ่งเป็นผู้ครอบครองย่อมมีสิทธิ์ดีกว่าจำเลย แม้ทางราชการจะออก นส๓ ก. สำหรับที่พิพาทให้จำเลย ก็ถือไม่ได้ว่าการที่ทางราชการออกนส๓ ก. ให้นั้นเป็นการแย่งการครอบครองของจำเลย เพราะการแย่งการครอบครองต้องกระทำโดยการเข้าครอบครองในที่พิพาทโดยเจตนายึดถือทรัพย์สินนั้น เมื่อโจทก์เป็นผู้ครอบครองย่อมมีสิทธิ์ดีกว่าจำเลยที่ไม่ได้ครอบครองทรัพย์นั้นอยู่ โจทก์จึงมีสิทธิ์ฟ้องให้เพิกถอน นส๓ ก ได้แม้เกิน ๑ ปี นับแต่วันที่ทางราชการออกนส๓ก ให้จำเลย เพราะกรณีนี้เป็นการฟ้องขอให้เพิกถอนนส๓ ก.ที่ออกให้จำเลย มิใช่เป็นการฟ้องเพื่อเอาคืนซึ่งการครอบครองตาม ป.พ.พ. มาตรา ๑๓๗๕ที่ต้องฟ้องภายในเวลา ๑ ปีนับแต่ถูกแย่งการครอบครองแต่อย่างใดไม่
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น