ผู้เสียหายทำธุรกิจกับโดยให้ผู้ต้องหาที่ ๑ เป็นผู้ซื้อและขายกุ้งที่แพ ช. ซึ่งเป็นสถานที่เกิดเหตุ การซื้อขายกุ้งผู้ต้องหาที่ ๑เป็นผู้กำหนดราคาซื้อขาย เงินที่ใช้ในการหมุนเวียนในการซื้อขายกุ้งนั้น ผู้เสียหายโอนเงินให้ผู้ต้องหาที่ ๑ โดยการโอนเงินเข้าบัญชีผู้ต้องหาที่ ๑ ร้อยละ ๙๘.๕ ของยอดเงินที่มีลูกค้าเข้ามาสั่งซื้อกุ้งในแต่ละคราวตามที่ได้รับแจ้งจากผู้ต้องหาที่ ๑ เพื่อให้ผู้ต้องหาที่ ๑ใช้เงินดังกล่าวไปซื้อกุ้งจากผู้ที่นำกุ้งมาขาย เพื่อส่งมอบให้แก่ลูกค้าผู้สั่งซื้อ แล้วเก็บเงินลูกค้าส่งคืนให้ผู้เสียหาย เต็มจำนวน โดยผู้ต้องหาที่๑ ได้รับประโยชน์จากส่วนต่างของราคากุ้งที่ผู้ต้องหาที่ ๑ เป็นผู้กำหนดราคาซื้อและราคาขาย ผู้ต้องหาที่ ๒ เป็นลูกจ้างผู้ต้องหาที่ ๑ ผู้ต้องหาที่ ๑ ที่ ๒ ร่วมกันหลอกผู้เสียหายด้วยการแสดงข้อความเท็จว่า ลูกค้าเข้ามาสั่งซื้อกุ้งจำนวน ๑๖๑,๓๗๓ บาท เพื่อให้บริษัทผู้เสียหายโอนเงินให้ จนผู้เสียหายหลงเชื่อหักหนี้ที่ผู้ต้องหาที่ ๑ค้างชำระแก่ผู้เสียหายเท่าจำนวนเงินที่ต้องโอนเงินให้ผู้ต้องหาที่ ๑ ผู้ัต้องหาทั้งสองมีเจตนาทุจริตแต่แรกที่จะหลอกลวงผู้เสียหานเพื่อให้ได้เงินจำนวน ๑๖๑,๓๗๓ บาทจากผู้เสียหาย ไม่มีเจตนาทำธุรกิจตามปกติกับผู้เสียหาย การที่ผู้เสียหายหลงเชื่อยอมหักหนี้ที่ผู้ต้องหาต้องชำระแก่ผู้เสียหาย ทำให้หนี้ดังกล่าวหมดไป ผู้ต้องหาที่ ๑ ไม่ต้องชดใช้หนี้หรือชำระหนี้ให้ผู้เสียหาย ถือได้ว่า ผู้ต้องหาที่ ๑ ได้ไปซึ่งเงินจำนวน ๑๖๑,๗๗๓ บาท จากผู้เสียหายอันเป็นความผิดฐานฉ้อโกงโดยมีผู้ต้องหาที่ ๒ ร่วมกระทำผิดด้วย ชี้ขาดให้ฟ้องผู้ต้องหาที่ ๑ ที่ ๒ ฐานร่วมกันฉ้อโกง หลังเกิดเหตุผู้ต้องหาคืนเงินให้ผู้เสียหาย๙,๗๐๓ บาท จึงให้ผู้ต้องหาทั้งสองร่วมกันคืนหรือใช้เงิน ๑๕๒,๐๗๐ บาท แก่ผู้เสียหาย ชี้ขาดความเห็นแย้ง ๓๔๘/๒๕๕๑
ข้อสังเกต ๑.ผู้เสียหายและผู้ต้องหาทำธุรกิจซื้อขายกุ้ง โดยผู้ต้องหาได้รับประโยชน์จากส่วนต่างราคากุ้งที่ผู้ต้องหาที่ ๑ เป็นผู้กำหนดราคาซื้อขาย โดยในการซื้อขายผู้เสียหายจะโอนเงินในการซื้อกุ้งให้ผู้ต้องหาที่ ๑ เพียงร้อยละ ๙๘.๕ เท่านั้น เมื่อเก็บเงินจากผู้ซื้อกุ้งได้แล้วต้องโอนให้ผู้เสียหาย การที่ผู้ต้องหาทั้งสองหลอกว่าจะมีผู้มาซื้อกุ้งในราคา ๑๖๑,๓๗๓ บาท เท่าจำนวนที่ผู้ต้องหาที่ ๑ เป็นหนี้ผู้เสียหาย จนผู้เสียหายหลงเชื่อยอมหักหนี้ให้ผู้ต้องหาที่ ๑ ถือว่าผู้ต้องหาที่ ๑ ได้ไปซึ่งเงินของผู้เสียหาย แม้จะไม่มีการโอนเงินให้ก็ตาม แต่การหักกลบลบหนี้ ผู้ต้องหาที่ ๑ ได้ไปซึ่งผลประโยชน์ที่ตนไม่ต้องชำระหนี้ ถือว่าได้ไปซึ่งเงินสดของผู้เสียหาย การกระทำของผู้ต้องหาทั้งสองจึงเป็นความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกง
๒.ผู้เสียหายและผู้ต้องหาที่ ๑มีความผูกพันธ์ซึ่งกันและกันในหนี้เงินอันมีวัตถุประสงค์อย่างเดียวกันคือใช้ชำระหนี้ ผู้ต้องหาที่ ๑ เป็นหนี้ผู้เสียหายและหนี้ที่ผู้เสียหายมีต่อผู้ต้องหาที่ ๑ คือ การโอนเงินให้ผู้ต้องหาที่ ๑ เพื่อนำไปซื้อกุ้งมาขาย หนี้ทั้งสองต่างถึงกำหนดเวลาชำระหนี้แล้ว ผู้ต้องหาที่ ๑ สามารถหลุดพ้นจากหนี้ของตนด้วยการหักกลบลบหนี้ได้เท่าจำนวนที่ตรงกันในมูลหนี้ทั้งสองฝ่าย
๓.หักกลบลบหนี้เท่าใดถือได้ไปซึ่งเงินผู้เสียหายจำนวนเท่านั้น แม้จะไม่ได้ไปด้วยตัวเงินจริงๆก็ตาม
๔.ชี้ขาดความเห็นแย้งหลายเรื่องที่เอามาลงเป็นความผิดฐานฉ้อโกงเป็นส่วนมาก ดังนั้นคุณคิดว่าเรื่องใดน่าเอามาออกเป็นข้อสอบ อาจจะออกหรือไม่ออกสอบก็ได้ แต่แนวโน้มมีค่อนข้างมาก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น