ค้นหาบล็อกนี้

วันเสาร์ที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2559

“สินสมรส”

๑.ส่วนควบของสินสมรสเป็นสินสมรส ที่ดินเป็นสินสมรสเมื่อมีการปลูกบ้านบนที่ดินบ้านเป็นส่วนควบที่ดินจึงเป็นสินสมรส คำพิพากษาฏีกา ๒๙๓/๒๕๒๐
ข้อสังเกต ใครเป็นเจ้าของทรัพย์ประธานย่อมเป็นเจ้าของและมีกรรมสิทธิ์ในส่วนควบนั้นด้วย เมื่อที่ดินพิพาทเป็นสินสมรส เมื่อมีการปลูกบ้านในที่ดิน บ้านว่าโดยสภาพแห่งทรัพย์หรือโดยจารีตประเพณีแห่งท้องถิ่นเป็นสาระสำคัญในความเป็นอยู่ของบ้าน ไม่อาจแยกจากกันได้นอกจากทำลาย ทำให้บุบสล่ายหรือทำให้ทรัพย์เปลี่ยนแปลงรูปทรง บ้านจึงเป็นส่วนควบของที่ดินตาม ป.พ.พ. มาตรา ๑๔๔ ใครเป็นเจ้าของทรัพย์ประธานย่อมเป็นเจ้าของส่วนควบนั้นด้วยตาม ป.พ.พ. มาตรา ๑๔๔ เมื่อที่ดินเป็นสินสมรส และบ้านได้มาระหว่างสมรสบ้านจึงเป็นสินสมรส ป.พ.พ. มาตรา ๑๔๗๔(๑)
๒.พ่อแม่สุกรได้มาระหว่างสมรสเป็นสินสมรส ลูกสุกรและเงินที่ได้จากการขายลูกสุกรเป็นสินสมรส คำพิพากษาฏีกา ๓๗๐/๒๕๐๖
ข้อสังเกต ๑.ดอกผลของสินสมรสเป็นสินสมรส ตาม ป.พ.พ. มาตรา ๑๔๗๔(๓)
๒.ลูกสุกรเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติของแม่สุกรซึ่งเป็นตัวทรัพย์ โดยได้มาจากแม่สุกรซึ่งเป็นตัวทรัพย์ โดยการมีและใช้ทรัพย์นั้นตามปกติ และสามารถถือเอาลุกสุกรได้เมื่อลูกสุกรตกหรือขาดจากตัวแม่สุกรซึ่งเป็นแม่ทรัพย์ ลูกสุกรจึงเป็นดอกผลธรรมดาตาม ป.พ.พ. มาตรา ๑๔๘ วรรค ๒ เมื่อได้มาระหว่างสมรสโดยแม่สุกรเป็นสินสมรส ลูกสุกรจึงเป็นสินสมรสตาม ป.พ.พ. มาตรา ๑๔๗๔(๑)(๓)
๓.ส่วนเงินที่ได้จากการขายลูกสุกร เป็นประโยชน์ที่ได้เป็นครั้งคราวแก่เจ้าของแม่สุกรซึ่งเป็นตัวทรัพย์จากผู้ที่ซื้อลุกสุกรไปเพื่อการที่จะได้ใช้ลูกสุกรที่เป็นตัวทรัพย์ โดยสามารถคำนวณและถือเอาได้ จึงเป็นดอกผลนิตินัยตาม ป.พ.พ. มาตรา ๑๔๘ วรรคสาม เมื่อได้มาระหว่างสมรสและเป็นดอกผลของสินสมรสจึงเป็นสินสมรสตาม ป.พ.พ. มาตรา ๑๔๗๔(๑)(๓)
๓ ภริยาทำสัญญาจะซื้อที่ดิน ชำระราคาแล้วบางส่วน เมื่อหย่ากัน สิทธิ์ตามสัญญาเป็นสินสมรสต้องแบ่งกัน คำพิพากษาฏีกา ๑๔๗๖/๒๕๑๘
๔.สามีทำสัญญาเช่าซื้อรถยนต์ขณะยังเป็นสามีภรรยากันอยู่ สิทธิ์ตามสัญญาเป็นสิทธิ์ที่ได้มาระหว่างสมรส ภริยาจึงมีส่วนเป็นเจ้าของร่วม มีสิทธิ์ใช้สรอยรถที่เช่าซื้อและมีหน้าที่ดูแลรักษา คำพิพากษาฏีกา ๑๐๕๒/๒๕๒๒
ข้อสังเกต ๑..สิทธิ์ตามสัญญาจะซื้อจะขายเป็นสิทธิ์เรียกร้องที่ได้มาระหว่างสมรสเป็นสินสมรส เพราะสิทธิเรียกร้องเป็นสิทธิ์ในทางทรัพย์สิน เมื่อได้มาระหว่างสมรสจึงเป็นสินสมรส ตาม ป.พ.พ. มาตรา ๑๔๗๔(๑)
๒.สิทธิ์ตามสัญญาเช่าซื้อรถขณะเป็นสามีภรรยา เป็นสิทธิ์ในทางทรัพย์สิน ได้มาระหว่างสมรส จึงเป็นสินสมรส
๕.เงินบำนาญที่ได้มาระหว่างสมรสเป็นสินสมรส คำพิพากษาฏีกา ๑๒๒๓/๒๔๘๗
๖.สามีทิ้งภริยาไปบวช ทรัพย์สินที่ได้มาระหว่างอุปสมบทเป็นสินสมรส คำพิพากษาฏีกา ๑๓๕/๒๔๙๘
ข้อสังเกต การที่สามีไปบวชไม่ทำให้การสมรสสิ้นสุดเพราะไม่ใช่การหย่า การตาย หรือศาลมีคำพิพากษาให้เพิกถอนการสมรสตาม ป.พ.พ. มาตรา ๑๕๐๑ดังนั้นทรัพย์สินที่ได้มาระหว่างบวช ในขณะที่การสมรสยังไม่สิ้นสุดย่อมเป็นสินสมรสด้วย ซึ่งมีปัญหาน่าคิดว่า หากสามีที่บวชเป็นพระมรณภาพทรัพย์สินจะตกแก่ใคร ซึ่งตาม ป.พ.พ. มาตรา ๑๖๒๓ บัญญัติว่าทรัพย์ของพระภิกษุที่ได้มาระหว่างอยู่ในสมณเพศให้ตกเป็นสมบัติของวัดที่เป็นภูมิลำเนาของพระภิกษุ เว้นแต่จะได้จำหน่ายไปในระหว่างมีชีวิตหรือโดยพินัยกรรม ซึ่งทรัพย์ที่ได้มาระหว่างสมณะเพศไม่ได้มีเฉพาะที่พระภิกษุได้มาเท่านั้น แต่ยังรวมถึงทรัพย์สินที่ภรรยาหามาได้ด้วยซึ่งเป็นสินสมรสย่อมตกแก่ฝ่ายชายด้วยแม้จะบวชเป็นพระภิกษุเป็นทรัพย์สินที่ได้มาระหว่างอยู่ในสมณเพศ เมื่อพระภิกษุถึงแก่มรณภาพให้ตกเป็นสมบัติของวัดที่เป็นภูมิลำเนาของพระภิกษุ เว้นแต่จะได้จำหน่ายไปในระหว่างมีชีวิตหรือโดยพินัยกรรม ดังนั้นทรัพย์ที่ได้มาขณะอยู่ในสมณเพศ ไม่ว่าพระภิกษุได้มาหรือฝ่ายภรรยาได้มาถือเป็นสินสมรสหากพระไม่ได้มรณภาพ ทรัพย์ดังกล่าวเมื่อเป็นสินสมรสก็ต้องแบ่งกันคนละครึ่ง แต่หากว่าพระมรณภาพ ไม่ว่าทรัพย์สินนั้นพระหามาได้หรือภรรยาหามาได้จะเป็นสินสมรสหรือตกเป็นสมบัติของวัดหากว่าพระภิกษุถึงแก่ความตายหรือไม่ ลองไปฝึกคิดดูครับ
๗.ในกรณีที่สามีมีภรรยาสองคนตามกฎหมายเก่าโดยสามีจัดหาบ้านให้ภรรยาแต่ละคนไม่เกี่ยวข้องกัน บุตรที่เกิดจากภรรยาคนไหนก็อยู่กับภรรยาคนนั้น ภรรยาทั้งสองต่างตั้งร้านค้าเป็นสัดส่วน การทำมาหาได้ของภรรยาแต่ละคนก็ตกเป็นส่วนของภรรยานั้น ทรัพย์สินไม่ได้ปะปนระคนกับภรรยาคนแรก การที่ภรรยาคนแรกได้ที่ดินเป็นสินสมรส ที่ดินดังกล่าวเป็นสินสมรสระหว่างสามีกับภรรยาคนแรก ภรรยาคนหลังหามีส่วนด้วยไม่ คำพิพากษาฏีกา ๑๓๔/๒๕๑๓
ข้อสังเกต ในสมัยก่อนชายสามารถมีภรรยาได้หลายคน เมื่อให้ภรรยาแต่ละคนแยกกันอยู่เป็นสัดส่วนแยกกันอยู่คนละที แม้ร้านที่ทำมาหากินก็แยกต่างหากจากกัน ลูกเกิดกับภรรยาคนใดก็อยู่กับภรรยาคนนั้น เห็นได้ว่าทรัพย์สินไม่ได้ปะปนกัน เมื่อทรัพย์ใดที่ภรรยาคนใดหามาได้ระหว่างสมรส ทรัพย์นั้นเป็นสินสมรสระหว่างภรรยาคนนนั้นกับสามี ไม่ใช่สินสมรสของภรรยาอีกคนกับสามีแต่อย่างใดไม่
๘.ค้าขายได้เงินมาระหว่างสมรสเป็นสินสมรส แม้จะให้คนอื่นขายและมีบัญชีเงินฝากธนาคารในนามตัวเองก็ตาม เมื่อทำในฐานะบุตรบุญธรรม จำเลย แต่อยู่ในความควบคุมของโจทก์ การที่บุตรบุญธรมซื้อรถยนต์มาใช้ในกิจการค้าขายโดยเอาเงินที่ได้จากการขายน้ำมันซึ่งเป็นกิจการของโจทก์จำเลยไปซื้อ รถดังกล่าวจึงเป็นสินสมรส หาใช่ทรัพย์สินของบุตรบุญธรรมไม่ คำพิพากษาฏีกา ๑๖๓๖/๒๕๒๕
ข้อสังเกต ๑.เงินที่ได้จากการค้าขาย ไม่ว่าใครค้าขาย เมื่อได้มาระหว่างสมรสเป็นสินสมรส
๒. นำเงินที่ได้จากสินสมรสมาซื้อทรัพย์สิน ทรัพย์สินนั้นเป็นสินสมรส หาใช่เป็นทรัพย์ส่วนตัวของผู้นำเงินไปผซื่อแต่อย่างใดไม่
๙. ที่ดินมีโฉนดซื้อระหว่างสมรสใส่ชื่อมารดาเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ ในระหว่างที่ยังไม่หย่าจากกัน เป็นสินสมรส คำพิพากษาฏีกา ๓๖๑๐/๒๕๒๖
ข้อสังเกต พยายามเลี่ยงกฎหมายด้วยการซื้อที่ดินแล้วใส่ชื่อมารดาเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ เมื่อได้มาระหว่างสมรสเป็นสินสมรส โดยไม่คำนึงจะใส่ชื่อภรรยา หรือชื่อสามีคนใดคนหนึ่งหรือทั้งสองคนหรือใส่ชื่อบุคคลภายนอกเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ก็ถือว่าเป็นสินสมรส
๑๐.ของขวัญที่มอบให้เนื่องในวันสมรส คนให้ย่อมมีเจตนาให้คู่สมรสใช้สรอยร่วมกัน หากไม่ปรากฏว่าผู้ให้รายใดมีเจตนาพิเศษว่ามอบให้แก่ฝ่ายใดแล้ว แม้จะมอบให้ก่อนวันแต่งงาน ๑ วัน ถือเป็นทรัพย์สินที่ได้มาระหว่างสมรส เป็นสินสมรส คำพิพากษาฏีกา ๒๒๕๙/๒๕๒๙
ข้อสังเกต ๑.มอบให้ก่อนวันแต่งงาน ๑ วัน
๒.ไม่ปรากฏว่ามีเจตนาพิเศษว่ามอบให้ฝ่ายใดโดยเฉพาะ
๓.มอบให้เนื่องในวันสมรส ถือมีเจตนาให้คู่สมรสใช้สรอยร่วมกัน
๔. ในความเห็นส่วนตัวเห็นว่า คู่สมรสบางรายจดทะเบียนสมรสก่อนวันแต่งงาน ดังนั้นทรัพย์ที่ได้หลังจดทะเบียนเป็นสินสมรสแม้ว่าจะให้ก่อนวันแต่งงาน ๑ วันแต่ก็เป็นการให้หลังจดทะเบียนสมรส แต่หากยังไม่มีการจดทะเบียนสมรส แต่มาจดทะเบียนหลังวันแต่งงานดังนั้นทรัพย์ที่ได้ก่อนวันแต่งงาน ๑ วัน ไม่น่าจะเป็นสินสมรสเพราะยังไม่ได้มีการจดทะเบียนสมรส แต่น่าถือว่าเป็นกรรมสิทธิ์ร่วมที่ผู้ให้มีเจตนามอบให้เป็นกรรมสิทธิ์ร่วมเพื่อให้ใช้สรอยร่วมกัน
๑๑.กำหนดวันแต่งงานแล้ว ให้ฝ่ายหญิงจัดซื้อเครื่องเรือน ของใช้สรอยภายในครอบครัวเตรียมไว้ให้ใช้สรอยเมื่ออยู่กินกัน เมื่อได้ทำการสมรสกันแล้วถือเป็นทรัพย์สินได้มาเมื่อมีการสมรส แม้ได้จัดซื้อไว้ก่อนสมรส ก็ไม่ใช่ทรัพย์ที่หญิงมีก่อนสมรส แต่เป้นิสินสมรสที่ต้องแบ่งกัน คำพิพากษาฏีกา ๑๕๗๖-๑๕๗๗/๒๕๑๔
ข้อสังเกต ๑.เป็นการตัดสินตามกฎหมายเก่า ต่อมาได้มีการแก้ไข ป.พ.พ. ใหม่ในพ.ศ. ๒๕๑๙
๒.หลัง พ.ศ. ๒๕๑๙ การจัดเตรียมทรัพย์สินไว้ใช้สรอยร่วมกัน แม้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะเป็นการจัดหาก็ตาม แต่ก็เป็นการจัดหาเพื่อให้ใช้สรอยร่วมกัน เมื่อยังไม่มีการจดทะเบียนสมรสไม่น่าถือว่าเป็นสินสมรส แต่ถือว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาเนื่องจากการสมรสโดยผู้จัดหามีเจตนาที่จะให้ใช้สรอยร่วมกัน เป็นกรรมสิทธิ์ร่วม เมื่อเลิกกันต้องแบ่งกันคนละครึ้งตามหลักกรรมสิทธิ์ร่วม ไม่ใช่ตามหลักสินสมรส เป้นความเห็นส่วนตัวครับ
๑๒. แยกกันอยู่โดยไม่จดทะเบียนหย่า เงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เงินชดเชย เงินค่าตอบแทนพิเศษเนื่องจากการลาออก เงินค่าหุ้นสมาชิกสหกรณ์ออมทรัพย์ เงินโบนัส เมื่อได้มาระหว่างสมรสเป็นสินสมรส คำพิพากษาฏีกา ๓๓๙๒/๒๕๔๘
ข้อสังเกต เมื่อยังไม่จดทะเบียนหย่า แม้แยกกันอยู่ไม่เกี่ยวข้องกัน ทรัพย์ที่ฝ่ายใดได้มาตราบที่ยังไม่มีการหย่าย่อมเป็นสินสมรส
๑๓.ถูกปลดจากงาน ได้รับเงินค่าชดเชย และเงินผลประโยชน์อื่นๆที่นายจ้างให้ตามกฎหมาย เกิดขึ้นโดยผลกฏหมายไม่ได้เป็นการให้โดยเสน่หา เป็นสินสมรส คำพิพากษาฏีกา ๙๓/๒๕๓๓
ข้อสังเกต เงินที่ได้โดยผลกฎหมาย ไม่ได้เกิดจากการให้โดยเสน่หา เมื่อได้ระหว่างสมรส เป็นสินสมรส
๑๔.จำเลยซื้อที่ดินจากกองทัพอากาศ ให้กองทัพอากาศหักเงินเดือนเพื่อผ่อนชำระจนครบ โอนกรรมสิทธิ์ให้จำเลย เมื่อได้มาระหว่างสมรส เป็นสินสมรส คำพิพากษาฏีกา ๑๒๒๘/๒๕๓๓
ข้อสังเกต คู่สมรสฝ่ายใดซื้อที่ดินเงินผ่อนและเป็นฝ่ายจ่ายเงินลำพังเพียงคนเดียว แต่เมื่อโอนกรรมสิทธิ์ในระหว่างสมรส ที่ดินดังกล่าวเป็นสินสมรส
๑๕.บิดายกที่ดินและบ้านให้ก่อนสมรสเป็นสินส่วนตัว แม้คู่สมรสอีกฝ่ายจะครอบครองก็ไม่อาจถือได้ว่าจำเลยเปลี่ยนเจตนาหรือลักษณะแห่งการครอบครองเป็นการยึดถือเพื่อตนอันจะก่อให้เกิดสิทธิ์ในทรัพย์พิพาท คำพิพากษาฏีกา ๕๗๓๖/๒๕๓๔
ข้อสังเกต ทรัพย์ที่ได้มาก่อนจดทะเบียนสมรสเป็นสินส่วนตัว การที่คู่สมรสอีกฝ่ายเข้าครอบครองจะถือว่าเปลี่ยนเจตนาครอบครองเพื่อตนเพื่อให้เกิดสิทธิ์ในทรัพย์พิพาทแต่อย่างใดไม่ นั้นก็คือจะถือว่าคู่สมรสอีกฝ่ายแย่งการครอบครองโดยการครอบครองปรปักษ์ในสินส่วนตัวของคู่สมรสอีกฝ่ายไม่ได้ เป็นเพียงอาศัยอยู่ในทรัพย์สินของคู่สมรสเท่านั้น แต่ไม่ใช่การแย่งการครอบครองโดยเปลี่ยนเจตนาเป็นการครอบครองโดยสงบเปิดเผยเจตนาเป็นเจ้าของแต่อย่างใดไม่ ไม่ก่อให้เกิดสิทธิ์ครอบครองปรปักษ์ในสินส่วนตัวของคู่สมรสอีกฝ่ายไม่

ไม่มีความคิดเห็น: