ค้นหาบล็อกนี้

วันพฤหัสบดีที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2561

ลานจอดรถ

ฎีกาที่ 743/2561 

การจัดให้มีลานจอดรถสำหรับเป็นที่จอดรถของลูกค้าหรือผู้มาใช้บริการห้างสรรพสินค้าของจำเลยเป็นปัจจัยหนึ่งเพื่อจูงใจให้ลูกค้ามาซื้อสินค้าหรือใช้บริการจึงเป็นการให้บริการอย่างหนึ่งของจำเลยแก่ลูกค้า จำเลยย่อมต้องมีหน้าที่ที่จะต้องดูแลรักษาความปลอดภัยแก่ทรัพย์สินของลูกค้า ซึ่งรวมถึงรถยนต์ของลูกค้าที่นำมาจอดบริเวณลานจอดรถของห้างสรรพสินค้าจำเลยด้วย แม้จำเลยยินยอมให้บุคคลทั่วไปนำรถยนต์มาจอดที่ลานจอดรถก็ไม่ทำให้จำเลยหลุดพ้นจากหน้าที่ที่จะต้องให้การดูแลรักษาความปลอดภัยแก่ทรัพย์สินของลูกค้า จำเลยจึงมีหน้าที่ที่ต้องดูแลรถกระบะที่ลูกค้าของจำเลยนำมาจอดในลานจอดรถของห้างสรรพสินค้าจำเลย ห้างสรรพสินค้าจำเลยใช้มาตรการในการดูแลรักษาความปลอดภัยให้แก่รถยนต์ของลูกค้าโดยมีพนักงานคอยตรวจสอบดูแลรถยนต์ในขณะที่เข้าหรือออกจากลานจอดรถของห้างสรรพสินค้าจำเลย หากไม่มีบัตรที่มอบให้ในขณะที่นำรถยนต์เข้ามาจอดก็ไม่สามารถนำรถยนต์ออกไปจากลานจอดรถของห้างสรรพสินค้าจำเลยได้ อันเป็นมาตรการในการตรวจสอบที่ค่อนข้างจะรัดกุมแต่จำเลยกลับยกเลิกไปและนำกล้องวงจรปิดมาติดตั้งไว้บริเวณทางเข้าออกลานจอดรถแทนและติดป้ายเตือนไว้ที่ลานจอดรถของห้างสรรพสินค้าจำเลยว่า ลูกค้าต้องดูแลทรัพย์สินของตนเองเท่ากับจำเลยงดเว้นหน้าที่ที่จะต้องดูแลรถยนต์ของลูกค้าโดยลูกค้าต้องเสี่ยงภัยเอง ทั้งการติดตั้งกล้องวงจรปิดเป็นเพียงอุปกรณ์บันทึกภาพรถยนต์เข้าออกไม่สามารถป้องกันการโจรกรรมได้ นับว่าเป็นมาตรการที่ไม่เพียงพอที่จะดูแลรักษาความปลอดภัยให้แก่รถยนต์ของลูกค้า การที่รถกระบะที่ อ. ขับมาจอดที่ลานจอดรถของจำเลยสูญหายไปจึงเกิดจากการงดเว้นในการปฏิบัติหน้าที่ อันเป็นความประมาทเลินเล่อของจำเลย จำเลยต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนในการที่รถหายไป

วันอังคารที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2561

“ผิดเพี้ยนในลายละเอียดปลีกย่อย ไม่มีเหตุปรักปรำ รับฟังลงโทษได้” (ตอนที่ ๑)

๑.ตำรวจ ๓ นายเบิกความว่า จำเลยทั้งสองกับพวกมีเฮโรอินจะขาย จึงให้ตำรวจสองนายปลอมตัวเป็นพ่อค้าเดินทางไปกับสายลับติดต่อล่อซื้อเฮโรอินจากจำเลยทั้งสองกับพวกที่บ้าน ตกลงซื้อขายและนัดส่งมอบเฮโรอิน ในวันนัดตำรวจขับรถไปกับสายลับเพื่อรับจำเลยทั้งสองกับพวก จำเลยทั้งสองเป็นคนนำเฮโรอินบรรจุถุงปุ๋ยขึ้นรถที่เจ้าหน้าที่ตำรวจขับและนั่งรถคันนั้นมาจุดนัดพบ ถูกร้อยตำรวจเอก ป. ซึ่งนำกำลังซุ้มรออยู่จับกุมและยึดเฮโรอินของกลางได้ คำเบิกความเจ้าหน้าที่ตำรวจมีเหตุผล เพราะเป็นผู้ติดต่อซื้อเฮโรอินของกลางและเห็นเหตุการณ์ จำเลยเบิกความรับ ทั้งไม่มีเหตุผลปรักปรำจำเลย ข้ออ้างที่ว่าในถุงไม่มีเฮโรอินเป็นคำของจำเลยคนเดียวลอยๆ ฟังเป็นจริงไมได้ จำเลยที่ ๒ อ้างงติดต่อขอซื้อเฮโรอินให้สายลับอ้างว่าถ้าจับคนขายได้จะได้รางวัล ไม่น่าเชื่อถือ เพราะถ้าจำเลยที่ ๒ เป็นผู้ติดต่อซื้อเฮโรอินของกลางให้สายลับจริง เจ้าหน้าที่ตำรวจคงต้องทราบและคงไม่ถูกจับกุมกล่าวหาจำเลยที่ ๒ ด้วย พยานที่นำสืบน่าเชื่อโดยปราศจากข้อสงสัยว่าจำเลยทั้งสองร่วมกันมีเฮโรอินไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่าย คำพิพากษาฎีกา ๗๘/๒๕๓๐
๒.การที่พยานสองคนปลอมตัวเป็นพ่อค้าติดต่อขอซื้อเฮโรอินกับจำเลยที่ ๑ และพวกเป็นผู้เข้าไปร่วมในเหตุการณ์สามารถรู้เห็นการกระทำของจำเลยทั้งหมดได้อย่างใกล้ชิด คำเบิกความพยานสอดคล้องต้องกัน แม้คำพยานทั้งสองจะแตกต่างกันบ้างก็เฉพาะในส่วนที่เป็นพลความ หาใช่ส่วนที่เป็นสาระสำคัญไม่ เมื่อพยานดังกล่าวสามารถติดต่อกับจำเลยแล้วรายงานเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจเบิกความตรงกัน จากการวางแผนล่อซื้อเฮโรอินดังกล่าวสามารถทำให้จับกุมจำเลยทั้งหมด คำพยานโจทก์เชื่อมโยงกันตั้งแต่ต้นจนจบ พยานเบิกความไปตามหน้าที่ไม่ปรากฎมีสาเหตุโกรธเคืองกับจำเลยคนหนึ่งคนใดมาก่อนที่จะแกล้งเบิกความปรักปรำให้จำเลยได้รับโทษจากคำเบิกความพยานโจทก์ คำเบิกความจึงมีน้ำหนักควรแก่การรับฟัง พยานจำเลยเบิกความลอยๆไม่อาจหักล้างพยานโจทก์ได้ คำพิพากษาฎีกา ๕๒/๒๕๓๖
๓.พยานโจทก์เบิกความสอดคล้องเชื่อมโยงกันโดยตลอดได้ความว่า จำเลยจำหน่ายเฮโรอินที่มีไว้ในความครอบครองให้แก่ผู้ล่อซื้อ ๑ หลอด ราคา ๕๕๐ บาท โดยไม่ได้รับอนุญาต เจ้าพนักงานจับจำเลยได้พร้อมเฮโรอิน ๓ หลอด และธนบัตรที่ล่อซื้อเป็นของกลาง แม้การเบิกความบางตอนจะแตกต่างกันบ้างก็เป็นเพียงพลความหาใช่สาระสำคัญที่จะทำให้คำพยานโจทก์มีน้ำหนักลดน้อยลงถึงกับรับฟังไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพยานโจทก์ทั้งสามปากเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจปฏิบัติราชการตามหน้าที่ ไม่รู้จักจำเลยมาก่อน ไม่มีเหตุระแวงสงสัยว่าจะเบิกความปรักปรำจำเลยให้ต้องรับโทษ จำเลยเองก็รับว่าอยู่ในวันเกิดเหตุ ตำรวจยึดเฮโรอินพร้อมเงินสด ๖๐๐ บาท ของกลางได้จากจำเลยจริง เพียงแต่บ่ายเลี่ยงว่าของกลางที่ยึดได้นั้นมีผู้นำมาฝากจำเลยไว้ โดยจำเลยไม่ทราบว่าของที่นำมาฝากเป็นเฮโรอิน ซึ่งผิดปกติวิสัยที่คนทั่วไปจะรับฝากของโดยไม่รู้จักคนฝาก พยานที่นำสืบมีน้ำหนักมั่นคงฟังโดยปราศจากข้อสงสัยว่าจำเลยได้กระทำความผิด คำพิพากษาฏีกา ๔๑๐/๒๕๓๖
๔.โจทก์นำสืบได้ความมาก่อนว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบทราบว่า มีการจำหน่ายเฮโรอินที่บ้านจำเลยในวันเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงนำกำลังไปตรวจค้น โดยก่อนไปได้มอบธนบัตรจำนวน ๕๐ บาท ให้สายลับไปทำการล่อซื้อเฮโรอินจากจำเลย และได้จัดแบ่งกำลังตำรวจเป็นสองชุด ไปซุ่มดูและเห็นสายลับส่งธนบัตรให้จำเลย จำเลยส่งเฮโรอินให้สายลับ สายลับนำเฮโรอินให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงได้เขจ้าไปตรวจค้นบ้านจำเลยพบเฮโรอิน ๑ ห่อเล็กซ่อนอยู่ในช่องอิฐบล็อกที่ใช้ทำการก่อฝาบ้าน พบธนบัตรที่ล่อซื้อในกระปุกออมสิน เห็นว่าพยานโจทก์เบิกความสอดคล้องกันมีเหตุผลเชื่อมโยงตั้งแต่ต้นจนจบ เบิกความไปตามอำนาจหน้าที่ ไม่มีสาเหตุโกรธเคืองกับจำเลยมาก่อน ที่จะเบิกความปรักปรำใส่ร้ายจำเลยให้รับโทษ แม้ไม่ได้สายลับมาเบิกความประกอบ และแม้ไม่เห็นว่าใครเป็นผู้รับธนบัตรหรือส่งมอบเฮโรอินให้สายลับ แต่ปรากฏว่าที่บ้านจำเลยมีจำเลยและภรรยาซึ่งนอนป่วยอยู่เท่านั้นไม่มีคนอื่นอีก ดังนั้นจำเลยคือผู้ขายเฮโรอินให้สายลับ เจ้าหน้าที่ตำรวจอีกชุดเบิกความสนับสนุนว่า เห็นจำเลยขายเฮโรอินให้สายลับเช่นกัน นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจยังค้นได้ธนบัตรที่สายลับล่อซื้อเฮโรอินจากกระปุกออมสินในบ้านจำเลย พยานจำเลยคงมีจำเลยเพียงปากเดียวเบิกความลอยๆ ไม่มีพยานอื่นสนับสนุน ไม่มีน้ำหนักหักล้างพยานโจทก์ได้ เชื่อว่าจำเลยกระทำผิดตามฟ้องจริง แม้ในบันทึกจับกุมกับการเบิกความจะปรากฏเฮโรอินแตกต่างกัน แต่เห็นว่าบันทึกการตรวจค้นจับกุมอาจผิดพลาดได้ เป็นข้อแตกต่างเล็กน้อยที่ไม่เป็นข้อสาระสำคัญ เห็นว่าแม้กระปุ๊กออมสินจะทำไว้สำหรับใส่เงินเหรียญ แต่ก็สามารถใส่ธนบัตรได้ จำเลยไม่ได้นำสืบให้เห็นว่า กระปุ๊กออมสินเล็กมาจนไม่สามารถใส่ธนบัตรได้ คำเบิกความโจทก์จึงไม่ขาดเหตุผล คำพิพากษาฎีกา ๔๑๓/๒๕๓๖
๕.โจทก์มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ ๒ นายเบิกความสอดคล้องกันว่า ก่อนมอบธนบัตรของกลางให้สายลับไปล่อซื้อ ได้นำธนบัตรไปบันทึกลงประจำวันไว้เป็นหลักฐานก่อน เมื่อสายลับล่อซื้อเฮโรอินได้ ๑ หลอดนำกลับมามอบให้พร้อมบอก ชายคนหนึ่งเป็นคนรับเงิน ส่วนอีกคนเป็นคนมอบเฮโรอินให้โดยบอกลักษณะการแต่งกายของชายทั้งสองคน เมื่อเข้าไปตรวจค้นจับกุมจำเลยทั้งสองมีลักษณะและการแต่งกายตามที่สายลับบอก พบธนบัตรของกลางที่ลงประจำวัน พบเฮโรอินของกลาง แม้จะไม่ได้นำสายลับมาเบิกความยืนยัน พยานโจทก์ก้เพียงพอให้รับฟังได้ว่า จำเลยทั้งสองร่วมกันมีเฮโรอินไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่าย พยานโจทก์ไม่เคยมีสาเหตุโกรธเคืองกับจำเลยทั้งสองอันจะเบิกความปรักปรำจำเลยให้ต้องรับโทษ การที่จำเลยที่ ๒ นำสืบว่า มีเฮโรอินไว้ในความครอบครองเพื่อเสพมิได้มีไว้เพื่อจำหน่าย แต่ที่รับสารภาพเพราะเข้าใจว่า ถูกฟ้องเฉพาะในข้อหามีเฮโรอินไว้ในความครอบครอง ต่อมาเข้าใจข้อหาจึงให้การปฏิเสธ นั้น ไม่มีพยานหลักฐานอื่นมาสนับสนุน ข้อต่อสู้ในส่วนนี้จึงไม่มีน้ำหนักหักล้างพยานโจทก์ คำพิพากษาฏีกา๕๔๙๓/๒๕๓๗
๖.ตำรวจเบิกความว่าได้รับแจ้งจากผู้ใหญ่บ้านว่ามีการขายเฮโรอินที่บ้านเกิดเหตุ จึงวางแผนการล่อซื้อ โดยนำธนบัตรไปบันทึกหมายเลขในประจำวันเกี่ยวกับคดีเพื่อนำไปล่อซื้อ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงไปที่เกิดเหตุโดยแต่งกายนอกเครื่องแบบเข้าไปล่อซื้อในบ้าน ส่วนที่เหลือซุ้มอยู่ด้านหลัง หลังจากได้มอบเงินและเฮโรอินแล้ว จึงส่งสัญญาณให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ซุ้มอยู่เข้าจับกุมจำเลยพบเฮโรอินอีก ๑ หลอด และธนบัตรที่ใช้ในการล่อซื้อจากจำเลยที่ ๒ พยานที่เป็นตำรวจปฏิบัติหน้าที่โดยไม่รู้จักจำเลยทั้งสองมาก่อน ไม่มีเหตุระแวงสงสัยว่าจะแกล้งเบิกความปรักปรำจำเลยทั้งสอง น่าเชื่อว่าเบิกความตามความเป็นจริง แม้จำเลยที่ ๑ อ้างว่าไม่อยู่ในที่เกิดเหตุ ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจแกล้งจับกุมและปรักปรำก็ไม่อาจหักล้างพยานโจทก์ได้ แม้พยานโจทก์เบิกความแตกต่างกันในเรื่องสถานที่พบจำเลยทั้งสองก่อนล่อซื้อก็ไม่ใช่ส่วนสาระสำคัญ คำพิพากษาฏีกา ๒๐๔/๒๕๓๘
๗.แม้คำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยที่ ๒ เป็นคำซัดทอดของผู้ต้องหาด้วยกัน แม้มีน้ำหนักน้อย แต่เมื่อฟังประกอบกับระยะเวลาที่สายลับไปทำการล่อซื้อเมทแอมเฟตตามีนจากจำเลยที่ ๒ จนกระทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาตรวจค้นจำเลยและพบธนบัตรที่ใช้ในการล่อซื้อจากจำเลยแทบจะในทันทีทันใดแล้ว คำซัดทอดดังกล่าวมีน้ำหนักรับฟังได้ คำพิพากษาฏีกา ๔๗๐๕/๒๕๓๘
๘. โจทก์นำสืบแผนการวางแผนจับโดยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจปลอมเป็นผู้ซื้อเป็นการสืบตามฟ้องหาใช่เป็นการสืบนอกฟ้องไม่ จำเลยมีสิทธิ์นำพยานมาสืบพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนโดยไม่จำต้องซักค้านพยานโจทก์ไว้ก่อน แต่จะรับฟังได้หรือไม่เป็นดุลพินิจศาล ไม่มีกฎหมายห้ามรับฟังข้อนำสืบต่อสู้คดีของจำเลยอื่น การจำหน่ายเฮโรอินเป้นความผิดที่มีอัตราโทษทางกฎหมายสูง ผู้กระทำผิดย่อมปกปิดเป็นความลับ ถ้าจำเลยที่ ๒ ที่ ๓ ไม่ได้ร่วมรู้เห็นในการกระทำผิด ก็ไม่มีเหตุที่ผู้กระทำผิดจะกล้าให้ร่วมรู้เห็นด้วย พยานโจทก์ทั้งสามเป็นเจ้าพนักงานปฎิบัติการไปตามหน้าที่ ไม่รู้จักจำเลยมาก่อน ไม่มีเหตุจะปรักปรำใส่ร้าย เมื่อเบิกความสอดคล้องเชื่อมโยงกันตั้งแต่ต้นจนจับจำเลยได้ มีน้ำหนักควรแก่การรับฟัง คำพิพากษาฏีกา ๑๘๕/๒๕๓๙
๙.จำเลยที่ ๑ มีเฮโรอินคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ ๒,๘๘๕ กรัมไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ลักษณะคดีและพฤติการณ์ที่ตำรวจวางแผนให้สายลับเข้าไปล่อซื้อมีความสลับซับซ้อนพอสมควร เชื่อว่าเป็นการกระทำที่เป็นขบวนการซึ่งย่อมต้องมีผู้ร่วมขบวนการ เมื่อพยานโจทก์เบิกความสอดคล้องต้องกันว่า จำเลยที่ ๒ ที่ ๓ เข้าไปเกี่ยวข้องกับจำเลยที่ ๑ในการล่อซื้อเฮโรอินและถูกจับได้พร้อมของกลางในห้องพักเดียวกัน อันเป็นพฤติการณ์ที่แสดงออกในลักษณะร่วมขบวนการเดียวกันกับพยานหลักฐานโจทก์ จึงฟังได้ว่า จำเลยที่ ๒ ที่ ๓ร่วมจำเลยที่ ๑ มีเฮโรอินไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่าย แต่สำหรับจำเลยที่ ๔ ถึงที่ ๖ ซึ่งโจทก์นำสืบว่ามีส่วนร่วมรู้เห็นเกี่ยวกับการส่งมอบเฮโรอินของกลางโดยเป็นผู้นำเฮโรอินไปส่งให้จำเลยที่ ๓ นั้น พยานโจทก์เบิกซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเบิกความแตกต่างจากพยานคนกลางอื่น ทั้งที่เกิดเหตุก็มีแสงสว่างน้อย พยานโจทก์ซุ้มดูเหตุการณ์อยู่ ๑๐ เมตรเศษ เชื่อว่าพยานโจทก์ไม่สามารถมองเห็นกลุ่มคนดังกล่าวได้ชัดเจนพอ พยานโจทก์จึงไม่มีน้ำหนักรับฟังว่าจำเลยที่ ๔ ถึงที่ ๖ได้ร่วมกระทำผิด คำพิพากษาฏีกา ๓๒๖/๒๕๓๙
๑๐.พยานโจทก์เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ เป็นเจ้าพนักงานของรัฐปฏิบัติการตามหน้าที่ ไม่มีสาเหตุโกรธเคืองกับจำเลยมาก่อน ไม่มีเหตุระแวงว่าจะเบิกความปรักปรำจำเลย พยานผู้ร่วมจับกุมต่างเบิกความสอดคล้องต้องกันในเรื่องธนบัตรของกลางที่ใช้ในการล่อซื้อ มีการถ่ายภาพ และลงหมายเลขไว้ในรายงานประจำวันเกี่ยวกับคดี ซึ่งเป็นเอกสารราชการก่อนที่จะมอบให้สายลับไปดำเนินการ เมื่อสายลับล่อซื้อเฮโรอินมาได้ พยานผู้ร่วมจับกุมตรงไปที่บ้านจำเลยทันที ทำการตรวจค้นและพบธนบัตรดังกล่าวที่ตัวจำเลย ขั้นตอนต่างๆเป็นไปในระยะเวลาใกล้ชิดต่อเนื่องกัน จำเลยเบิกความว่าธนบัตรของกลางได้จากกระเป๋ากางเกงของจำเลยที่สวมใส่อยู่ขณะถูกตรวจค้นจริงเป็นการเจือสมกับพยานหลักฐานโจทก์ ประกอบกับจำเลยรับสารภาพในชั้นจับกุมและสอบสวนซึ่งเป็นระยะเวลาใกล้ชิดกับที่จำเลยถูกจับกุม คำรับสารภาพของจำเลยจึงมีน้ำหนักในการรับฟังประกอบพยานหลักฐานโจทก์ที่อ้างว่าจำเลยให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมและสอบสวน เพราะถูฏเจ้าหน้าที่ตำรวจทำร้าย มีแต่คำเบิกความของจำเลยลอยๆ ไม่มีน้ำหนักรับฟังได้ พยานหลักฐานของจำเลยไม่สามารถหักล้างพยานหลักฐานโจทก์ได้ คำพิพากษาฎีกา ๖๗๒/๒๕๔๓๖
๑๑.ผู้จับกุมเบิกความสอดคล้องต้องกันว่าแอบซุ้มดูขณะสายลับล่อซื้อเฮโรอินจากจำเลยที่ ๑ โดยสายลับเข้าไปพูดกับจำเลยที่ ๑ แล้วจำเลยที่ ๑ หันไปพูดกับจำเลยที่ ๒ จำเลยที่ ๒ เดินเข้าไปในถนนซอยสักครู่ก็นำถุงพลาสติกส่งให้จำเลยที่ ๑ จำเลยที่ ๑ หยิบกล่องกระดาษออกจากถุงส่งให้สายลับ สายลับส่งธนบัตรให้จำเลยที่ ๒ เมื่อสายลับส่งสัญญาณและนำเฮโรอินที่ล่อซื้อมามอบให้จึงเข้าตรวจค้นและจับกุมจำเลยทั้งสอง เหตุที่จับกุมจำเลยทั้งสองเพราะมีการสืบทราบและมีการวางแผนจับกุมมาก่อน ที่เกิดเหตุมีแสงไฟฟ้าสว่าง ชั้นจับกุมจำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพ พยานโจทก์มีน้ำหนักควรแก่การรับฟัง คำพิพากษาฏีกา ๖๓/๒๕๔๐
๑๒. จำเลยฏีกาว่า โจทก์ไม่มีประจักษ์พยานมายืนยันขั้นตอนที่จำเลยทำการแบ่งบรรจุเฮโรอินใส่ในหลอดกาแฟ คงปรากฏเพียงมีเฮโรอินใส่ในหลอดกาแฟไว้เรียบร้อยแล้ว จำเลยจึงน่าเป็นความผิดเพียงมีเฮโรอินไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่าย เพราะเจตนาตำรวจที่ล่อซื้อเฮโรอินเป็นการแสวงหาพยานหลักฐานอันไม่ชอบ เห็นว่า พรบ. ยาเสพติดฯ มาตรา ๔ ให้นิยามศัพท์คำว่า “ ผลิต” ให้หมายความรวมถึง การแบ่งบรรจุหรือรวมบรรจุด้วย ข้อเท็จจริงตามทางพิจารณาได้ความว่า ขณะจับจำเลยได้นั้นตำรวจพบเฮโรอินในหลอดกาแฟถึง ๒๘ หลอด อยู่ในกล่องพลาสติกที่จำเลยถืออยู่ และมีหลอดกาแฟเปล่าขนาดเดียวกันที่ตัดโดยปิดด้านหนึ่งอยู่อีก ๓๓ หลอด ในชั้นจับกุมจำเลยให้การรับสารภาพว่าซื้อเฮโรอินมาแบ่งบรรจุในหลอดกาแฟ และแสดงท่าบรรจุเฮโรอินในหลอดกาแฟเปล่าให้ตำรวจผู้จับกุมดู ชั้นสอบสวนก็รับว่าหลอดกาแฟเปล่าเตรียมไว้เพื่อบรรจุเฮโรอิน พฤติการณ์จำเลยที่แบ่งเฮโรอินออกเป็นส่วนย่อยและบรรจุลงในหลอดกาแฟดังกล่าว ทั้งมีหลอดกาแฟเปล่าขนาดเดียวกันจำนวนมาก แม้โจทก์ไม่มีประจักษ์พยานรู้เห็นขั้นตอนการแบ่งบรรจุใส่หลอดกาแฟ แต่ก็เป็นที่เห็นได้ว่า จำเลยกระทำเพื่อความสะดวกในการจัดจำหน่ายนั้นเอง พยานโจทก์รับฟังได้โดยปราศจากข้อสงสัยว่า จำเลยกระทำความผิดฐานผลิตเฮโรอินของกลางตามฟ้อง คำพิพากษาฏีกา ๔๑๘๓/๒๕๔๐
๑๓. โปรดติดตามตอนต่อไป
ข้อสังเกต ๑. การที่ไม่ได้ตัวสายลับมาเบิกความแล้วรู้ได้ไงว่าสายลับได้ทำการล่อซื้อจริง ของกลางที่ส่งมอบให้ตำรวจก็อาจเป็นของสายลับเองที่มีไว้เพื่อปรักปรำจำเลยได้ ดังนั้น การนำสืบต้องนำสืบว่า ก่อนให้สายลับไปล่อซื้อได้มีการค้นตัวสายลับแล้วไม่พบของผิดกฎหมาย แต่ก็มีช่องโหว้อยู่ที่ขณะค้นตัวไม่พบของผิดกฎหมาย แล้วหลังจากนั้นละ สายลับไปหยิบของผิดกฎหมายที่ไหนหรือไม่ในเมื่อไม่ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจคอยประกบสายลับอยู่ตลอดเวลาจนถึงเวลาที่มีการล่อซื้ อ แม้แต่ธนบัตรที่มอบให้สายลับไปล่อซื้อบางทีก็เกิดความพลั้งเผลอที่สายลับเอาธนบัตรนั้นไปใช้แล้วนำธนบัตรส่วนตัวของตนมาทำการล่อซื้อ เมื่อล่อซื้อได้ทำการตรวจค้นก็ไม่พบธนบัตรที่นำไปลงประจำวันไว้เพื่อเป็นหลักฐานในการล่อซื้อ นี้เป็นช่องว่างเป็นจุดโหว่ที่ต้องทำการแก้ไข
๒.ในวันนัดตำรวจขับรถไปกับสายลับเพื่อรับจำเลยทั้งสองกับพวก จำเลยทั้งสองเป็นคนนำเฮโรอินบรรจุถุงปุ๋ยขึ้นรถที่เจ้าหน้าที่ตำรวจขับและนั่งรถคันนั้นมาจุดนัดพบ ถูกร้อยตำรวจเอก ป. ซึ่งนำกำลังซุ้มรออยู่จับกุมและยึดเฮโรอินของกลางได้ คำเบิกความเจ้าหน้าที่ตำรวจมีเหตุผล เพราะเป็นผู้ติดต่อซื้อเฮโรอินของกลางและเห็นเหตุการณ์ จำเลยเบิกความรับ ทั้งไม่มีเหตุผลปรักปรำจำเลย ข้ออ้างที่ว่าในถุงไม่มีเฮโรอินเป็นคำของจำเลยคนเดียวลอยๆ ฟังเป็นจริงไมได้ จำเลยที่ ๒ อ้างงติดต่อขอซื้อเฮโรอินให้สายลับอ้างว่าถ้าจับคนขายได้จะได้รางวัล ไม่น่าเชื่อถือ เพราะถ้าจำเลยที่ ๒ เป็นผู้ติดต่อซื้อเฮโรอินของกลางให้สายลับจริง เจ้าหน้าที่ตำรวจคงต้องทราบและคงไม่ถูกจับกุมกล่าวหาจำเลยที่ ๒ ด้วย พยานที่นำสืบน่าเชื่อโดยปราศจากข้อสงสัยว่าจำเลยทั้งสองร่วมกันมีเฮโรอินไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่าย
๓.การที่พยานสองคนปลอมตัวเป็นพ่อค้าติดต่อขอซื้อเฮโรอินกับจำเลยที่ ๑ และพวกเป็นผู้เข้าไปร่วมในเหตุการณ์สามารถรู้เห็นการกระทำของจำเลยทั้งหมดได้อย่างใกล้ชิด คำเบิกความพยานสอดคล้องต้องกัน แม้คำพยานทั้งสองจะแตกต่างกันบ้างก็เฉพาะในส่วนที่เป็นพลความ หาใช่ส่วนที่เป็นสาระสำคัญไม่ จึงไม่เป็นพิรุธน่าสงสัย แต่หากพยานทั้งสองปากเบิกความสอดคล้องต้องกันทุกอย่างทั้งในส่วนที่เป็นสาระสำคัญและในส่วนลายละเอียดแบบนี้เป็นพิรุธน่าสงสัยที่พยานทั้งสองปากจะจดจำลายละเอียดได้เหมือนกันทุกอย่าง คนแต่ละคนการสังเกตก็แตกต่างกัน จุดที่ยืนต่างกันมองเห็นก็ต่างกัน การจดจำจึงไม่น่าเหมือนกันหมดทุกประการ เพียงแค่สาระสำคัญส่วนใหญ่ตรงกันก็พอแล้ว หากลายละเอียดเหมือนกันทุกอย่างนิสิเป็นพิรุธน่าสงสัยว่ามีการซักซ้อมกันมาก่อนเบิกความหรือไม่อย่างไร
๔.เมื่อพยานสามารถติดต่อกับจำเลยแล้วรายงานเจ้าหน้าที่ตำรวจ เป็นไปตามขั้นตอนการทำงาน ไม่มีพิรุธน่าสงสัยและเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเบิกความสอดคล้องตรงกันตั้งแต่การวางแผนล่อซื้อเฮโรอินดังกล่าวจนสามารถทำให้จับกุมจำเลยทั้งหมด คำพยานโจทก์เชื่อมโยงกันตั้งแต่ต้นจนจบ พยานเบิกความไปตามหน้าที่ ไม่ปรากฎมีสาเหตุโกรธเคืองกับจำเลยคนหนึ่งคนใดมาก่อนที่จะแกล้งเบิกความปรักปรำให้จำเลยได้รับโทษจากคำเบิกความพยานโจทก์ คำเบิกความจึงมีน้ำหนักควรแก่การรับฟัง พยานจำเลยเบิกความลอยๆไม่มีพยานหลักฐานอื่นมาสนับสนุนหรือเบิกความลำพังเพียงปากเดียวย่อมยากที่จะหักล้างพยานโจทก์ที่เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ทำไปตามอำนาจหน้าที่และไม่มีเหตุโกรธเคืองจำเลยมาก่อน ทำให้คำเบิกความน่าเชื่อถือ พยานจำเลยจึงไม่อาจหักล้างพยานโจทก์ได้
๕..พยานโจทก์เบิกความสอดคล้องเชื่อมโยงกันโดยตลอดได้ความว่า จำเลยจำหน่ายเฮโรอินที่มีไว้ในความครอบครองให้แก่ผู้ล่อซื้อ โดยไม่ได้รับอนุญาต เจ้าพนักงานจับจำเลยได้พร้อมเฮโรอิน ๓ หลอด และธนบัตรที่ล่อซื้อเป็นของกลาง แม้การเบิกความบางตอนจะแตกต่างกันบ้างก็เป็นเพียงพลความหาใช่สาระสำคัญที่จะทำให้คำพยานโจทก์มีน้ำหนักลดน้อยลงถึงกับรับฟังไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพยานโจทก์ทั้งสามปากเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจปฏิบัติราชการตามหน้าที่ ไม่รู้จักจำเลยมาก่อน ไม่มีเหตุระแวงสงสัยว่าจะเบิกความปรักปรำจำเลยให้ต้องรับโทษ จำเลยเองก็รับว่าอยู่ในวันเกิดเหตุ ตำรวจยึดเฮโรอินพร้อมเงินสด ๖๐๐ บาท ของกลางได้จากจำเลยจริง เท่ากับการนำสืบของจำเลยเจือสมการนำสืบของโจทก์ และเป็นการยืนยันยอมรับว่าถูกจับกุมได้พร้อมเฮโออินของกลางหาใช่เจ้าหน้าที่ตำรวจยัดของกลางแต่อย่างใดไม่
๖.การที่บ่ายเบี่ยงว่าของกลางที่ยึดได้นั้นมีผู้นำมาฝากจำเลยไว้ โดยจำเลยไม่ทราบว่าของที่นำมาฝากเป็นเฮโรอิน เป็นการผิดปกติวิสัยที่คนทั่วไปจะรับฝากของโดยไม่รู้จักคนฝากและไม่รู้ว่าของที่ฝากนั้นคืออะไร อีกทั้งเฮโรอินเป็นของผิดกฎหมายมีราคาแพง คงไม่มีใครนำเฮโรอินมาฝากคนที่ตนไม่รู้จัก พยานที่นำสืบมีน้ำหนักมั่นคงฟังโดยปราศจากข้อสงสัยว่าจำเลยได้กระทำความผิด
.๗.สืบทราบว่า มีการจำหน่ายเฮโรอินที่บ้านจำเลยในวันเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงนำกำลังไปตรวจค้น โดยก่อนไปได้มอบธนบัตรจำนวน ๕๐ บาท ให้สายลับไปทำการล่อซื้อเฮโรอินจากจำเลย และได้จัดแบ่งกำลังตำรวจเป็นสองชุด ไปซุ่มดูและเห็นสายลับส่งธนบัตรให้จำเลย จำเลยส่งเฮโรอินให้สายลับ สายลับนำเฮโรอินให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงได้เขจ้าไปตรวจค้นบ้านจำเลยพบเฮโรอิน ๑ ห่อเล็กซ่อนอยู่ในช่องอิฐบล็อกที่ใช้ทำการก่อฝาบ้าน พบธนบัตรที่ล่อซื้อในกระปุกออมสิน เห็นว่าพยานโจทก์เบิกความสอดคล้องกันมีเหตุผลเชื่อมโยงตั้งแต่ต้นจนจบ เบิกความไปตามอำนาจหน้าที่ ไม่มีสาเหตุโกรธเคืองกับจำเลยมาก่อน ที่จะเบิกความปรักปรำใส่ร้ายจำเลยให้รับโทษ แม้ไม่ได้สายลับมาเบิกความประกอบ และแม้ไม่เห็นว่าใครเป็นผู้รับธนบัตรหรือส่งมอบเฮโรอินให้สายลับ แต่ปรากฏว่าที่บ้านจำเลยมีจำเลยและภรรยาซึ่งนอนป่วยอยู่เท่านั้นไม่มีคนอื่นอีก ดังนั้นจำเลยคือผู้ขายเฮโรอินให้สายลับ
๘.เจ้าหน้าที่ตำรวจอีกชุดเบิกความสนับสนุนว่า เห็นจำเลยขายเฮโรอินให้สายลับเช่นกัน นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจยังค้นได้ธนบัตรที่สายลับล่อซื้อเฮโรอินจากกระปุกออมสินในบ้านจำเลย พยานจำเลยคงมีจำเลยเพียงปากเดียวเบิกความลอยๆ ไม่มีพยานอื่นสนับสนุน ไม่มีน้ำหนักหักล้างพยานโจทก์ได้ เชื่อว่าจำเลยกระทำผิดตามฟ้องจริง
๙.แม้ในบันทึกจับกุมกับการเบิกความจะปรากฏเฮโรอินแตกต่างกัน แต่เห็นว่าบันทึกการตรวจค้นจับกุมอาจผิดพลาดได้ เป็นข้อแตกต่างเล็กน้อยที่ไม่เป็นข้อสาระสำคัญ เห็นว่าแม้กระปุ๊กออมสินจะทำไว้สำหรับใส่เงินเหรียญ แต่ก็สามารถใส่ธนบัตรได้ จำเลยไม่ได้นำสืบให้เห็นว่า กระปุ๊กออมสินเล็กมาจนไม่สามารถใส่ธนบัตรได้ คำเบิกความโจทก์จึงไม่ขาดเหตุผล
๑๐.. ก่อนมอบธนบัตรของกลางให้สายลับไปล่อซื้อ ได้นำธนบัตรไปบันทึกลงประจำวันไว้เป็นหลักฐานก่อน เมื่อสายลับล่อซื้อเฮโรอินได้ ๑ หลอดนำกลับมามอบให้พร้อมบอก ชายคนหนึ่งเป็นคนรับเงิน ส่วนอีกคนเป็นคนมอบเฮโรอินให้โดยบอกลักษณะการแต่งกายของชายทั้งสองคน เมื่อเข้าไปตรวจค้นจับกุมจำเลยทั้งสองมีลักษณะและการแต่งกายตามที่สายลับบอก พบธนบัตรของกลางที่ลงประจำวัน พบเฮโรอินของกลาง แม้จะไม่ได้นำสายลับมาเบิกความยืนยัน พยานโจทก์ก็เพียงพอให้รับฟังได้ว่า จำเลยทั้งสองร่วมกันมีเฮโรอินไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่าย
๑๑.. พยานโจทก์ไม่เคยมีสาเหตุโกรธเคืองกับจำเลยทั้งสองอันจะเบิกความปรักปรำจำเลยให้ต้องรับโทษ การที่จำเลยที่ ๒ นำสืบว่า มีเฮโรอินไว้ในความครอบครองเพื่อเสพมิได้มีไว้เพื่อจำหน่าย แต่ที่รับสารภาพเพราะเข้าใจว่า ถูกฟ้องเฉพาะในข้อหามีเฮโรอินไว้ในความครอบครอง ต่อมาเข้าใจข้อหาจึงให้การปฏิเสธ เท่ากับยอมรับว่า มีเฮโรอินไว้ในความครอบครองจริงและถูกจับกุมได้พร้อมเฮโรอินของกลาง และการสอบสวนได้กระทำโดยชอบด้วยกฎหมายไม่ได้ถูกบังคับขู่เข็ญ ล่อหลอกหรือทำร้ายร่างกายให้รับสารภาพ เพียงแต่ตนผิดหลงเข้าใจว่า ถูกฟ้องเฉพาะในข้อหามีเฮโรอินไว้ในความครอบครองเท่านั้น ต่อมาเข้าใจข้อหาจึงให้การปฏิเสธ เมื่อไม่มีพยานหลักฐานอื่นมาสนับสนุน ข้อต่อสู้ในส่วนนี้จึงไม่มีน้ำหนักหักล้างพยานโจทก์
๑๒.วางแผนการล่อซื้อ โดยนำธนบัตรไปบันทึกหมายเลขในประจำวันเกี่ยวกับคดีเพื่อนำไปล่อซื้อ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงไปที่เกิดเหตุโดยแต่งกายนอกเครื่องแบบเข้าไปล่อซื้อในบ้าน ส่วนที่เหลือซุ้มอยู่ด้านหลัง หลังจากได้มอบเงินและเฮโรอินแล้ว จึงส่งสัญญาณให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ซุ้มอยู่เข้าจับกุมจำเลยพบเฮโรอินอีก ๑ หลอด และธนบัตรที่ใช้ในการล่อซื้อจากจำเลยที่ ๒ พยานที่เป็นตำรวจปฏิบัติหน้าที่โดยไม่รู้จักจำเลยทั้งสองมาก่อน ไม่มีเหตุระแวงสงสัยว่าจะแกล้งเบิกความปรักปรำจำเลยทั้งสอง น่าเชื่อว่าเบิกความตามความเป็นจริง แม้จำเลยที่ ๑ อ้างว่าไม่อยู่ในที่เกิดเหตุ ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจแกล้งจับกุมและปรักปรำก็ไม่อาจหักล้างพยานโจทก์ได้ แม้พยานโจทก์เบิกความแตกต่างกันในเรื่องสถานที่พบจำเลยทั้งสองก่อนล่อซื้อก็ไม่ใช่ส่วนสาระสำคัญ สาระสำคัญน่าจะอยู่ที่ขณะทำการล่อซื้อว่าทำอะไรกันบ้าง และขณะทำการตรวจค้นจับกุมพบธนบัตรที่ใช้ล่อซื้อพรน้อมเฮโรอินอื่นหรือไม่อย่างไร
๑๓..ลำพังพียงคำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยที่ ๒ เป็นคำซัดทอดของผู้ต้องหาด้วยกัน มีน้ำหนักน้อยไม่พอรับฟังลงโทษจำเลยด้วยกันได้เพราะ จำเลยที่ ๒ อาจให้การซัดทอดว่าจำเลยอื่นเป็นผู้กระทำผิดเพื่อปกปิดความผิดของตนเองหรือยอมให้การเช่นนั้นเพราะได้รับคำมั่นสัญญา จูงใจจากพนักงานสอบสวนเพื่อตอบแทนกับการเล่าเรื่องที่เกิดขึ้น แต่เมื่อนำคำซัดทอดนั้นไปรับฟังประกอบกับระยะเวลาที่สายลับไปทำการล่อซื้อเมทแอมเฟตตามีนจากจำเลยที่ ๒ จนกระทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาตรวจค้นจำเลยและพบธนบัตรที่ใช้ในการล่อซื้อจากจำเลยแทบจะในทันทีทันใดแล้วสอดคล้องต้องกัน คำซัดทอดดังกล่าวมีน้ำหนักรับฟังได้
๑๔. การนำสืบแผนการวางแผนจับกุมโดยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจปลอมเป็นผู้ซื้อ เพื่อทำการล่อซื้อยาเสพติดเป็นการสืบตามฟ้องหาใช่เป็นการสืบนอกฟ้องนอกประเด็นแต่อย่างใดไม่ ไม่ใช่คำถามที่ไม่เกี่ยวกับประเด็นตาม ปวพ มาตรา ๑๑๘(๑) ปวอ มาตรา ๑๕ แต่อย่างใดไม่
๑๕.จำเลยมีสิทธิ์นำพยานมาสืบพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนโดยไม่จำต้องซักค้านพยานโจทก์ไว้ก่อนและสามารถใช้คำถามอื่นใดแม้เป็นคำถามที่ไม่เกี่ยวกับคำพยานที่เบิกความตอบคำถามค้าน คือไม่นำปวพ มาตรา ๑๑๘ วรรคสอง ปวอ มาตรา ๑๕ มาใช้บังคับในการสืบพยานจำเลย เพราะจำเลยมีสิทธิ์ต่อสู้คดีได้เต็มที่สามารถให้การหรือไม่ให้การก็ได้ ถ้าไม่ให้การถือจำเลยปฏิเสธ ส่วนกรณีการสืบพยานของจำเลยดังกล่าวจะรับฟังได้หรือไม่เป็นดุลพินิจศาล
๑๖..ไม่มีกฎหมายห้ามรับฟังข้อนำสืบต่อสู้คดีของจำเลยอื่น แต่จะรับฟังได้แค่ไหนเพียงใดเป็นอีกกรณีหนึ่ง
๑๗.การจำหน่ายเฮโรอินเป็นความผิดที่มีอัตราโทษทางกฎหมายสูง ผู้กระทำผิดย่อมปกปิดเป็นความลับ ถ้าจำเลยที่ ๒ ที่ ๓ ไม่ได้ร่วมรู้เห็นในการกระทำผิด ก็ไม่มีเหตุที่ผู้กระทำผิดจะกล้าให้ร่วมรู้เห็นด้วย พยานโจทก์ทั้งสามเป็นเจ้าพนักงานปฎิบัติการไปตามหน้าที่ ไม่รู้จักจำเลยมาก่อน ไม่มีเหตุจะปรักปรำใส่ร้าย เมื่อเบิกความสอดคล้องเชื่อมโยงกันตั้งแต่ต้นจนจับจำเลยได้ มีน้ำหนักควรแก่การรับฟัง
๑๘.จำเลยที่ ๑ มีเฮโรอินคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ ๒,๘๘๕ กรัมไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ลักษณะคดีและพฤติการณ์ที่ตำรวจวางแผนให้สายลับเข้าไปล่อซื้อมีความสลับซับซ้อนพอสมควร เชื่อว่าเป็นการกระทำที่เป็นขบวนการซึ่งย่อมต้องมีผู้ร่วมขบวนการ เมื่อพยานโจทก์เบิกความสอดคล้องต้องกันว่า จำเลยที่ ๒ ที่ ๓ เข้าไปเกี่ยวข้องกับจำเลยที่ ๑ในการล่อซื้อเฮโรอินและถูกจับได้พร้อมของกลางในห้องพักเดียวกัน อันเป็นพฤติการณ์ที่แสดงออกในลักษณะร่วมขบวนการเดียวกันกับพยานหลักฐานโจทก์ จึงฟังได้ว่า จำเลยที่ ๒ ที่ ๓ร่วมจำเลยที่ ๑ มีเฮโรอินไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่าย ๑๙..แต่สำหรับจำเลยที่ ๔ ถึงที่ ๖ ซึ่งโจทก์นำสืบว่ามีส่วนร่วมรู้เห็นเกี่ยวกับการส่งมอบเฮโรอินของกลางโดยเป็นผู้นำเฮโรอินไปส่งให้จำเลยที่ ๓ นั้น พยานโจทก์เบิกซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเบิกความแตกต่างจากพยานคนกลางอื่น เป็นพิรุธน่าสงสัย ทั้งที่เกิดเหตุก็มีแสงสว่างน้อย พยานโจทก์ซุ้มดูเหตุการณ์อยู่ ๑๐ เมตรเศษ เชื่อว่าพยานโจทก์ไม่สามารถมองเห็นกลุ่มคนดังกล่าวได้ชัดเจนพอ ไม่อาจทราบได้ว่าได้มีการกพูดคุยหรือกระทำการค้ายาเสพติดกันหรือไม่อย่างไร และหากไม่ได้นำสายลับมาเบิกความประกอบด้วยแล้วย่อมมีน้ำหนักน้อยไม่เพียงพอแก่การลงโทษ พยานโจทก์จึงไม่มีน้ำหนักรับฟังว่าจำเลยที่ ๔ ถึงที่ ๖ได้ร่วมกระทำผิด
๒๐..พยานโจทก์เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ เป็นเจ้าพนักงานของรัฐปฏิบัติการตามหน้าที่ ไม่มีสาเหตุโกรธเคืองกับจำเลยมาก่อน ไม่มีเหตุระแวงว่าจะเบิกความปรักปรำจำเลย พยานผู้ร่วมจับกุมต่างเบิกความสอดคล้องต้องกันในเรื่องธนบัตรของกลางที่ใช้ในการล่อซื้อ มีการถ่ายภาพ และลงหมายเลขไว้ในรายงานประจำวันเกี่ยวกับคดี ซึ่งเป็นเอกสารราชการก่อนที่จะมอบให้สายลับไปดำเนินการ เมื่อสายลับล่อซื้อเฮโรอินมาได้ พยานผู้ร่วมจับกุมตรงไปที่บ้านจำเลยทันที ทำการตรวจค้นและพบธนบัตรดังกล่าวที่ตัวจำเลย ขั้นตอนต่างๆเป็นไปในระยะเวลาใกล้ชิดต่อเนื่องกัน น่าเชื่อว่าเบิกความไปตามความเป็นจริง
๒๑.จำเลยเบิกความว่าธนบัตรของกลางได้จากกระเป๋ากางเกงของจำเลยที่สวมใส่อยู่ขณะถูกตรวจค้นจริงเป็นการเจือสมกับพยานหลักฐานโจทก์ ทำให้พยานโจทก์มีน้ำหนักในการรับฟังการลงโทษจำเลย ประกอบกับจำเลยรับสารภาพในชั้นจับกุมและสอบสวนซึ่งเป็นระยะเวลาใกล้ชิดกับที่จำเลยถูกจับกุม เมื่อไม่ได้ต่อสู้ว่ารับสารภาพโดยไม่สมัครใจ ถูกบังคับขู่เข็ญหรือมิชอบด้วยประการใด คำรับสารภาพของจำเลยจึงมีน้ำหนักในการรับฟังประกอบพยานหลักฐานโจทก์ ส่วนที่อ้างว่าจำเลยให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมและสอบสวน เพราะถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจทำร้าย มีแต่คำเบิกความของจำเลยลอยๆ โดยไม่มีใบรับรองแพทย์ว่าถูกทำร้ายร่างกายจริงหรือไม่อย่างไร ไม่มีการดำเนินคดีกับผู้จับกุมฐานทำร้ายร่างกายหรือปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบ ไม่มีการร้องเรียนตำรวจผู้จับกุมว่ากระทำโดยไม่ชอบ จึง ไม่มีน้ำหนักรับฟังได้ พยานหลักฐานของจำเลยไม่สามารถหักล้างพยานหลักฐานโจทก์ได้
๒๒.แม้ไมได้นำสายลับมาเบิกความยืนยันการกระทำผิดของจำเลย แต่พยานผู้จับกุมเบิกความสอดคล้องต้องกันว่าแอบซุ้มดูขณะสายลับล่อซื้อเฮโรอินจากจำเลยที่ ๑ โดยสายลับเข้าไปพูดกับจำเลยที่ ๑ แล้วจำเลยที่ ๑ หันไปพูดกับจำเลยที่ ๒ จำเลยที่ ๒ เดินเข้าไปในถนนซอยสักครู่ก็นำถุงพลาสติกส่งให้จำเลยที่ ๑ จำเลยที่ ๑ หยิบกล่องกระดาษออกจากถุงส่งให้สายลับ สายลับส่งธนบัตรให้จำเลยที่ ๒ เป็นลักษณะแบ่งงานกันทำ แบ่ง เมื่อสายลับส่งสัญญาณและนำเฮโรอินที่ล่อซื้อมามอบให้จึงเข้าตรวจค้นและจับกุมจำเลยทั้งสอง เหตุที่จับกุมจำเลยทั้งสองเพราะมีการสืบทราบและมีการวางแผนจับกุมมาก่อน ที่เกิดเหตุมีแสงไฟฟ้าสว่าง ชั้นจับกุมจำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพ พยานโจทก์มีน้ำหนักควรแก่การรับฟัง
๒๓. แม้ไม่มีประจักษ์พยานมายืนยันขั้นตอนที่จำเลยทำการแบ่งบรรจุเฮโรอินใส่ในหลอดกาแฟ คงปรากฏเพียงมีเฮโรอินใส่ในหลอดกาแฟไว้เรียบร้อยแล้ว ก็หาใช่เป็นความผิดเพียงมีเฮโรอินไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายตามที่จำเลยฏีกาไม่ อีกทั้งการที่ตำรวจที่ล่อซื้อเฮโรอินก็หาใช่เป็นการแสวงหาพยานหลักฐานอันไม่ชอบแต่อย่างใดไม่ เพราะจำเลยมีเฮโรอินไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายอยู่แล้วพร้อมที่จำหน่าย หาใช่จำเลยไม่เคยมีพฤติการณ์ที่จะจำหน่ายแต่เจ้าหน้าที่ตำรวจไปล่อซื้อเพื่อให้จำเลยจำหน่ายแต่อย่างใดไม่ หากไม่มีการล่อซื้อก็อาจจับกุมได้เพียงมีเฮโรอินไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้อนุญาต แต่ไม่สามารถจับกุมในข้อหามีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่าย
๒๔.เห็นว่า พรบ. ยาเสพติดฯ มาตรา ๔ ให้นิยามศัพท์คำว่า “ ผลิต” ให้หมายความรวมถึง การแบ่งบรรจุหรือรวมบรรจุด้วย เมื่อได้ความว่า ขณะจับจำเลยได้นั้นตำรวจพบเฮโรอินในหลอดกาแฟถึง ๒๘ หลอด อยู่ในกล่องพลาสติกที่จำเลยถืออยู่ ซึ่งมีจำนวนมากเกินที่จะมีไว้ในครอบครองเพื่อเสพ เฮโรอินเป็นของผิดกฎหมายมีราคาแพงการจะซื้อตุนไว้เพื่อเสพจำนวนมากอาจถูกจับกุมตรวจค้นได้ อีกทั้งการที่มีหลอดกาแฟเปล่าชนิดและขนาดเดียวกันกับที่บรรจุเฮโรอินเพื่อจำหน่ายโดยหลอดกาแฟดังกล่าวถูกตัดโดยปิดด้านหนึ่งอยู่อีก ๓๓ หลอดถือมีจำนวนมาก และมีเหตุผลใดที่ต้องตัดหลอดกาแฟในลักษณะนี้ หากไม่ได้มีไว้เพื่อการบรรจุเฮโรอินเพื่อจำหน่าย
๒๕.ประกอบทั้งในชั้นจับกุมจำเลยให้การรับสารภาพว่าซื้อเฮโรอินมาแบ่งบรรจุในหลอดกาแฟ และแสดงท่าบรรจุเฮโรอินในหลอดกาแฟเปล่าให้ตำรวจผู้จับกุมดู ชั้นสอบสวนก็รับว่าหลอดกาแฟเปล่าเตรียมไว้เพื่อบรรจุเฮโรอิน พฤติการณ์จำเลยที่แบ่งเฮโรอินออกเป็นส่วนย่อยและบรรจุลงในหลอดกาแฟดังกล่าว ทั้งมีหลอดกาแฟเปล่าขนาดเดียวกันจำนวนมาก แม้โจทก์ไม่มีประจักษ์พยานรู้เห็นขั้นตอนการแบ่งบรรจุใส่หลอดกาแฟ แต่ก็เป็นที่เห็นได้ว่า จำเลยมีหลอดกาแฟไว้เพื่อแบ่งบรรจุหรือรวมบรรจุเฮโรอินแล้ว เข้าตามวิเคราะห์ศัพท์คำว่า “ ผลิต” การตัดหลอดกาแฟที่ปิดด้านหนึ่งอยู่เป็นการกระทำเพื่อความสะดวกในการจัดจำหน่ายนั้นเอง ผู้จับกุมและพนักงานสอบสวนไม่เคยรู้จัก ไม่เคยมีสาเหตุโกรธเคืองกับจำเลย น่าเชื่อว่ากระทำการไปตามอำนาจหน้าที่ จึงรับฟังได้โดยปราศจากข้อสงสัยว่า จำเลยกระทำความผิดฐานผลิตเฮโรอินของกลางตามฟ้อง