มีคนร้ายจุดชนวนระเบิดทำให้พระสงฆ์ที่ออกบิณทบาตรพร้อมทหารได้รับบาดเจ็บ ต่อมามีเหตุระเบิดที่สวนยางพารา พันตำรวจตรี ฉ. ออกไปตรวจทีเกิดเหตุได้เข้าปิดล้อมโรงเรียนอิสลาม บ. ใกล้ที่เกิดเหตุ จับกุมผู้ต้องหาที่ ๑ ถึง ๗ ในบ้านพักพร้อมอาวุธปืนและอุปกรณ์การทำวัตถุระเบิดแสวงเครื่องและของกลางอื่นอีกหลายรายการ สอบถามเบื้องต้นรับว่าได้วางระเบิดพระสงฆ์และทหารชุดคุ้มครอง คดีไม่มีประจักษ์พยานและพยานแวดล้อมทีจะรับฟังได้ว่า ผู้ต้องหาที่๓,ที่ ๔ เป็นคนร้ายลอบวางระเบิด มีเพียงคำให้การผู้ต้องหาที่ ๑ ที่ ๒ซัดทอดว่า ผู้ต้องหาที่ ๓ ทำหน้าที่ประกอบวัตถุระเบิด ผู้ต้องหาที่ ๔ เป็นผู้มอบระเบิดให้ผู้ต้องหาที่ ๒ แม้ไม่ได้เป็นการให้การซัดทอดเพื่อให้ตนเองพ้นผิด และไม่ใช่พยานหลักฐานที่รับฟังไม่ได้เลย แต่ก็มีน้ำหนักน้อย ไม่มีพยานแวดล้อมอื่นประกอบจึงไม่อาจพิสูจน์ความผิดให้ศาลลงโทษได้ ชั้นสอบสวนผู้ต้องหาที่ ๓ ที่ ๔ ให้การปฏิเสธว่าไม่ได้ลอบวางระเบิดพระสงฆ์ แต่รับสารภาพข้อหาร่วมกันก่อการร้าย เป็นอังยี่ซ่องโจร เมื่อพ.ศ. ๒๕๔๗ นาย ด. ได้ร่วมให้เข้าร่วมปฏิวัติปัตตานีเพื่อแบ่งแยกดินแดน ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ จึงได้ร่วมขบวนการดังกล่าวด้วยความสมัครใจ ได้รับการฝึกร่างกาย ยุทธวิธีการต่อสู เข้าเป็นสมาชิกแนวร่วมขบวนการกู้ชาติรัฐปัตตานี นาย ด.ว่าจ้างให้ผู้ต้องหาที่ ๔ วางระเบิดและก่อความไม่สงบเรื่อยมา แต่ไม่ปรากฏว่าผู้ต้องหาที่ ๔ สนับสนุนหรือร่วมกับพวกวางระเบิดพระสงฆ์ในคดีนี้ คงรับฟังได้เพียงผู้ต้องหาที่ ๔ เป็นสมาชิกกองกำลังติดอาวุธเพื่อแบ่งแยกดินแดน๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ อันเป้นคณะบุคคลที่ปกปิดวิธีดำเนินการ และมีความมุ่งหมายเพื่อการอันมิชอบด้วยกฏหมาย สมคบกันตั้งแต่ ๕ คนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดและสมคบกันเพื่อการก่อการร้าย ชี้ขาดให้ฟ้องผู้ต้องหาที่๔ ฐานเป็นอังยี่ซ่องโจรและสมคบกันก่อการร้าย ชี้ขาดไม่ฟ้องผู้ต้องหาที่ ๓ ฐานร่วมกันก่อการร้ายเป็นอั้งยี่ ซ่องโจร ร่วมกันพยายามฆ่าเจ้าพนักงาน พยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ร่วมกันทำให้เกิดระเบิดน่าเป็นอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์ของผู้อื่น ร่วมกันทำ มี ใช้ วัตถุระเบิดโดยไม่ได้รับอนุญาต กับชี้ขาดไม่ฟ้องผู้ต้องหาที่ ๔ ฐานร่วมกันก่อการร้าย ร่วมกันพยายามฆ่าเจ้าพนักงาน และพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ร่วมกันทำให้เกิดระเบิดจนน่าเป็นอันตรายแก่บุคคลอื่นหรือทรัพย์สินของผู้อื่น ร่วมกันมีและใช้วัตถุระเบิดโดยไม่ได้รับอนุญาต ชี้ขาดความเห็นแย้ง ๓๗๓/๒๕๕๑
ข้อสังเกต ๑. ไม่มีประจักษ์พยานยืนยันการกระทำผิดของผู้ต้องหาที่ ๓,ที่ ๔ไม่มีพยานแวดล้อมที่จะรับฟังว่าผู้ต้องหาที๓ที่๔ได้ร่วมกระทำผิด
๒.คำให้การซัดทอดของผู้ต้องหาอื่น แม้ไม่ได้ทำให้ตนเองพ้นความรับผิด มิใช่ว่าจะรับฟังไม่ได้ เพียงแต่ว่ามีน้ำหนักน้อย เมื่อไม่มีพยานแวดล้อมอื่น จึงไม่อาจพิสูจน์ความผิดของผู้ต้องหาที่ ๓ ที่ ๔ให้ศาลเห็นได้
๓.คำรับชั้นจับกุมในการซักถามเบื้องต้นว่าผู้ต้องหาที่ ๑ ถึงที่ ๘ ลอบวางระเบิดนั้น คำให้การดังกล่าวเป็นพยานบอกเล่ามีน้ำหนักน้อย ทั้งเป็นการให้การก่อนมีการทำบันทึกการจับกุม หรือแม้จะมีการทำบันทึกการจับกุมแม้ผู้ต้องหารับสารภาพ ป.ว.อ. มาตรา ๘๔ วรรคท้ายก็ห้ามไม่ให้ศาลรับฟังข้อความรับสารภาพดังกล่าว ขนาดรับสารภาพในบันทึกการจับกุมกฏหมายยังห้ามไม่ให้รับฟัง แล้วนี้ยังไม่ได้ทำการจับกุมยังไม่มีการทำบันทึกการจับกุม การตอบคำถามเบื้องต้นยิ่งไม่มีน้ำหนักให้ศาลรับฟังเพื่อเอามาลงโทษผู้ต้องหาได้
๔.ผู้ต้องหาที่๓,ที่ ๔ให้การปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นคนวางระเบิด ผู้ต้องหาที่ ๔รับเพียงความผิดฐานอั่งยี่ซ่องโจรเท่านั้น ความผิดฐานพยายามฆ่าเจ้าพนักงาน พยามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ร่วมกันทำให้เกิดการระเบิดฯ ร่วมกันมีและใช้วัตถุระเบิด จึงไม่มีพยานหลักหลักฐานที่พนักงานอัยการจะสั่งฟ้องต้องหาที่ ๓ ที่ ๔ได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น