ค้นหาบล็อกนี้

วันพุธที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2559

"เรียกรับเงินไปเลี้ยงลูกน้อง"

ผู้ต้องหาเป็นลูกจ้างประจสำนักงานเขตบางรัก ตำแหน่งพนักงานเทศกิจ ไม่ใช่ข้าราชการกรุงเทพมหานครหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ที่ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครมีคำสั่งแต่งตั้ง ผู้ต้องหาจึงไม่ใช่เจ้าพนักงานตามกฏหมาย ผู้ต้องหาเรียกร้องเงินจากผู้เสียหายและมารดาผู้เสียหาย ๕ ครั้ง ครั้งแรกวันที่ ๖ มิ.ย.๒๕๔๘ เรียก ๒,๐๐๐ บาท อ้างว่าเป็นค่าตั้งตู้ปลาบนทางเท้า ครั้งที่ ๒ กลางเดือนมิถุนายน ๒๕๔๘จำนวน ๑๐,๐๐๐บาท อ้างว่าจะนำไปให้ผู้ใหญ่เป็นค่าติดตั้งเสาแดงเพื่อเสริมศิริมงคลบนทางเท้า ครั้งที่ ๓ เมื่อ วันที่ ๒๔ มิ.ย.๒๕๔๘จำนวน ๔,๔๐๐บาทอ้างว่านำไปเลี้ยงลูกน้อง ครั้งที่ ๔ วันที่ ๒ ก.ค.๒๕๔๘ จำนวน ๒,๐๐๐บาท เป็นค่าตั้งตู้ปลาบนทางเท้าเป็นรายเดือน ครั้งที่ ๕ วันที่ ๕ ก.ค.๒๕๔๘ จำนวน ๘๐,๐๐๐บาท อ้างว่าจะนำไปให้ฝ่ายโยธา ๕๐,๐๐๐บาทให้ฝ่ายเทศกิจ ๓๐,๐๐๐บาทเป็นค่าใช้จ่ายในการติดตั้งป้ายชื่อร้าน โดยในการเรียกร้องเงินดังกล่าวผู้ต้องหาได้แต่งเครื่องแบบเทศกิจ ตามพฤติการณ์ทำให้ผู้เสียหายและมารดาเข้าใจว่า ผู้ต้องหามีตำแหน่งรับผิดชอบในเรื่องดังกล่าว ซึ่งอาจจับกุมผู้เสียหายกรณีตั้งสิ่งของกีดขวางทางสาธารณะ และอาจไม่อนุญาตให้ผู้เสียหายติดตั้งป้ายชื่อร้านใหม่ ผู้เสียหายและมารดาจึงยอมจ่ายเงินให้ผู้ต้องหาเพื่อเป็นการตอบแทนในการที่ผู้ต้องหาจะจูงใจให้เจ้าพนักงานกระทำการไม่กระทำการในหน้าที่อันเป็นคุณหรือเป็นโทษแก่ผู้เสียหาย แม้ผู้ต้องหาจะอ้างว่านำไปให้เจ้าพนักงานเพื่อช่วยเหลือให้ผู้เสียหายสามารถติดตั้งป้ายชื่อร้านใหม่ได้ ผู้เสียหายจะไม่หลงเชื่อและไม่มีเจตนามอบเงิน แต่ได้ไปแจ้งความและนำเงินให้ผู้ต้องหาเพื่อเป็นหลักฐานในการจับกุม การกระทำผู้ต้องหาในส่วนวันที่ ๖มิ.ย.๒๕๔๘, ๒ก.ค.๒๕๔๘, และเมื่อกลางเดืิอนมิ.ย.๒๕๔๘และเมื่อวันที่ ๕ ก.ค.๒๕๔๘ครบองค์ประกอบของ ป.อ. มาตรา ๑๔๓แล้ว เป็นการกระทำต่างกรรมต่างวาระ ส่วนที่เรียกเงินในวันที่ ๒๔ มิ.ย.๒๕๔๘อ้างว่าจะนำไปเลี้ยงลูกน้องไม่ได้นำไปจูงใจเจ้าพนักงานให้กระทำการหรือไม่กระทำการอันเป็นคุณหรือเป็นโทษแก่ผู้เสียหาย ไม่ครบองค์ประกอบความผิด ป.อ. มาตรา ๑๔๓ ชี้ขาดให้ฟ้องผู้ต้องหาฐานเรียกรับ ยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่น เป็นการตอบแทนที่จะจูงใจหรือได้จูงใจเจ้าพนักงานโดยวิธีอันทุจริตหรือผิดกฏหมายหรือโดยอิทธิพลของตนให้กระทำการไม่กระทำการตามหน้าที่อันเป็นคุณเป็นโทษแก่บุคคลใดสำหรับการกระทำผิดในวันที่ ๖มิ.ย.๒๕๔๘,กลางเดือนมิ.ย.๒๕๔๘,๒ก.ค.๒๕๔๘และ ๕ก.ค.๒๕๔๘ และชี้ขาดไม่ฟ้องผู้ต้องหาในความผิดดังกล่าวในการกระทำวันที่ ๒๔ มิ.ย.๒๕๔๘ ธนบัตรของกลางผู้เสียหายรับคืนแล้ว เทปคลาสเซ็ทและใบบันทึกรายการถอนเงินให้พนักงานสอบสวนจัดการตาม ป.ว.อ. มาตรา ๘๕ ชี้ขาดความเห็นแย้ง๕๐๒/๒๕๕๒
ข้อสังเกต ๑.ผู้ต้องหาเป็นเพียงลูกจ้างประจำ ไม่ใช่ข้าราชการกรุงเทพมหานครหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ที่ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครแต่งตั้งจึงไม่ใช่เจ้าพนักงาน การเรียกร้องจึงไม่อาจเป็นความผิดฐานเป็น "เจ้าพนักงาน"เรียกรับยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดตาม ป.อ. มาตรา ๑๔๙ได้ จึงผิดเพียงเรียกรับ ยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชนอื่นใดเพื่อจูงใจเจ้าพนักงานให้กระทำการหรือไม่กระทำการตามหน้าที่ฯตาม ป.อ. มาตรา ๑๔๓เท่านั้น
๒.ส่วนการกระทำในบางครั้งผู้เสียหายไม่หลงเชื่อไม่มีเจตนามอบเงิน แต่ที่มอบเพื่อเป็นหลักฐานในการจับกุมก็ตามความผิดก็สำเร็จนับแต่ัวันที่เรียกทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดแล้วเพราะกฏหมายไม่ได้บัญญัติว่าความผิดดังกล่าวผู้เสียหายต้องหลงเชื่อจึงยอมมอบเงินให้จึงจะเป็นความผิด
๓.ส่วนในวันที่ ๒๔มิ.ย.๒๕๔๘ เรียกเงินเพื่อไปเลี้ยงลูกน้อง่ไม่ใช่นำไปจูงใจเจ้าพนักงานเพื่อกระทำการไม่กระทำการตามหน้าที่ จึงไม่ครบองค์ประกอบในมาตรา ๑๔๓ของ ประมวลกฏหมายอาญา

ไม่มีความคิดเห็น: