๑.กำแพงตึกโจทก์ติดเขตที่ดินระหว่างโจทก์จำเลย ที่ว่างถัดกำแพงเป็นที่ดินจำเลย จำเลยวางของติดผนังตึก ไม่เป็นการใช้ผนังตึกโจทก์เป็นที่วางสิ่งของ โจทก์ไม่เสียหาย ไม่เป็นละเมิด ตึกโจทก์สูงกว่าจำเลย ๑ ชั้น จำเลยทำหลังคาติดผนังตึกโจทก์ โบกปูนเชื่อมหลังคาจำเลยกับผนังตึกโจทก์ เป็นการป้องกันความเสียหายจากน้ำฝนที่ไหลจากชายคาผนังตึกของโจทก์ ไม่เป็นการใช้สิทธิ์ที่มีแต่ความเสียหายแก่โจทก์ คำพิพากษาฏีกา ๑๘๔๓/๒๕๒๒
๒.โจทก์ติดตั้งป้ายโฆษณาสินค้าโจทก์บนดาดฟ้าตึกแถวที่โจทก์เช่าเพื่อประโยชน์ทางการค้าของโจทก์ จำเลยก็ย่อมมีสิทธิ์ติดตั้งป้ายโฆษณางานธุรกิจบนดาดฟ้าตึกแถวที่จำเลยเช่าเพื่อประโยชน์ในกิจการจำเลยได้เช่นกัน ไม่ต้องคำนึงว่าฝ่ายใดติดก่อน เมื่อไม่ปรากฏว่ากระทำเพื่อกลั่นแกล้งโจทก์ แม้ป้ายโฆษณาจำเลยจะอยู่ใกล้และบังป้ายโฆษณาของโจทก์ก็ไม่เป็นการละเมิดไม่ คำพิพากษาฏีกา ๑๙๙๒/๒๕๓๘
๓.โจทก์เป็นเจ้าของที่ดิน มีสิทธิ์ที่จะใช้สอยที่ดินของตนออกสู่ทะเลหลวงได้ตลอดแนว การที่โจทก์ก่อสร้างกำแพงส่วนใดและเว้นที่ดินส่วนใดให้เป็นทางออกสู่ทะเลหลวง ย่อมเป็นสิทธิ์ของโจทก์ บุคคลอื่นไม่มีสิทธิ์ที่จะรบกวนการใช้สิทธิ์ของโจทก์ แม้โจทก์มีอาชีพการประมงหรือไม่ก็ตาม เพราะโจทก์มีสิทธิ์ที่จะใช้ที่ดินบริเวณที่จำเลยปลูกสร้างบ้านออกสู่ทะเลหลวงได้ การที่โจทก์เลือกใช้สิทธ์ออกทะเลหลวงทางใดก็ได้ที่โจทก์เห็นว่าเป็นประโยชน์และเป็นความสะดวกแก่ตนเองมากที่สุด การที่จำเลยปลูกบ้านบังหน้าบ้านที่ดินโจทก์ ทำให้โจทก์ออกสู่ทะเลหลวงไม่ได้ โจทก์ได้รับความเสียหายโดยตรง แม้ที่ดินพิพาทจะเป็นที่ชายตลิ่ง จำเลยก็ไม่อาจใช้สิทธิ์อันก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ โจทก์ย่อมมีสิทธิ์ที่จะปฏิบัติการเพื่อยังความเสียหายให้เสร็จสิ้นไปโดยให้จำเลยรื้อถอนบ้านที่กีดขวางทางที่โจทก์เข้าออกสู่ทะเลหลวงได้ คำพิพากษาฏีกา ๓๘๗/๒๕๕๐
๔.วางท่อระบายน้ำโรงงานในที่ดินจำเลยผ่านเข้าไปในที่ดินโจทก์ โดยที่ดินจำเลยไม่ได้ติดต่อที่ดินโจทก์ จำเลยไม่มีสิทธิที่จะไปวางท่อระบายน้ำในที่ดินโจทก์ การที่โจทก์พูดด้วยวาจายอมให้จำเลยวางท่อระบายน้ำในที่ดินโจทก์ มีผลเพียงจำเลยไม่ต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเท่านั้น จำเลยไม่มีสิทธิ์ยกความยินยอมนั้นขึ้นผูกพันโจทก์ตลอดไป เมื่อโจทก์บอกเลิกคำอนุญาตและให้จำเลยขนย้ายท่อระบายน้ำออกไป จำเลยไม่ปฏิบัติตามก็เป็นการละเมิดล่วงแดนกรรมสิทธิ์ในที่ดินโจทก์ การที่โจทก์ขอให้จำเลยรื้อถอนออกไปนั้นจึงทำได้โดยชอบ ไม่ใช่เป็นการใช้สิทธิ์ที่มีแต่จะเกิดความเสียหายแก่บุคคลอื่น คำพิพากษาศาลฏีกา ๑๐๘๔/๒๕๐๗
๕.จำเลยสร้างสะพานลอยให้ประชาชนใช้ข้ามถนน มีแนวโครงเหล็กบนทางเท้าปิดกั้นช่วงทางบางตอนเพื่อไม่ให้คนข้ามถนนในแนวนั้น หันไปใช้สะพานลอยข้ามแทน เป็นการกระทำเพื่อสาธารณะประโยชน์ เป็นการป้องกันไม่ให้โจทก์ทำผิดกฎหมายโดยขี่รถยนต์บนทางเท้า แม้แนวโครงเหล็กจะปิดกั้นทางเข้าตึกของโจทก์ซึ่งเป็นอาคารพาณิชย์ โดยสภาพไม่เหมาะแก่การเก็บรถยนต์ทำให้โจทก์ต้องขาดความสะดวกไปบ้าง โจทก์ต้องยอมรับเอาดังเช่นบุคคลอื่นที่อยู่ร่วมกับโจทก์ในสังคมยอมรับเพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อยและความเจริฐของท้องถิ่น เมื่อไม่ปรากฏว่าความเสียหายหรือเดือดร้อนได้รับเกินกว่าปกติ การกระทำของจำเลยไม่เป็นการละเมิดโจทก์ ไม่เป็นการใช้สิทธิ์ที่มีแต่จะก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลอื่น คำพิพากษาฏีกา ๒๔๐/๒๕๒๘
๖.โจทก์จำเลยอยู่ตึกแถวเดียวกันใช้ท่อระบายน้ำเดียวกันเพื่อไหลลงสู่ท่อระบายน้ำสาธารณะ การที่จำเลยเอาแผ่นเหล็กเจาะรูเล็กๆปิดกั้นท่อระบายน้ำในแนวเขตห้องจำเลยกับห้องข้างเคียงทำให้ไม่สามารถระบายน้ำได้น้ำท่วมขังทรัพย์สินเสียหาย จำเลยต้องรับผิดใช้ค่าเสียหาย คำพิพากษาฏีกา ๓๗/๒๕๒๙
๗.ปล่อยกระแสไฟฟ้าที่ลวดหนามด้านในเสารั่วในเขตบ้านจำเลย โดยรั่วไม้ไผ่ด้านนอกผุชำรุด การที่โจทก์ที่อยู่บ้านติดบ้านจำเลยเอื้อมมือไปเก็บผ้าที่ปลิวไปถูกรั่วถูกไฟดูดได้รับบาดเจ็บ จำเลยต้องรับผิด คำพิพากษาฏีกา ๖๔๖/๒๕๑๓
ข้อสังเกต ๑.การใช้สิทธิ์ที่รังแต่จะก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลอื่น เป็นการอันไม่ชอบด้วยกฎหมาย ป.พ.พ. มาตรา ๔๒๑
๒.กำแพงตึกโจทก์ติดเขตที่ดินจำเลย ที่ว่างถัดกำแพงเป็นที่ดินจำเลย จำเลยวางของติดผนังตึก เป็นการวางสิ่งของในที่ดินจำเลยซึ่งจำเลยมีสิทธิ์ที่จะวางสิ่งของในส่วนไหนในที่ดินของตนเองก็ได้ ไม่เป็นการใช้ผนังตึกโจทก์เป็นที่วางสิ่งของ โจทก์ไม่เสียหาย ไม่เป็นละเมิด การที่ตึกโจทก์สูงกว่าจำเลย ๑ ชั้น จำเลยทำหลังคาติดผนังตึกโจทก์ โบกปูนเชื่อมหลังคาจำเลยกับผนังตึกโจทก์ เป็นการป้องกันความเสียหายจากน้ำฝนที่ไหลจากชายคาผนังตึกของโจทก์ ไม่ให้มาทำให้ทรัพย์สินจำเลยเสียหาย ไม่เป็นการใช้สิทธิ์ที่มีแต่ความเสียหายแก่โจทก์ แต่เป็นการกระทำการเพื่อปฏิบัติการเพื่อยังความเสียหายหรือเดือดร้อนให้สิ้นไปอันเนื่องจากโจทก์ใช้สิทธิ์ในการก่อสร้างอาคารสูงกว่าตึกจำเลย ๑ ชั้นเป็นเหตุให้จำเลยซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินข้างเคียงได้รับความเสียหายหรือเดือดร้อนเกินกว่าที่ควรคิดหรือคาดหมายได้ว่าจะเป็นไปตามปกติและเหตุอันควร เมื่อนำสภาพแห่งตึก ที่ตึกแห่งตึกมาคำนึงประกอบ จำเลยมีสิทธิ์ที่จะทำหลังคาติดผนังตึกโจทก์โดย โบกปูนเชื่อมหลังคาจำเลยกับผนังตึกโจทก์ อันเป็นการปฏิบัติการเพื่อยังความเสียหายเดือดร้อนให้สิ้นไปตาม ป.พ.พ. มาตรา ๑๓๓๗ การกระทำของจำเลยไม่เป็นละเมิด
๓.การที่โจทก์ติดตั้งป้ายโฆษณาสินค้าโจทก์บนดาดฟ้าตึกแถวที่โจทก์เช่าเพื่อประโยชน์ทางการค้าของโจทก์ จำเลยก็ย่อมมีสิทธิ์ติดตั้งป้ายโฆษณางานธุรกิจบนดาดฟ้าตึกแถวที่จำเลยเช่าเพื่อประโยชน์ในกิจการจำเลยได้เช่นกัน ไม่ต้องคำนึงว่าฝ่ายใดติดก่อน เพราะผู้เช่าย่อมมีสิทธิ์ใช้สอยตึกแถวที่เช่าทั้งภายในภายนอกและบนดาดฟ้าได้ ซึ่งการติดตั้งป้ายโฆษณาต่างก็กระทำเพื่อประโยชน์ในทางการค้าของตน เมื่อไม่ปรากฏว่ากระทำเพื่อกลั่นแกล้งโจทก์ แม้ป้ายโฆษณาจำเลยจะอยู่ใกล้และบังป้ายโฆษณาของโจทก์ก็ไม่เป็นการละเมิดไม่ เพราะการกระทำหรือการใช้สิทธิ์ของตนซึ่งมีแต่จะก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลอื่นอันเป็นการกระทำละเมิดนั้นต้องมีเจตนาจงใจหรือกลั่นแกล้งเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น
๔.เจ้าของที่ดินที่ติดทะเลหลวง มีสิทธิ์ที่จะใช้สอยที่ดินของตนออกสู่ทะเลหลวงได้ตลอดแนว แม้จะต้องผ่านที่ชายตลิ่งอันเป็นทรัพย์สินที่ประชาชนใช้ร่วมกันตาม ป.พ.พ. มาตรา ๑๓๐๔(๒) ก็ตาม การที่โจทก์ก่อสร้างกำแพงส่วนใดและเว้นที่ดินส่วนใดให้เป็นทางออกสู่ทะเลหลวง ย่อมเป็นสิทธิ์ของโจทก์ บุคคลอื่นไม่มีสิทธิ์ที่จะรบกวนการใช้สิทธิ์ของโจทก์ แม้โจทก์มีอาชีพการประมงหรือไม่ก็ตาม เพราะโจทก์มีสิทธิ์ที่จะใช้ที่ดินบริเวณที่จำเลยปลูกสร้างบ้านออกสู่ทะเลหลวงได้ไม่ว่าตนจะมีอาชีพทำการประมงหรือไม่ก็ตาม เป็นสิทธิ์ตามปกติที่เจ้าของที่ดินจะหาทางออกจากที่ดินเพื่อออกสู่ทางสาธารณะ การที่โจทก์เลือกใช้สิทธ์ออกทะเลหลวงทางใดก็ได้ที่โจทก์เห็นว่าเป็นประโยชน์และเป็นความสะดวกแก่ตนเองมากที่สุด การที่จำเลยปลูกสร้างบ้านบังหน้าบ้านที่ดินโจทก์ ทำให้โจทก์ออกสู่ทะเลหลวงไม่ได้ โจทก์ได้รับความเสียหายโดยตรง แม้ที่ดินพิพาทจะเป็นที่ชายตลิ่งที่ประชาชนทั่วไปมีสิทธิ์ใช้สอยร่วมกันก็ตาม แต่การใช้สอยต้องไม่เป็นการขัดขวางหรือทำให้ผู้อื่นได้รับความเดือดร้อนจากการใช้สอยของตน จำเลยจึงไม่อาจใช้สิทธิ์อันก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์โดยสร้างบ้านบังหน้าทางออกของโจทก์ โจทก์ย่อมมีสิทธิ์ที่จะปฏิบัติการเพื่อยังความเสียหายให้เสร็จสิ้นไปโดยให้จำเลยรื้อถอนบ้านที่กีดขวางทางที่โจทก์เข้าออกสู่ทะเลหลวงได้ตาม ป.พ.พ. มาตรา ๔๒๑,๑๓๓๗
๕. เมื่อเจ้าของที่ดินได้รับค่าทดแทนแล้วตามสมควร ต้องยอมให้ผู้อื่นวางท่อระบายน้ำผ่านที่ดินของตนเพื่อประโยชน์แก่ที่ดินที่ติดต่อ ซึ่งหากไม่ยอมก็จะไม่มีทางผ่านหรือวางได้หรือต้องใช้ค่าใช้จ่ายมากเกินสมควร ป.พ.พ. มาตรา ๑๓๕๒ การที่จำเลยวางท่อระบายน้ำโรงงานในที่ดินจำเลยผ่านเข้าไปในที่ดินโจทก์ โดยที่ดินจำเลยไม่ได้ติดต่อที่ดินโจทก์ จำเลยไม่มีสิทธิที่จะไปวางท่อระบายน้ำในที่ดินโจทก์ ไม่เข้าตามเงื่อนไขที่กฎหมายบัญญัติไว้ การที่โจทก์พูดด้วยวาจายอมให้จำเลยวางท่อระบายน้ำในที่ดินโจทก์ มีผลเพียงจำเลยไม่ต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเท่านั้น เพราะความยินยอมไม่เป็นละเมิดเมื่อไม่เป็นละเมิดไม่ได้ก่อให้เกิดความเสียหายก็จะเรียกค่าทดแทนไม่ได้ จำเลยไม่มีสิทธิ์ยกความยินยอมนั้นขึ้นผูกพันโจทก์ตลอดไป เพราะการตกลงด้วยวาจาโดยไม่ได้ทำเป็นหนังสือให้เกิดเป็นนิติกรรมก่อให้เกิดสิทธิ์เหนือพื้นดิน นั้นไม่ก่อให้เกิดสิทธิ์เหนือพื้นดินเป็นคุณประโยชน์แก่จำเลยที่จะให้จำเลยมีสิทธิ์ที่จะวางท่อระบายน้ำหรือสร้างสิ่งปลูกสร้างใต้ดินของโจทก์ได้ตาม ป.พ.พ. มาตรา ๑๔๑๐,๑๔๑๑ ดังนั้นเมื่อโจทก์บอกเลิกคำอนุญาตและให้จำเลยขนย้ายท่อระบายน้ำออกไป จำเลยไม่ปฏิบัติตามก็เป็นการละเมิดล่วงแดนกรรมสิทธิ์ในที่ดินโจทก์ การที่โจทก์ขอให้จำเลยรื้อถอนออกไปนั้นจึงทำได้โดยชอบ ไม่ใช่เป็นการใช้สิทธิ์ที่มีแต่จะเกิดความเสียหายแก่บุคคลอื่น เพราะเป็นการปฏิบัติการเพื่อยังความเสียหายให้สิ้นไปจากที่ดินของโจทก์ตาม ป.พ.พ. มาตรา ๑๓๓๗
๖.การที่จำเลยซึ่งเป็นหน่วยราชการสร้างสะพานลอยให้ประชาชนใช้ข้ามถนนและ มีแนวโครงเหล็กบนทางเท้าปิดกั้นช่วงทางบางตอนเพื่อไม่ให้คนข้ามถนนในแนวนั้น หันไปใช้สะพานลอยข้ามแทน เป็นการกระทำเพื่อสาธารณะประโยชน์ เป็นการป้องกันไม่ให้โจทก์ทำผิดกฎหมายโดยขี่รถยนต์บนทางเท้า เพราะตามพรบ.จราจรทางบกฯ มาตรา ๔๓(๗) ห้ามไม่ให้ผู้ใดขับขี่รถบนทางเท้าโดยไม่มีเหตุอันควร หากฝ่าฝืนมีความผิดและมีโทษตามกฎหมาย การที่โจทก์จะอาศัยทางเท้าเป็นทางขับรถเข้าออกบ้านของโจทก์เป็นประจำโดยอ้างว่าเป็นหนทางเดียวที่ตนจะเข้าบ้านได้นั้นไม่สามารถอ้างได้ เพราะตามสภาพของอาคารพาณิชย์ย่อมไม่เหมาะแก่การจอดรถอยู่แล้ว การที่โจทก์เลือกซื้ออาคารพาณิชย์ที่ติดถนนใหญ่โจทก์ต้องยอมรับในเรื่องดังกล่าวว่าเมื่อซื้อแล้วย่อมไม่สะดวกในการมีรถเพราะไม่อาจหาที่จอดรถได้ แม้บริเวณดังกล่าวจำเลยจะสร้างแนวโครงเหล็กจะปิดกั้นทางเข้าตึกของโจทก์ซึ่งเป็นอาคารพาณิชย์ ซึ่งโดยสภาพไม่เหมาะแก่การเก็บรถยนต์ทำให้โจทก์ต้องขาดความสะดวกไปบ้าง โจทก์ต้องยอมรับเอาดังเช่นบุคคลอื่นที่อยู่ร่วมกับโจทก์ในสังคมยอมรับเพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อยและความเจริญของท้องถิ่น จะอ้างว่าตนมีสิทธิ์ที่จะออกสู่ทางสาธารณะโดยออกทางใดก็ได้เทียบกับกรณีที่ปลูกบ้านบังทางออกทะเลหลวงตามข้อสังเกตที่ ๔ ไม่ได้ เพราะตามข้อสังเกตที่ ๔ ที่พิพาทที่ปลูกบ้านตั้งอยู่บนที่ชายตลิ่งซึ่งพลเมืองมีสิทธิ์ใช้ร่วมกันเป็นการปลูกบ้านในที่สาธารณะประโยชน์ที่พลเมืองใช้ร่วมกัน เป็นการปลูกบ้านบนที่สาธารณะเพื่อประโยชน์คนปลูกเท่านั้นที่ต้องถูกรื้อถอนไปอยู่แล้วเพราะปลูกในที่สาธารณะประโยชน์สำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน แต่ในกรณีนี้เป็นการสร้างสะพานลอยในที่ดินที่เป็นสาธารณะประโยชน์สำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันไม่ได้สร้างเพื่อประโยชน์ผู้หนึ่งผู้ใดโดยเฉพาะ เมื่อไม่ปรากฏว่าความเสียหายหรือเดือดร้อนได้รับเกินกว่าปกติ การกระทำของจำเลยไม่เป็นการละเมิดโจทก์ ไม่เป็นการใช้สิทธิ์ที่มีแต่จะก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์หรือบุคคลอื่น
๗.การที่อาศัยอยู่ตึกแถวเดียวกันใช้ท่อระบายน้ำเดียวกันเพื่อไหลลงสู่ท่อระบายน้ำสาธารณะ การที่เจ้าของห้องห้องหนึ่งเอาแผ่นเหล็กเจาะรูเล็กๆปิดกั้นท่อระบายน้ำในแนวเขตห้องของตนกับห้องข้างเคียงทำให้ไม่สามารถระบายน้ำได้น้ำท่วมขังทรัพย์สินเสียหาย ต้องรับผิดใช้ค่าเสียหาย เพราะการใช้สิทธิ์ของตนในการเอาแผ่นเหล็กเจาะรูเล็กๆเพื่อกันสิ่งสกปรกเข้ามาในท่อน้ำบริเวณห้องของตนเพื่อกันท่อน้ำอุดตัน แต่การกระทำการดังกล่าวทำให้น้ำโสโครกไม่สามารถระบายได้ตามปกติ การใช้สิทธิดังกล่าวจึงเป็นการใช้สิทธิ์ของตนที่รังแต่จะก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลอื่นตาม ป.พ.พ. มาตรา ๔๒๑ จึงต้องรับผิดในกรณีที่เป็นต้นเหตุให้น้ำท่วมขังในบริเวณห้องข้างเคียงและทรัพย์สินเขาเสียหาย
๘.ปกติแล้วเจ้าของที่ดินย่อมมีสิทธิ์ใช้สอยทำประโยชน์ทำกิจการใดๆในที่ดินของตนที่ไม่ขัดต่อกฏหมายที่บัญญัติห้ามไว้ย่อมสามารถกระทำได้ การที่เจ้าของที่ดินปล่อยกระแสไฟฟ้าที่ลวดหนามด้านในเสารั่วในเขตบ้านเพื่อกันขโมย แม้ลวดหนามดังกล่าวจะอยู่ภายในเขตรั่วบ้านไม่ได้อยู่ที่รั่วบ้านก็ตาม แต่ก็เป็นรั่วบ้านไม้ไผ่ซึ่งตามสภาพย่อมผุไปตามกาลเวลา ย่อมคาดหมายได้ว่าหากใครไปอยู่ใกล้บริเวณดังกล่าวอาจถูกกระแสไฟฟ้าดูดได้ การใช้สิทธิ์ติดลวดหนามดังกล่าวจึงเป็นการใช้สิทธิ์ของตนที่รังแต่จะก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลอื่น การที่รั่วไม้ไผ่ด้านนอกผุชำรุดแล้วเพื่อนบ้านที่อยู่ติดกันที่อยู่บ้านติดกันเอื้อมมือไปเก็บผ้าที่ปลิวไปถูกรั่วถูกไฟดูดได้รับบาดเจ็บ เจ้าของบ้านที่ติดรั่วไฟฟ้าต้องรับผิดในทางแพ่งฐานละเมิด และในทางอาญาก็จะอ้างว่าเป็นการป้องกันภยันตรายอันเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายโดยการติดกระแสไฟฟ้าไว้เพื่อกันคนเข้ามาลักทรัพย์ก็ไม่อาจอ้างได้ เพราะการกระทำดังกล่าวไมได้สัดส่วนระหว่างภยันตรายที่เกิดขึ้นกับวิธีการป้องกัน เพราะภยันตรายเกิดแก่ทรัพย์ที่คนร้ายจะมาลักทรัพย์ แต่การใช้กระแสไฟฟ้าทำร้ายหรือทำร้ายจนคนอื่นถึงแก่ความตายย่อมไม่ได้สัดส่วนกัน เทียบกันระหว่างทรัพย์สินและชีวิตแล้วไม่ได้สัดส่วนกัน หากจะอ้างว่าเป็นการป้องกันก็เป็นการป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ เกินกว่ากรณีแห่งการจำต้องป้องกัน หรือแม้จะมีคนร้ายอยู่หากคนร้ายไม่ได้ทำร้ายเจ้าทรัพย์ เจ้าทรัพย์ก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะฆ่าคนร้ายได้ และหากปรากฏว่าคนที่ถูกไฟดูดตายนั้นไม่ใช่คนร้ายที่จะมาลักทรัพย์แล้วย่อมไม่มีอำนาจที่จะป้องกัน เป็นความเห็นส่วนตัวครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น