จำเลยทั้งสามเป็นเจ้าพนักงานมีอำนาจสืบสวนสอบสวนจับกุมผู้กระทำผิด ทราบว่านาย ซ. ยิงนาย ช. ถึงแก่ความตาย แต่ไม่ทำการจับกุมเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมี่ชอบ ร่วมกันขนย้ายศพไปทิ้งเพื่อปิดบังการตาย และโกยเลือดไปทิ้งที่อื่น เป็นการกระทำเพื่อทำลายพยานหลักฐาน แม้จะเป็นการกระทำหลายอย่างแต่กระทำโดยมีเจตนาเดียวคือช่วยผู้กระทำผิดไม่ให้ต้องรับโทษ เป็นการกระทำต่อเนื่อง เป็นกรรมเดียวผิดกฏหมายหลายบท คำพิพากษาฏีกา ๑๒๐๒/๒๕๒๐
ข้อสังเกต ๑.จำเลยทั้งสามเป็นเจ้าพนักงานมีอำนาจสืบสวนสอบสวนจับกุมผู้กระทำผิด ทราบว่ามีการกระทำความผิดกฎหมายโดยมีการฆ่าคนตาย แต่จำเลยทั้งสามไม่ทำการจับกุม จึงเป็นกรณีเป็นเจ้าพนักงานกระทำการหรือไม่กระทำการในตำแหน่งหน้าที่โดยไม่ชอบเพื่อจะช่วยเหลือบุคคลหนึ่งบุคคลใดเพื่อไม่ให้ต้องรับโทษ ทั้งเป็นการ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบตาม ป.อ. มาตรา ๑๕๗ ,๒๐๐ การที่จำเลยทั้งสามเคลื่อนย้ายศพผู้ตายไปทิ้ง ย่อมเป็นการซ่อนเร็น ย้าย ศพเพื่อปิดบังการตายหรือเหตุแห่งการตายตาม ป.อ. มาตรา ๑๙๙ เลือดของผู้ตายนั้นย่อมเป็นพยานหลักฐานอันหนึ่งที่จะนำมาใช้เป็นพยานหลักฐานในการตรวจพิสูจน์ว่าเลือดของผู้ตายและเลือดที่เปื้อนที่อาวุธหรือเปื้อนที่เสื้อผู้ต้องสงสัยเป็นเลือดของคนหรือสัตว์ หากเป็นเลือดคนเป็นเลือดกรุ๊ปเดียวกับของผู้ตายหรือไม่ เลือดจึงอาจใช้เป็นพยานหลักฐานในการพิสูจน์ตัวผู้กระทำผิดได้ การที่จำเลยทั้งสามร่วมกันโกยเลือดไปทิ้งเพื่อจะช่วยไม่ให้นาย ซ. ต้องรับโทษ จึงเป็นการเอาไปเสีย ทำให้สูญหาย ทำให้ไร้ประโยชน์ ซึ่งพยานหลักฐานในการกระทำความผิด เพื่อช่วยผู้อื่นไม่ให้ต้องรับโทษ ตาม ป.อ. มาตรา ๑๘๔และยังเป็นการช่วยด้วยประการใดๆไม่ให้นาย ช.ผู้กระทำความผิดอาญาที่ไม่ใช่ความผิดลหุโทษไม่ต้องรับโทษ ไม่ต้องถูกจับกุมตาม ป.อ. มาตรา ๑๘๙ เมื่อเจตนาของจำเลยทั้งสามที่ไม่ยอมจับกุม เคลื่อนย้ายศพ โกยเลือดไปทิ้งมีเจตนาเดียวคือเพื่อไม่ให้นาย ช.ต้องรับโทษและได้กระทำต่อเนื่องกันไปจึงเป็นการกระทำกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบทต้องลงโทษตามบทหนักฐานเป็นเจ้าพนักงานละเว้นการปฏิบัติการตามหน้าที่ตาม ป.อ. มาตรา ๑๕๗
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น