เจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณะสุขสร้างสถานีอนามัยทับที่ดินของเอกชนทั้งแปลง เป็นเหตุให้เอกชนได้รับความเสียหายโดยเข้าใจโดยสุจริตว่าเป็นที่ราชพัสดุอยู่ในความดูแลของกรมธนารักษ์ การก่อสร้างอาคารดังกล่าวเป็นการบริหารจัดการทั่วไปเกี่ยวกับทรัพย์สินของหน่วยงานราชการโดยไม่ได้ใช้อำนาจในทางปกครอง แม้กระทรวงสาธารณสุขสร้างอาคารลุกล้ำเข้าไปในที่เอกชน ก็เป็นกรณีบุคคลสร้างโรงเรือนรุกล้ำเข้าไปในที่ดินคนอื่น เป็นคดีพิพาทในทางแพ่ง ไม่ใช่คดีพิพาทที่อยู่ในอำนาจศาลปกครอง คำสั่งศาลปกครองสูงสุด ๖๕๗/๒๕๕๒
ข้อสังเกต ๑.สร้างโรงเรือนในที่ดินผู้อื่นโดยสุจริต เจ้าของที่ดินเป็นเจ้าของโรงเรือนตามหลักส่วนควบที่เจ้าของที่ดินเป็นเจ้าของส่วนควบโดยโรงเรือนว่าโดยสภาพแห่งตัวทรัพย์หรือโดยจารีตประเพณีแห่งท้องถิ่นย่อมเป็นสาระสำคัญในความเป็นอยู่ของทรัพย์นั้น ไม่อาจแยกจากกันได้นอกจากทำลายทำให้บุบสลาย ทำให้ทรัพย์นั้นเปลี่ยนแปลงรูปทรง โรงเรือนจึงเป็นส่วนควบย่อมตกติดแก่เจ้าของที่ดิน แต่เจ้าของที่ดินต้องใช้ค่าแห่งที่ดินที่เพิ่มขึ้นเพราะมีการสร้างโรงเรือนให้แก่ผู้สร้าง หากเจ้าของที่ดินแสดงได้ว่าไม่ได้มีความประมาทเลินเล่อจะบอกปัดไม่ยอมรับโรงเรือนและเรียกให้ผู้สร้างรื้อถอนและทำที่ดินให้กลับเป็นไปตามเดิมได้ เว้นแต่การนี้จะกระทำไม่ได้โดยใช้เงินพอสมควร ในกรณีนี้เจ้าของที่ดินจะเรียกให้ผู้สร้างซื้อที่ดินทั้งหมดหรือแต่บางส่วนตามราคาท้องตลาดก็ได้
๒.การที่กระทรวงสาธารณะสุขเข้าใจโดยสุจริตว่าที่ดินของเอกชนเป็นที่ราชพัสดุอยู่ในความดูแลของกรมธนารักษ์ จึงได้สร้างสถานีอนามัยทับที่ดินของเอกชนทั้งแปลง จึงเป็นกรณีที่กระทรวงสาธารณะสุขสร้างโรงเรือนในที่ดินของผู้อื่นโดยสุจริต เจ้าของที่ดินเป็นเจ้าของโรงเรือน แต่ต้องใช้ค่าราคาแห่งที่ดินที่เพิ่มขึ้นเพราะมีการสร้างโรงเรือน แต่ในกรณีนี้เจ้าของที่ดินไม่ประสงค์ได้โรงเรือนซึ่งเป็นสถานีอนามัย ต้องการให้กระทรวงสาธารณะสุขรื้อถอนโรงเรือนดังกล่าว แม้กระทรวงสาธารณะสุขจะเป็นหน่วยงานทางปกครอง และการสร้างสถานีอนามัยดังกล่าวจะเป็นการบริการสาธารณะก็ตามแต่การสร้างสถานีอนามัยดังกล่าวก็ไม่ใช่การกระทำละเมิดในทางปกครอง แต่เป็นการโต้แย้งสิทธิ์ในทางแพ่ง ไม่เกี่ยวกับการออกคำสั่ง หรือการใช้อำนาจในทางปกครองแต่อย่างใด จึงอยู่ในอำนาจศาลที่มีอำนาจพิจารณาคดีทางแพ่ง ไม่อยู่ในอำนาจศาลปกครองที่จะรับไว้วินิจฉัย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น