ค้นหาบล็อกนี้

วันเสาร์ที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2559

“ภาพถ่ายไม่ใช่เอกสาร”

โจทก์ร่วมเป็นภรรยาจำเลยฟ้องเรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูและขอให้เปิดประตูบ้านที่โจทก์ร่วมอาศัยอยู่ การที่โจทก์ร่วมให้ช่างภาพถ่ายภาพห้อง เครื่องใช้ตู้เสื้อผ้า และของอื่นๆภายในบ้าน ภาพดังกล่าวเป็นภาพจำลองห้อง เครื่องใช้เท่านั้น ไม่ได้แสดงคงวามหมายให้ปรากฏ ห้องมีสภาพอย่างไร เมื่อถ่ายภาพออกมาก็ปรากฏในสภาพอย่างนั้น ไม่ปรากฏหลักฐานแห่งความหมายใดๆ ภาพและฟิล์มของภาพถ่ายดังกล่าวจึงไม่เป็นเอกสาร การที่ร้านถ่ายรูปได้นำภาพไปมอบให้โจทก์ร่วมที่บ้าน ซึ่งภาพถ่ายนั้นจำเลยเป็นผู้รับไว้และให้คนเอาฟิลมภาพถ่ายจากร้านแล้วเอาไปเสีย ไม่ยอมคืนโจทก์ร่วม ไม่เป็นความผิดตาม ป.อ. มาตรา ๑๘๘ คำพิพากษาฏีกา ๑๒๐๙/๒๕๒๒
ข้อสังเกต ๑. ภาพถ่ายเป็นเพียงภาพจำลองวัตถุว่าสิ่งที่ถ่ายภาพนั้นมีสภาพเป็นอย่างไร แต่ภาพถ่ายไม่ใช่กระดาษหรือวัตถุอื่นใดที่ทำให้ปรากฏความหมายด้วยตัวอักษร ตัวเลข ผัง หรือแผนแบบอย่างอื่น แม้จะเป็นการถ่ายภาพแต่ก็ไม่ได้ทำให้ปรากฏความหมายด้วยตัวอักษร ตัวเลข ผัง หรือแผนแบบอย่างอื่น แต่เป็นเพียงภาพจำลองวัตถุเท่านั้น ว่าวัตถุที่ถูกถ่ายภาพนั้นมีลักษณะอย่างไร ภาพถ่ายจึงไม่ใช่ เอกสาร ตามความหมายใน ป.อ. มาตรา ๑(๗) การที่ช่างถ่ายภาพนำภาพมามอบให้โจทก์ร่วม แต่จำเลยเป็นคนรับภาพนั้นและเอาภาพนั้นไป จึงไม่เป็นการเอาไปเสียซึ่ง “ เอกสาร” ของผู้อื่นในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่โจทก์ร่วมหรือประชาชน
๒.ฟิล์มถ่ายภาพก็ไม่ได้ทำให้ปรากฏความหมายด้วยตัวอักษร ตัวเลข แผนหรือผังอย่างอื่น จึงไม่ใช่เอกสาร การที่จำเลยเอาไปจึงไม่ใช่การเอาไปซึ่งเอกสารโดยประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อผู้หนึ่งผู้ใดหรือประชาชนได้
๓.แต่การที่จำเลยรับมอบซึ่งภาพถ่ายและฟิล์มจากช่างภาพ เป็นการรับทรัพย์ดังกล่าวไว้แทนโจทก์ร่วมเพื่อส่งมอบแก่โจทก์ร่วม การที่จำเลยเบียดบังเอาไปซึ่งภาพถ่ายและม้วนฟิลม์ของโจทก์ร่วมโดยเจตนาทุจริตแสวงหาประโยชน์อันมิควรได้โดยชอบด้วยกฏหมายซึ่งภาพถ่ายและฟิล์มดังกล่าวเป็นพยานหลักฐานที่ใช้ส่งต่อศาลในการดำเนินคดีในศาลในการฟ้องขอให้เปิดประตูบ้าน จึงเป็นพยานหลักฐานในการประกอบการพิจารณาของศาล ซึ่งหากไม่มีพยานหลักฐานดังกล่าว การพิจารณาของศาลอาจไม่ได้ความชัดแจ้งอาจพิจารณาคดีผิดพลาดไปได้ การเอาไปซึ่งภาพถ่ายและฟิล์มดังกล่าวย่อมได้ไปซึ่งประโยชน์ซึ่งไม่ใช่ตัวเงินแต่เป็นประโยชน์ในลักษณะอื่นที่จำเลยไม่ควรได้โดยชอบด้วยกกหมายอันเป็นการแสดงเจตนาทุจริตแล้ว เมื่อจำเลยครอบครองทรัพย์ของผู้เสียหายที่ผู้อื่นส่งมอบให้แล้วเบียดบังเอาทรัพย์นั้นไปการกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานยักยอกแล้ว กรณีนี้ไม่ใช่การลักทรัพย์ที่ผู้อื่นส่งมอบให้โดยสำคัญผิด เพราะจำเลยและผู้เสียหายอยู่บ้านเดียวกันเป็นสามีภรรยากัน การที่ส่งมอบของให้จำเลยซึ่งคนในบ้านก็เป็นที่เข้าใจว่าได้ส่งมอบให้โจทก์ร่วมซึ่งเป็นภรรยาโดยสามีรับของแทนนั้นเอง

ไม่มีความคิดเห็น: