ค้นหาบล็อกนี้

วันพฤหัสบดีที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2559

"ผู้เสียหายมีเจตนาช่วยผู้ต้องหา"

ผู้เสียหายปิดห้องแล้วออกไปซื้อของ กลับมาพบผู้ต้องหาเปิดประตูออกมาจากห้องของตน จึงได้เข้าควบคุมตัวผู้ต้องหา ผู้ต้องหารับว่าได้เข้ามาลักแผ่นวีซีดีในห้องผู้เสียหายไปแล้วครั้งหนึ่ง และกลับมาในห้องเพื่อจะลักแผ่นวีซีดีเอ๊ก แต่ผู้เสียหายมาพบเสียก่อน คดีมีผู้เสียหายและเพือนให้การสอดคล้องกันว่าขณะมาถึงห้องพักผู้เสียหายพบผู้ต้องหากำลังเปิดประตูออกมาจากห้องผู้เสียหาย สอบถามผู้ต้องหารับว่าใช้ับัตรโทรศัพท์เติมเงินสอดดันลูกบิดประตูห้องพักผู้เสียหายจนเปิดออกแล้วเข้าไปในห้องสองครั้ง ครั้งแรกลักเอาแผ่นวีซีดีภาพยนต์ ของผู้เสียหาย ๑ แผ่น แล้วได้ย้อนเข้ามาเพื่อจะลักแผ่นวีซีดีหนังเอ๊ก แต่ผู้เสียหายมาพบเสียก่อนจึงลักทรัพย์ของผู้เสียหายไม่ได้ และได้พาผู้เสียหายไปที่ห้องพักนำแผ่นวีซีดีที่ลักมาคืน ในชั้นจับกุมและสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพให้ลายละเอียดว่าได้ลักทรัพย์และพยายามลักทรัพย์ และแสดงท่าทางให้ถ่ายภาพรับรองแผ่นวีซีดีของกลางที่ลักมาประกอบคำรับสารภาพ รับฟังได้ว่ารับสารภาพในชั้นจับกุมและสอบสวนด้วยความสมัครใจ ส่วนที่ผู้เสียหายให้การหลังเกิดเหตุ ๑ เดือนเศษว่า แผ่นวีซีดีของกลางไม่ได้ถูกลักไป แต่ให้ผู้ต้องหายืมไป น่าเชื่อว่ามีเจตนาช่วยผู้ต้องหาให้พ้นความรับผิด คำให้การดังกล่าวไม่มีน้ำหนักน่าเชื่อถือพฤติการณ์ผู้ต้องหาเป็นกากรกระทำผิดฐานลักทรัพย์ในเคหสถานในเวลากลางคืน(แผ่นวีซีดีของกลาง)และพยายามลักทรัพย์ในเคหถสถานในเวลากลางคืน(แผ่นวีดีหนังเอ็กซ์) เป็นความผิดต่างกรรมต่างวาระกัน คดีมีหลักฐานพอฟ้อง แต่เนื่องจากผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติมีความเห็นแย้งไม่ฟ้องผู้ต้องหาเฉพาะความผิดฐานลักทรัพย์ในเวลากลางคืน(แผ่นวีซีดีภาพยนต์ของกลาง) ย่อมถือว่ามีคำสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาฐานลักทรัพย์ในเคหสถานเด็ดขาดไปแล้ว ชี้ขาดให้ฟ้องผู้ต้องหาในข้อหาลักทรัพย์ในเวลากลางคืน(วีซีดีภาพยนต์ของกลาง) และ ข้อหาพยายามลักทรัพย์วีซีดีหนังเอ็กซ์ พนักงานสอบสวนยังไม่ได้ดำเนินคดีผู้ต้องหาในข้อหานี้ จึงสั่งฟ้องผู้ต้องหาฐานพยายามลักทรัพย์ในเคหสถานในเวลากลางคืน(แผ่นวีซีดีหนังเอ๊กซ์) ให้พนักงานสอบสวนแจ้งข้อหาและสอบคำให้การผู้ต้องหาเพิ่มเติมก่อนฟ้อง ชี้ขาดความเห็นแย้ง๔๐๗/๒๕๕๒
ข้อสังเกต ๑. ผู้เสียหายให้การสองครั้งไม่ตรงกัน ครั้งแรกให้การพบผู้ต้องหาเปิดประตูห้องออกมาจึงควบคุมตัวไว้สอบถามรับว่าเข้ามาลักแผ่นวีซีดีภาพยนต์ และกลับเข้ามาลักวีซีดีหนังเอ็กซ์อีก แต่ผู้เสียหายมาพบก่อน จึงพาไปนำยึดแผ่นวีซีดีภาพยนต์ที่ห้อง สอดคล้องกับคำให้การเพือนผู้เสียหาย สอดคล้องคำให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวน และการนำชี้ให้ถ่ายภาพรับรองแผ่นวีซีดีภาพยนต์ของกลางประกอบคำรับสารภาพ
๒.การให้การครั้งที่สองของผู้เสียหายหลังเกิดเหตุ ๑ เดือนว่าให้ผู้ต้องหายืมไปดู ผู้ต้องหาไม่ได้ลักแผ่นวีซีดีไปนั้น เป็นการให้การหลังเกิดเหตุนานพอควร ไม่ได้ให้การใกล้ชิดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น สามารถปรุงแต่งข้อเท็จจริงได้ ไม่เหมือนการให้การในตอนแรกที่ใกล้ชิดเวลาเกิดเหตุ ทั้งไม่ปรากฏผู้เสียหายเคยมีสาเหตุโกรธเคืองผู้ต้องหามาก่อนจึงไม่มีเหตุที่จะให้การปรักปรำผู้ต้องหาว่าเป็นคนร้ายที่เข้ามาลักทรัพย์ คำให้การครั้้งแรกจึงมีน้ำหนักให้รับฟังมากกว่าการให้การครั้งที่สอง
๓.ไม่ปรากฏว่าผู้จับกุมและพนักงานสอบสวนมีสาเหตุโกรธเคืองกับผู้ต้องหามาก่อนที่จะให้การใส่ร้ายผู้ต้องหา และไม่ปรากฏว่าผู้ต้องหาร้องเรียนหรือฟ้องร้องเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าได้บังคับขู่เข็ญหรือทำร้ายให้ผู้ต้องหารับสารภาพ จึงน่าเชื่อว่าบันทึกการจับกุมและการสอบสวนที่ผู้ต้องหารับสารภาพทำไปตามความเป็นจริง
๔.ไม่ปรากฏว่าเพือนผู้เสียหายมีสาเหตุโกรธเคืองกับผู้ต้องหาที่จะให้การปรักปรำผู้ต้องหาจึงน่าเชื่อว่าให้การตามความเป็นจริง
๕.คำให้การผู้เสียหายครั้งทีั่สองขัดแย้งกับคำให้การของตนในครั้งแรกและขัดแย้งกับคำให้การของเพือนผู้เสียหาย จึงน่าเชื่อว่าการให้การครั้งแรกของผู้เสียหายเป็นตามความจริง
๖. การกระทำของผู้เสียหายที่มาให้การช่วยผู้ต้องหามีความผิดฐานแจ้งให้เจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่จดข้อความจดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารราชการ แต่เมื่อไม่ได้กระทำเพื่อไม่ให้ผู้ต้องหาถูกจับกุมเพราะผู้ต้องหาถูกจับกุมอยู่แล้ว ทั้งไม่มีการให้ที่พักหรือซ่อนเร็นหรือกระทำด้วยประการใดๆไม่ให้ถูกจับกุม จึงไม่มีความผิดตาม ป.อ. มาตรา ๑๘๙
๗.ข้อหาพยายามลักทรัพย์แผ่นวีซีดีหนังเอ๊กซ์ในเคหสถานพนักงานสอบสวนยังไม่ได้ดำเนินคดีในข้อหานี้คือยังไม่ได้มีการสอบสวนในความผิดดังกล่าว จึงสั่งฟ้องผู้ต้องหาในข้อหานี้โดยให้พนักงานสอบสวนทำการสอบสวนโดยแจ้งข้อหาและสอบปากคำผู้ต้องหาก่อนฟ้อง

ไม่มีความคิดเห็น: