ค้นหาบล็อกนี้

วันพุธที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2559

“ข้อเหมือนข้อต่าง”

๑.เข้าครอบครองที่พิพาทตามสัญญาจะซื้อจะขาย โดยจำเลยยอมมอบการครอบครองบ้านและที่ดินให้โจทก์เข้าครอบครองนับแต่วันทำสัญญา โจทก์ย่อมมิสิทธิ์อยู่ในที่พิพาทโดยชอบ หากจำเลยเห็นว่าโจทก์ผิดสัญญาและไม่มิสิทธิ์อยู่ในบ้านและที่ดินต่อไป ก็เป็นเรื่องโต้แย้งในทางแพ่ง จำเลยชอบที่จะใช้สิทธิ์ของตนตามกฎหมาย แต่ไม่มีอำนาจโดยพละการที่จะตัดโซ่คล้องกุญแจที่โจทก์ใช้ปิดประตูแล้วใช้กุญแจจำเลยคล้องแทน ทำให้โจทก์เข้าบ้านไม่ได้ การกระทำดังกล่าวเป็นการรบกวนการครอบครองบ้านและที่ดินพิพาทของโจทก์โดยปกติสุข ทั้งกุญแจและโซ่ที่จำเลยตัดออกเป็นของโจทก์ การที่ทำให้กุญแจพร้อมโซ่ของโจทก์เสียหาย ไร้ประโยชน์เป็นความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ด้วย คำพิพากษาฏีกา ๖๘๙๔/๒๕๔๐
๒.ในสัญญาเช่ามีข้อความว่า “หากไม่ชำระค่าเช่าตามกำหนด ผู้ให้เช่าสามารถเข้าครอบครองถสถานที่ ย้ายบุคคลออกเด้ “ ข้อสัญญานี้ไม่ขัดความสงบเรียบร้อยยหรือศีลธรรมอันดีงามของประชาชน ผู้เช่าค้างชำระค่าเช่า ผู้ให้เช่าใช้ลวดไขกุญแจห้องเช่าออกแล้วใช้กุญแจของตนใส่แทน ทำให้ผู้เช่าเข้าห้องไม่ได้ เป็นการใช้สิทธิ์ตามสัญญาเช่า ไม่มีความผิดทางอาญา คำพิพากษาฏีกา ๗๘๘/๒๕๑๙
๓..เอาโซ่ปิดทางเข้าออกในตึกแถวพิพาทโดยอาศัยข้อตกลงตามสัญญา เป็นกรณีที่จำเลยกระทำไปโดยสุจริตว่ามีสิทธิ์ที่จะทำได้ตามสัญญา ขาดเจตนาในการกระทำความผิด ไม่มีความผิดฐานบุกรุก คำพิพากษาฏีกา ๒๖๐๙/๒๕๒๒
ข้อสังเกต๑. ตามคำพิพากษาฏีกาตามข้อ ๒และ ๓ มีข้อสัญญาในกรณีผิดสัญญาเช่าว่าผู้ให้เช่าสามารถทำอะไรได้บ้าง เช่น ให้ผู้ให้เช่าเข้าครอบครองที่ให้เช่าได้หากผู้เช่าไม่ชำระค่าเช่า ดังนี้ เมื่อไม่มีการชำระค่าเช่าผู้ให้เช่าใช้ลวดไขกุญแจออกแล้วเอากุญแจของตนใส่แทน หรือเอาโซ่ล่ามห้ามเข้าออก เป็นการกระทำตามสัญญาซึ่งศาลฏีกาเห็นว่าข้อตกลงดังกล่าวไม่ขัดกับความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีงามของประชาชน ข้อตกลงนี้ไม่ตกเป็นโมฆะ การที่ผู้ให้เช่าเข้าไขกุญแจห้องแล้วเอากุญแจของตนใส่แทนหรือเอาโซ่คล้องไม่ให้ผู้เช่าเข้าในที่เช่าได้ ถือว่าผู้ให้เช่าใช้สิทธิ์ตามข้อตกลงในสัญญาเช่า หาได้มีเจตนาที่จะทำให้เสียหายทำลาย ทำให้เสื่อมค่า ทำให้ไร้ประโยชน์ แต่อย่างใดไม่ และไม่ถือว่าเป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของผู้อื่นโดยปกติสุข ไม่มีความผิดฐานบุกรุก
๒. ส่วนตามคำพิพากษาศาลฏีกาตามข้อ ๑. นั้นไม่มีข้อตกลงเหมือนอย่างในคำพิพากษาศาลฏีกาในข้อ๒และข้อ ๓ แต่อย่างใด การที่โจทก์ผิดสัญญาจะซื้อจะขายอย่างไรก็เป็นเรื่องที่จำเลยจะใช้สิทธิ์ทางศาล จำเลยไม่มีอำนาจโดยพละการที่จะไปตัดโซ่คล้องกุญแจ การที่จำเลยไปตัดโซ่ที่คล้องกุญแจและตัดกุญแจซึ่งเป็นของโจทก์ย่อมเป็นการทำให้เสียหาย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่าทำให้ไร้ประโยชน์ซึ่งโซ่และกุญแจดังกล่าวแล้ว การที่จำเลยเอากุญแจของตนคล้องแทนจนเป็นเหตุให้โจทก์ไม่สามารถเข้าไปในบ้านได้ย่อมเป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของผู้อื่นโดยปกติสุขแล้ว เป็นความผิดฐานบุกรุกและทำให้เสียทรัพย์ เป็นกรรมเดียวผิดกฏหมายหลายบท ลงโทษตามบทหนักคือทำให้เสียทรัพย์
๓.ช่างกุญแจที่มาทำการไขกุญแจหรือมาตัดกุญแจ ไม่มีเจตนาในการกระทำความผิดทางอาญา โดยไม่มีเจตนาประสงค์ต่อผลหรือเล็งเห็นผลในการกระทำจะถือว่้าช่างกุญแจประสงค์ต่อผลในการกระทำไม่ได้ ช่างกุญแจเป็นเพียงเสมือนเครื่องมือที่จำเลยใช้ในการกระทำความผิดเท่านั้น เป็นการใช้บุคคลที่ไม่รู้ข้อเท็จจริงในการกระทำความผิดให้กระทำความผิดแทนตัวเองคนใช้จึงต้องรับผิดตามลำพัง

ไม่มีความคิดเห็น: