ผู้จับกุมอ้างว่ารับแจ้งจากสายลับว่ามีวัยรุ่นมั่วสุมเสพยาเสพติด หากขอหมายค้นจะเนินช้าไป ผู้ทำผิดจะหลบหนี เคลื่อนย้ายทำลายทรัพย์ที่กระทำผิด จึงไปตรวจค้นที่บ้านที่ไม่มีคนพักอาศัย พบผู้ต้องหาที่หน้าบ้านได้พาตรวจค้นในบ้าน พบกัญชา ๑ ถุง โพยแทงฟุตบอลต่างประเทศ ๑๐ ใบวางอยู่ในบ้านใกล้ๆกัน ไม่มีหลักฐานใดืยืนยันว่าเป็นของผู้ต้องหา ผู้ต้องหารับสารภาพในชั้นจับกุมว่าของกลางดังกล่าวเป็นของผู้ต้องหาโดยผู้ต้องหาเป็นกลุ่มวัยรุ่นมัวสุ่มเสพยาเสพติด การตรวจค้นไม่พบบุคคลอื่นหรืออุปกรณ์ที่ใช้หรือเหลือใช้จากยาเสพติด น่าเชื่อว่ากลุ่มวัยรุ่นที่เสพยาเสพติดได้หลบหนีไปก่อนที่ผู้จับกุมจะมา หากผู้ต้องหาอยู่ในกลุ่มวัยรุ่นดังกล่าวก๋น่าจะหลบหนีไปเช่นกัน ชั้นสอบสวนผู้ต้องหาให้การปฏิเสธอ้างว่าเดินผ่านหน้าบ้านเกิดเหตุไปหาเพือนชื่อนายบอย ตนไม่เคยเข้าไปในบ้านดังกล่าว วันเกิดเหตุตำรวจเข้าไปตรวจค้นและพบของกลาง แต่ของกลางดังกล่าวไม่ใช่ของตนสอดคล้องคำให้การผู้ต้องหาในรายงานแสดงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเด็กและเยาวชนของถสถานพินิจและคุ้มครองเด้กและเยาวชนกรุงเทพมหานคร ลำพังคำให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมต้องห้ามมิให้รับฟังเป็นพยานหลักฐานโดยปราศจากหลักฐานอื่นที่มีน้ำหนัก มาสนับสนุน หลักฐานไม่พอฟังว่าผู้ต้องหาได้กระทำผิดตามข้อกล่าวหา ชี้ขาดไม่ฟ้องผู้ต้องหาในข้อหามียาเสพติดให้โทษประเภทที่ ๕(กัญชา)ไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ร่วมกันเล่นการพนันทายผลฟุตบอลพนันเอาทรัพย์สินกันโดยไม่ได้รับอนุญาต ชี้ขาดความเห็นแย้ง ๒๙๕/๒๕๕๒
ข้อสังเกต ๑. มีการตรวจค้นจับกุมโดยไม่มีหมายจับหมายค้น อ้างว่าการขอหมายจะเนินช้า ผู้ทำผิดอาจหลบหนีหรือเคลื่อนย้ายทรัพย์สินที่กระทำผิด เป็นการอ้างข้อยกเว้นการขอหมายค้น แต่ตามกฏหมายบัญญัติว่า "ต้องมีพยานหลักฐานตามสมควร "ว่า สิ่งของที่มีไว้เป็นความผิดหรือได้มาโดยการกระความผิดหรือได้ใช้หรือมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำความผิดหรืออาจอ้างเป็นพยานหลักฐานพิสูจน์การกระทำความผิดได้ซ่อนหรืออยู่ในนั้น ประกอบทั้ง "ต้องมีเหตุอันควรเชื่อ "ว่าเนื่องจากการเนินช้าในการออกหมายค้นสิ่งของนั้นจะถูกโยกย้ายหรือทำลายเสียก่อน เห็นได้ว่ากฏหมายบัญญัติว่า "ต้องมีพยานหลักฐานตามสมควร" และใช้คำว่า " ต้องมีเหตุอันควรเชื่อ" เป็นข้ออ้างของผู้จับกุมว่าการออกหมายค้นจะเนินช้าสิ่งของอาจถูกโยกย้ายหรือทำลายโดยไม่มีหลักฐานอื่นประกอบ ทั้งการจับกุมก็ไม่มีหมายจับ ไม่ใช่การจับในความผิดซึ่งหน้า เมื่อไม่มีการสอบสายลับเป็นพยานจึงไม่อาจเชื่อว่า คดี " มีหลักฐานตามสมควร" และ " มีเหตุอันควรเชื่อ" ตามที่ผู้จับกุมกล่าวอ้าง การจับกุมตรวจค้นน่าไม่ชอบด้วยกฏหมาย
๒.ของกลางไม่ได้พบที่ตัวผู้ต้องหา แต่พบในบ้านซึ่งไม่มีคนอยู่อาศัย ใครอาจนำของกลางดังกล่าวไปวางในบ้านก็ได้
๓.คำให้การรับสารภาพในชั้นจับกุม โดยไม่มีพยานหลักฐานอื่นประกอบ ไม่อาจรับฟังเป็นพยานหลักฐานได้
๔.ชั้นสอบสวนผู้ต้องหาให้การปฏิเสธโดยอ้างว่า ไปหาเพือนผ่านมาที่บ้านเกิดเหตุถูกจับกุมตรวจค้น สอดคล้องกับที่เคยให้การในคำให้การที่ให้ไว้ในรายงานแสดงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเด็กหรือเยาวชนของสถานพิินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนกรุงเทพ
๕.การที่ไม่สอบสายลับเป็นพยานทำให้คดีไม่มีน้ำหนักเพราะผู้ต้องหาให้การปฏิเสธในชั้นสอบสวน แม้จะรับสารภาพในชั้นจับกุมก็เป็นคำรับสารภาพที่ประมวลกฏหมายวิธีพิจารณาความอาญาไม่ให้รับฟังเป็นพยานหลักฐานเว้นแต่จะมีหลักฐานอื่นประกอบ ข้ออ้างของพนักงานสอบสวนที่มักจะอ้างว่าอาจเกิดอันตรายแก่สายลับ ผมว่าเป็นข้ออ้างที่รับฟังไม่ได้ครับ เพราะทุกคนที่มาเบิกความในศาลหรือให้การกับพนักงานสอบสวนหรือพนักงานอัยการก็อาจเป็นอันตรายได้ทุกคน อยู่ที่พนักงานสอบสวนและกรมคุ้มครองสิทธิ์และเสรีภาพจะให้ความคุ้มครองพยานอย่างไรเท่านั้นมากกว่า การไม่สอบสายลับเป็นพยาน ผู้จับกุมอาจถูกดำเนินคดีฐานหน่วงเหนียวกักขังทำให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย และปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบได้ โดยผู้ต้องหาอาจใช้คำสั่งของพนักงานอัยการที่สั่งไม่ฟ้อง มาเป็นมูลในการฟ้องคดี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น