๑.มีคนนำปืนมาจำนำกับจำเลย จำเลยไม่มีเงินจึงพาไปจำนำกับคนอื่น โดยพูดจาให้คนอื่นรับจำนำ เป็นการ “ ช่วยจำหน่าย” แล้ว คำพิพากษาฏีกา ๖๘๐/๒๕๐๘
๒.บิดาจำเลยติดต่อรับซื้อรถจักรยานยนต์จากคนร้ายมาโดยตลอด ใช้จำเลยให้นำรถจักรยานยนต์ไปฝากญาติเพื่อหาคนซื้อต่อ ผิดรับของโจร คำพิพากษาฏีกา ๒๓๙/๒๕๑๒,๑๒/๒๕๑๑
๓.จดหมายเลขรถจักรยานยนต์ที่ถูกลักไปให้ผู้เสียหายดู ถ้าใช่ของผู้เสียหายก็ให้เอาเงินมาไถ่ เป็นการช่วยจำหน่าย คำพิพากษาฏีกา ๘๐๓/๒๕๒๑
๔.จำเลยเป็นผู้ติดต่อบอกเบาะแสและพาไปเอารถจักรยานยนต์ ได้มอบค่าไถ่รถให้จึงได้รถคืนมา เป็นการช่วยจำหน่ายแล้ว ไม่ใช่ไปเพียงเป็นเพือน คำพิพากษาฏีกา ๖๙๓๔/๒๕๓๗
๕.หากผู้เสียหายร้องขอให้ช่วยและไม่มีพฤติการณ์ว่าจำเลยรู้เห็นเป็นใจกับคนร้าย ไม่ผิดรับของโจร คำพิพากษาฏีกา ๑๑๖๙/๒๕๑๘,๖๕๗/๒๕๑๙
๖.ผู้เสียหายขอให้ช่วยติดตามรถจักรยานยนต์ที่ถูกลัก จำเลยติดตามได้นำมาเก็บที่บ้าน แม้ไม่ส่งคืนทันที แต่เมื่อคนร้ายถูกจับก็ไปแจ้งต่อตำรวจทันทีว่ารถอยู่ที่ตน รถนำมาเก็บไว้ที่บ้านโดยเปิดเผย ไม่ได้ปิดบังซ่อนเร็น แสดงว่าได้กระทำดดยสุจริต ไม่ผิดรับของโจร คำพิพากษาฏีกา ๒๖๑๑/๒๕๒๗
๗.พบกระบือผู้เสียหายที่ถูกลักไปแต่ไม่นำมาให้ผู้เสียหายและไม่บอกให้ผู้เสียหายทราบ เป็นการปกปิดความจริงที่ควรบอกให้ผู้เสียหายทราบ ไม่ปรากฏว่าได้รับกระบือจากคนร้ายหรือเอากระบือที่พบไปไว้ที่อื่นก่อนหรือร่วมรู้เห็นกับคนร้ายเรียกค่าไถ่ ยังไม่ผิดรับของโจร คำพิพากษาฏีกา ๔๒๘๓/๒๕๒๘
๘.เป็นคนกลางตืดต่อไถ่รถจักรยานยนต์ร่วมกับผู้อื่นตามที่ผู้เสียหายกับพวกร้องขอ ไม่ปรากฏจำเลยรับรถจักรยานยนต์จากคนร้ายหรือร่วมกับคนร้ายเรียกค่าไถ่ การที่จำเลยขี่รถจักรยานยนต์มาส่งให้ผู้เสียหาย เป็นเรื่องนำมาคืนตามที่ผู้เสียหายกับพวกร้องขอ ไม่ผิดรับของโจร คำพิพากษาฏีกา ๒๒๖๖/๒๕๓๐
๙.ผู้เสียหายขอให้เป็นคนกลางไถ่ทรัพย์แต่มีพฤติกรรมรู้เห็นเป็นใจกับคนร้าย โดยให้ผู้เสียหายรับรองจะไม่เอาเรื่องคนร้าย ผิดรับของโจร คำพิพากษาฏีกา ๓๙๑/๒๕๒๑
๑๐.เรียกร้องเงินตั้งแต่คราวแรกที่ผู้เสียหายขอให้สืบหารถที่ถูกลักโดยขณะนั้นรู้ดีว่ารถอยู่ที่ไหน พฤติการณ์เรียกเงินดังกล่าวหาใช่เป็นการเรียกค่าใช้จ่ายที่ตนออกทดลองในการสืบหารถที่หาย แต่เป็นการเรียกค่าไถ่จากผู้เสียหาย อันเป็นการช่วยเหลือคนร้ายในการจำหน่ายทรัพย์โดยรู้ดีว่าทรัพย์นั้นได้มาจากการกระทำความผิดฐานลักทรัพย์ เป็นความผิดฐานรับของโจรโดยไม่ต้องคำนึงว่ามีเจตนาทุจริตแสวงหาประโยชน์โดยชอบด้วยกฏหมายสำหรับตนเองหรือผู้อื่นหรือไม่อย่างไร เพราะความผิดฐานนี้ต้องการองค์ประกอบภายในเพียงกระทำโดยเจตนาตาม ปอ มาตรา ๕๙ เท่านั้น คำพิพากษาฏีกา ๗๘๙๔/๒๕๔๒
ข้อสังเกต ๑. การ ช่วยซ่อนเร็น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย ซื้อ รับจำนำ หรือรับไว้โดยประการใดซึ่งทรัพย์อันได้มาจากการกระทำความผิด ฐานลักทรัพย์ วิ่งราวทรัพย์ กรรโชกทรัพย์ รีดเอาทรัพย์ ชิงทรัพย์ ปล้นทรัพย์ ฉ้อโกง ยักยอก เจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์ เป็นความผิดฐานรับของโจร
๒.คำว่า “ ช่วยจำหน่าย” หมายความถึง การ ขาย ให้ แลกเปลี่ยน ช่วยพาไปจำนำ ช่วยพาไปฝากผู้อื่นขาย ช่วยเรียกค่าไถ่ทรัพย์ ที่ถูกกระทำความผิดตามข้อสังเกต ข้อ ๑.
๓..การที่มีคนนำปืนมาจำนำกับจำเลย จำเลยไม่มีเงินจึงพาไปจำนำกับคนอื่น โดยพูดจาให้คนอื่นรับจำนำ เป็นการ “ ช่วยจำหน่าย” แล้ว เพราะหากมีเงินจำเลยคงรับซื้อไว้เองแล้ว แต่จำเลยไม่มีเงินจึงพาไปจำนำกับบุคคลอื่น ยิ่งจำเลยพูดหว่านล้อมให้คนอื่นรับซื้อด้วยแล้วยิ่งส่อให้เห็นเจตนาของจำเลยที่ช่วยจำหน่ายปืนที่ได้มาจากการกระทำความผิดกฏหมาย การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานรับของโจรแล้ว
๔.จำเลยรู้อยู่แล้วว่าบิดาของตนติดต่อรับซื้อรถจักรยานยนต์จากคนร้ายมาโดยตลอด การที่บิดาจำเลยใช้จำเลยให้นำรถจักรยานยนต์ไปฝากญาติเพื่อหาคนซื้อต่อ จึงเป็นการ “ช่วยจำหน่าย” รถจักรยานยนต์อันได้มาจากการกระทำความผิดตามกฎหมาย การที่จำเลยนำรถไปฝากญาติเพื่อหาคนซื้อต่อเป็นการ ช่วยเหลืออำนวยความสะดวกและเป็นการช่วยจำหน่ายทรัพย์อันได้มาจากการกระทำความผิดตามกฎหมาย จะอ้างว่าทำตามคำสั่งของบิดาไม่ได้ การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานรับของโจร แต่หากจำเลยไม่ทราบว่ารถคันดังกล่าวได้มาจากการกระทำความผิดแล้ว จะถือว่าจำเลยมีเจตนาช่วยจำหน่ายทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำความผิดหาได้ไม่
๕.การจดหมายเลขรถจักรยานยนต์ที่ถูกลักไปให้ผู้เสียหายดู ถ้าใช่ของผู้เสียหายก็ให้เอาเงินมาไถ่ เป็นการช่วยจำหน่ายแล้ว หากไม่มีเจตนาช่วยจำหน่ายคงไม่มีความจำเป็นที่ต้องจดหมายเลขรถที่ลักมาเพื่อให้เจ้าของตรวจสอบว่าใช่รถของตนหรือไม่หากใช่และอยากได้คืนต้องเสียเงินมาไถ่รถคืน การกระทำดังกล่าวเป็นการช่วยจำหน่ายทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำความผิดฐานลักทรัพย์แล้ว ครบองค์ประกอบความผิดฐานรับของโจรแล้ว
๖.จำเลยเป็นผู้ติดต่อบอกเบาะแสและพาไปเอารถจักรยานยนต์ ได้มอบค่าไถ่รถให้จึงได้รถคืนมา เป็นการช่วยจำหน่ายแล้ว ไม่ใช่ไปเพียงเป็นเพื่อนในการติดตามเอาทรัพย์คืนแต่อย่างใดไม่ หากจำเลยไม่มีเจตนาร่วมกับคนร้ายในการจำหน่ายทรัพย์ดังกล่าว จำเลยคงบอกที่อยู่ของรถว่าอยู่ที่ไหน ใครครอบครอง ใครเป็นคนร้าย เพื่อผู้เสียหายจะได้นำเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าทำการจับกุมคนร้าย มิใช่ต้องมากับผู้เสียหาย พาผู้เสียหายไปไถ่เอารถคืน พฤติการณ์ของจำเลยมิใช่เพียงเพื่อมาเป็นเพื่อน แต่เป็นพฤติการณ์ในการร่วมจำหน่ายทรัพย์ของผู้เสียหายที่ถูกลักไป การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานรับของโจร
๕.หากผู้เสียหายร้องขอให้ช่วยและไม่มีพฤติการณ์ว่าจำเลยรู้เห็นเป็นใจกับคนร้าย ไม่ผิดรับของโจร เช่น ผู้เสียหายขอให้ช่วยติดตามรถจักรยานยนต์ที่ถูกลัก จำเลยติดตามได้นำมาเก็บที่บ้าน แม้ไม่ส่งคืนทันที แต่เมื่อคนร้ายถูกจับก็ไปแจ้งต่อตำรวจทันทีว่ารถอยู่ที่ตน รถนำมาเก็บไว้ที่บ้านโดยเปิดเผย ไม่ได้ปิดบังซ่อนเร็น แสดงว่าได้กระทำโดยสุจริต ไม่ผิดรับของโจร ในความเห็นส่วนตัวเห็นว่า การที่ติดตามเอาทรัพย์ของผู้เสียหายได้แล้ว ไม่แจ้งให้ผู้เสียหายทราบ แต่นำมาเก็บที่บ้าน ไม่ส่งคืนผู้เสียหายทันที พฤติการณ์น่าเชื่อว่าเก็บไว้เพื่อต้องการเรียกค่าไถ่ และยิ่งเห็นได้ชัดว่าเมื่อคนร้ายถูกจับก็ไปแจ้งต่อตำรวจทันทีว่ารถอยู่ที่ตน น่าคิดว่าทำไมต้องรอคนร้ายถูกจับจึงรีบไปแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ไม่แจ้งผู้เสียหายให้ทราบเพื่อผู้เสียหายจะได้นำเจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามเอาคืนทรัพย์นั้นได้ การที่ไปแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจทันทีอาจกลัวว่าทรัพย์ที่หายไปอยู่ในความครอบครองของตนตนอาจมีความผิดตามกฎหมายก็ได้ ทั้งการที่รถนำมาเก็บไว้ที่บ้านแม้จะเก็บโดยเปิดเผย ไม่ได้ปิดบังซ่อนเร็น ไม่ใช่สิ่งแสดงว่าได้กระทำโดยสุจริตเสมอไป การนำไปเก็บไว้ที่บ้านเพราะอาจไม่มีที่เก็บอื่น หรือสะดวกในการส่งมอบคืนผู้เสียหาย ทั้งหากถูกจับก็อ้างได้ว่าผู้เสียหายให้ติดตามเอาทรัพย์คืน ดังนั้นเมื่อพบทรัพย์ก็ไม่มีเหตุอะไรต้องซ่อนเร็น รถนำมาเก็บไว้ที่บ้านโดยเปิดเผย ไม่ได้ปิดบังซ่อนเร็น เพื่ออำพรางว่าตนไม่ได้ร่วมรู้เห็นเป็นใจกับคนร้าย การพบทรัพย์ที่หายไปเมื่อพบทรัพย์แล้วไม่แจ้งผู้เสียหายทันทีมีพิรุธน่าสงสัย เป็นความเห็นส่วนตัวครับ
๘.”พบกระบือผู้เสียหายที่ถูกลักไปแต่ไม่นำมาให้ผู้เสียหายและไม่บอกให้ผู้เสียหายทราบ” แม้ศาลฏีกาจะใช้คำว่า เป็นการปกปิดความจริงที่ควรบอกให้ผู้เสียหายทราบ แต่ปกปิดเพื่ออะไร เพื่อต่อรองเอาอะไรจากผู้เสียหาย แม้จะไม่ปรากฏว่าได้รับกระบือจากคนร้ายหรือเอากระบือที่พบไปไว้ที่อื่นก่อนหรือร่วมรู้เห็นกับคนร้ายเรียกค่าไถ่ก็ตามอาจเป็นเพราะพยานหลักฐานไม่ถึง ไม่มีประจักษ์พยานยืนยันว่ากระบือที่ติดตามหาเจอได้มาจากคนร้ายหรือไม่อย่างไร ส่วนกระบือที่ตัวใหญ่การที่จะนำไปไว้ที่อื่นก็ลำบากยุ่งยากทั้งเป็นของร้อนเป็นทรัพย์ที่ถูกลักไป ย่อมไม่สะดวกในการเคลื่อนย้ายไปไว้ไหนไกลๆ ทรัพย์ก็มีขนาดใหญ่ แถมยังมีเสียงอีกด้วย การเคลื่อนย้ายนำไปเก็บไว้ที่อื่นอาจมีคนรู้เห็นได้ สู้เก็บไว้ที่เดิมดูน่าจะปลอดภัยกว่า เป็นเรื่องรู้เห็นระหว่างคนร้ายด้วยกันยากที่จะหาพยานมายืนยันว่ามีส่วนร่วมรู้เห็นในการเรียกค่าไถ่ทรัพย์ดังกล่าวหรือไม่ ในความเห็นส่วนตัวยังไม่สนิทใจตามที่ศาลฏีกาวินิจฉัยว่า ยังไม่ผิดรับของโจร
๙.เป็นคนกลางติดต่อไถ่รถจักรยานยนต์ร่วมกับผู้อื่นตามที่ผู้เสียหายกับพวกร้องขอ ไม่ปรากฏจำเลยรับรถจักรยานยนต์จากคนร้ายหรือร่วมกับคนร้ายเรียกค่าไถ่ การที่จำเลยขี่รถจักรยานยนต์มาส่งให้ผู้เสียหาย เป็นเรื่องนำมาคืนตามที่ผู้เสียหายกับพวกร้องขอ ไม่ผิดรับของโจร ในความเห็นส่วนตัวยังไม่ค่อยสนิทใจสักเท่าไหร่ หากไม่มีเจตนาร่วมกับคนร้ายเรียกค่าไถ่ ทำไมไม่บอกที่ซ่อนทรัพย์ที่ถูกลักให้ผู้เสียหายทราบเพื่อจะได้นำเจ้าหน้าที่ตำรวจมาติดตามเอาคืน ทั้งการที่คนร้ายยอมให้จำเลยขี่รถจักรยานยนต์มาส่งให้ผู้เสียหาย เป็นเรื่องนำมาคืนตามที่ผู้เสียหายกับพวกร้องขอจริงหรือไม่อย่างไร จำเลยจะยอมมอบทรัพย์ที่ตนลักมาให้แก่จำเลยเพื่อนำไปมอบให้ผู้เสียหายอย่างนั้นหรือ จำเลยน่าเป็นตัวกลางในการนำรถไปส่งและรับเงินจากผู้เสียหายมามอบให้คนร้ายมากกว่า เป็นความเห็นส่วนตัวครับ
๑๐.ผู้เสียหายขอให้จำเลยเป็นคนกลางไถ่ทรัพย์แต่จำเลยมีพฤติกรรมรู้เห็นเป็นใจกับคนร้าย โดยให้ผู้เสียหายรับรองจะไม่เอาเรื่องคนร้ายเท่ากับรู้เห็นเป็นใจและมีเจตนาช่วยเหลือคนร้ายไม่ให้ถูกดำเนินคดี ค่าไถ่รถนอกจากเป็นตัวเงินแล้วยังต้องการคำรับรองเป็นคำพูดว่าไม่ติดใจดำเนินคดีอาญาแก่จำเลย ส่อให้เห็นพฤติการณ์ในการช่วยจำหน่ายทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำความผิดตามกฏหมายอันเป็นความผิดฐานรับของโจรแล้ว
๑๑..เรียกร้องเงินตั้งแต่คราวแรกที่ผู้เสียหายขอให้สืบหารถที่ถูกลักโดยขณะนั้นรู้ดีว่ารถอยู่ที่ไหน ส่อให้เห็นพฤติการณ์ในการช่วยคนร้ายในการจำหน่ายทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำความผิด พฤติการณ์เรียกเงินดังกล่าวหาใช่เป็นการเรียกค่าใช้จ่ายที่ตนออกทดลองในการสืบหารถที่หาย แต่เป็นการเรียกค่าไถ่จากผู้เสียหาย อันเป็นการช่วยเหลือคนร้ายในการจำหน่ายทรัพย์โดยรู้ดีว่าทรัพย์นั้นได้มาจากการกระทำความผิดฐานลักทรัพย์ เป็นความผิดฐานรับของโจรโดยไม่ต้องคำนึงว่ามีเจตนาทุจริตแสวงหาประโยชน์โดยชอบด้วยกฏหมายสำหรับตนเองหรือผู้อื่นหรือไม่อย่างไร เพราะความผิดฐานนี้ต้องการองค์ประกอบภายในเพียงกระทำโดยเจตนาตาม ปอ มาตรา ๕๙ เท่านั้น องค์ประกอบในความผิดฐานรับของโจรไม่ต้องการเจตนาทุจริตต้องการแค่เจตนาธรรมดาเท่านั้น แม้ไม่มีเจตนาทุจริตแต่พฤติการณ์ที่จำเลยทำนั้นหากครบองค์ประกอบความผิดฐานรับของโจรก็เป็นความผิดฐานรับของโจรแล้ว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น