ค้นหาบล็อกนี้

วันพุธที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2559

“เจตนาฆ่า”

๑.ใช้มีดยาว ๓ นิ้วฟุตแทงที่หน้าท้องบาดแผลยาว ๕ เซนติเมตร กว้าง ๑ เซนติเมตร ทะลุถึงตับเป็นแผลฉกรรจ์ ผู้ตายถึงแก่ความตายทันที ถือมีเจตนาฆ่า คำพิพากษาฏีกา ๑๑๘/๒๕๑๕
๒.ไม้โตเท่าข้อมือยาว ๑ แขน ตีที่ขากรรไกร คอ โหนกแก้ม จมูกฉีก สมองกระทบกระเทือนอย่างร้ายแรง ขากรรไกรล่างหักและขาดออกจากกัน ผู้เสียบหายสลบไป ๔ ชั่วโมง ถ้ารักษาช้าไปอาจถึงแก่ความตายได้ ถือมีเจตนาฆ่า คำพิพากษาฏีกา ๑๘๑/๒๕๑๕
๓.มีดยาวรวมด้ามยาวคืบเศษแทงใต้รักแร้ซึ่งเป็นอวัยวะสำคัญ แม้แทงเพียงทีเดียว ผู้ตายถึงแก่ความตาย ถือมีเจตนาฆ่า คำพิพากษาฏีกา ๖๓๑/๒๕๑๕
๔.มีดยาว ๖ นิ้ว แทงที่หน้าอกแผลลึก ๕ นิ้วตัดหัวใจแสดงแทงโดยแรง ถือมีเจตนาฆ่า คำพิพากษาฏีกา ๑๒๒๕/๒๕๑๕
๕.มีดพับที่ตัวมีดยาว ๖ นิ้ว แทงที่หน้าอก แผลลึก ๕ นิ้วตัดหัวใจ แสดงตั้งใจแทงดดยแรง มีเจตนาฆ่า คำพิพากษาฏีกา ๑๒๒๕/๒๕๑๕
๖.มีดยาวรวมด้าม ๑ ฟุตแทงทะลุเข้าช่องซี่โครงด้านหลังเข้าช่องอกเฉี่ยวกระบังลมฉีกขาดทะลุเข้าเส้นเลือดแดงใหญ่เลือดตกในมาก แม้แทงทีเดียวแต่ก็ถูกอวัยวะสำคัญ และผู้ตายก็ล้มลงถึงแก่ความตายตรงนั้น ที่เกิดเหตุมีแสงสว่างสามารถเลือกแทงได้ และแทงขณะผู้ตายไม่รู้ตัวและถูกเตะเซมา ถือมีเจตนาฆ่า คำพิพากษาฏีกา ๑๕๐๙/๒๕๑๕
๗.กอดปล้ำทำร้ายกัน ผู้ตายหยิบมีดยาว ๑ แขนฟันจำเลยที่แขนและศีรษะ จำเลยแย่งมีดแล้วฟันผู้ตาย ๓ ครั้งจนมีดดาบหักจากด้าม ซี่โครงหัก แสดงฟันโดยแรงด้วยความโกรธมุ่งประหัตประหาร มีเจตนาฆ่า คำพิพากษาฏีกา ๒๕๔๗/๒๕๑๕
๘.ตัวมีดยาว ๓๖ เซนติเมตร ด้ามยาว ๑๙ เซนติเมตร ปลายมีดเป็นรูปหัวตัดกว้าง ๘ เซนติเมตรใช้สองมือจับด้ามมีดเหวี่ยงฟันถูกที่ศีรษะมีแผลที่ศรีษะขวาเหนือหูยาว ๗ เซ็นติเมตร ลึกจดกะโหลกศีรษะเย็บ ๘ เข็ม และแผลข้างใบหูยาว ๖ เซนติเมตร เย็บ ๗ เข็ม ใบหูขาดยาว ๔ เซ็นติเมตรเย็บ ๘ เข็ม ถือมีเจตนาฆ่า คำพิพากษาฏีกา ๒๕๒๘/๒๕๑๕
๙.ใช้ใบมีดกว้างหนึ่งเซนติเมตรครึ่งยาวแปดเซนติเมตรขึ้นรวมทั้งด้ามยาว ๑ คืบ แทงที่ท้องซึ่งเป็นอวัยวะสำคัญจนตับฉีก พร้อมพูดว่า “ลุงฆ่าเสียเถิด” แพทย์ยืนยันบาดแผลนี้หากรักษาไม่ทันท่วงทีจะมีเลือดออก ทำให้ช่องท้องอักเสบ อาจถึงแก่ความตายได้ ถือมีเจตนาฆ่า คำพิพากษาฏีกา ๖๑๖/๒๕๑๖
๑๐.ใช้มีดโกนชกปาดที่คอแผลยาว ๑๐ เซนติเมตร ถือมีเจตนาฆ่า คำพิพากษาฏีกา ๘๑๖/๒๕๒๐
๑๑.ตีด้วยด้ามจอบโตกลม ๓ เซนติเมตรโดยแรง ๑ ทีที่ท้ายทอย กะโหลกศีรษะแตกเป็นชิ้นเล็กๆ เลือดตกใน ตายระหว่างนำส่งโรงพยาบาล ย่อมเล็งเห็นผลได้ว่าอาจทำให้ถึงแก่ความตายได้ มีเจตนาฆ่า คำพิพากษาฏีกา ๑๒๐๔/๒๕๒๐
ข้อสังเกต ๑. การที่จะดูว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าหรือมีเพียงเจตนาทำร้ายต้องดูพฤติการณ์ของจำเลยเป็นสำคัญว่าทำร้ายผู้เสียหายกี่ครั้ง กระทำที่บริเวณใด มีโอกาสเลือกกระทำหรือไม่อย่างไร หากมีโอกาสเลือกกระทำไปที่อวัยวะสำคัญได้แต่ไม่ทำ ถือว่ามีเจตนาฆ่ายังไม่ได้ และต้องดูบาดแผลผู้เสียหายด้วยว่าบาดแผลดังกล่าวอาจทำให้ถึงแก่ความตายได้หรือไม่อย่างไร เป็นบาดแผลสำคัญหรือไม่ หากรักษาไม่ทันหรือนำส่งโรงพยาบาลไม่ทันอาจถึงแก่ความตายได้หรือไม่อย่างไร ต้องดูบริเวณที่ถูกทำร้ายด้วยว่ามีอวัยวะสำคัญของร่างกายตั้งอยู่หรือไม่อย่างไร พร้อมทั้งต้องดูอาวุธที่ใช้ด้วยว่าอาวุธดังกล่าวเป็นอาวุธร้ายแรงหรือไม่อย่างไร อาจทำให้ถึงแก่ความตายได้หรือไม่อย่างไร และเมื่อทำร้ายผู้เสียหายแล้วผู้เสียหายถึงแก่ความตายทันทีหรือไม่อย่างไร และต้องดูสถานที่เกิดเหตุประกอบด้วยว่าสถานที่เกิดเหตุเป็นอย่างไร ต่อสู้กันในน้ำหรือริมสระน้ำ ผู้ตายถูกทำร้ายที่ศรีษะอันเป็นอวัยวะสำคัญจนสลบแล้วตกลงไปในน้ำ จำเลยเล็งเห็นได้ว่า หากไม่มีคนมาช่วยผู้เสียหายย่อมถึงแก่ความตายได้เพราะเมื่อหมดสติตกลงไปในน้ำย่อมไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ หรือการผลักผู้ตายตกมาจากที่สูงแม้ใช้การผลักหน้าอกก็ตามหากเป็นพื้นที่ราบอาจถือว่าเป็นแค่ทำร้ายร่างกายไม่ถึงกับเป็นอันตรายแก่กายหรือจิตใจซึ่งเป็นความผิดลหุโทษ แต่หากผลักผู้เสียหายบนดาดฟ้าตึกสูง ๑๐ ชั้นจนผู้เสียหายตกลงมา ย่อมแสดงให้เห็นว่ามีเจตนาฆ่าหรือเล็งเห็นผลได้ว่าการผลักผู้เสียหายให้ตกจากตึก ๑๐ ชั้น ผู้เสียหายย่อมถึงแก่ความตายได้
๒.ต้องดูเหตุแทรกซ้อนด้วยว่ามีเหตุแทรกซ้อนอะไรเข้ามาหรือไม่ ผู้ต้องหาคาดได้หรือไม่ว่าอาจมีเหตุแทรกซ้อนนั้นขึ้นมา เช่น เอามีดขึ้นสนิมไปแทงผู้เสียหายย่อมคาดหมายได้ว่า หากรักษาไม่ดี รักษาไม่ทัน บาดแผลอาจติดเชื้อได้ การที่ผู้ตายเกิดติดเชื้อตายเป็นผลโดยตรงจากการกระทำของจำเลย หากจำเลยไม่เอามีดที่ขึ้นสนิมไปแทง เชื้อโรคคงไม่เข้าไปในร่างกายผู้ตาย การที่เชื้อโรคเข้าไปในร่างกายผู้ตายเป็นผลโดยตรงจากการที่จำเลยใช้มีดขึ้นสนิมแทง จำเลยจึงต้องรับผิดในผลที่เกิดขึ้นด้วย
๓.ศีรษะ ทัดดอกไม้ ท้ายทอย ขมับ กราม ลูกกระเดือก ลำคอ หน้าอก ใต้รักแร้ หัวใจ หลุมหัวใจ ท้อง ลิ้นปี้ กระเพาะปัสสาวะ อวัยวะเพศ เหล่านี้เป็นอวัยวะสำคัญ เมื่อถูกกระแทกหรือถูกแทงโดยแรงอาจทำให้ถึงแก่ความตายได้ หากกระทำต่ออวัยวะนี้หลายครั้งโดยใช้ไม้หรือมีด หรือมือ ทั้งที่มีโอกาสเลือกกระทำที่อื่นได้แต่ไม่กระทำแต่เน้นกระทำที่อวัยวะเหล่านี้ ต้องถือมีเจตนาฆ่า
๔.กฏหมายไม่ได้ดูว่ากระทำเพียงทีเดียวหรือไม่ แม้กระทำเพียงครั้งเดียวแต่กระทำโดยใช้อาวุธ และใช้อาวุธกระทำต่ออวัยวะที่สำคัญจนเป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตายก็ถือว่ามีเจตนาฆ่า
๕.โดยหลักแล้วการใช้อาวุธปืนยิงต้องถือว่ามีเจตนาฆ่าเพราะอาวุธปืนมีความร้ายแรงเว้นแต่จำเลยมีเจตนายิงที่อวัยวะที่ไม่สำคัญเช่นที่ขา แต่ก็ต้องดูพฤติการณ์อื่นประกอบว่าที่ยิงที่ขานั้นเพราะยิงไม่แม่น ตั้งใจยิงที่หัวหรือหน้าอกแต่ยิงไม่แม่นกระสุนถูกเท้าจึงต้องอาศัยพฤติการณ์อื่นประกอบ เช่นใช้ปืนยิง แต่กระสุนปืนถูกที่เท้าแต่ขณะยิงพูดว่า “มึงตายแน่ มึงตายแน่” หรือ “คนอย่างมึงอยู่ไปก็รกโลกตายเสียเถอะ” หรือพูดว่า “นึกถึงพ่อแก้วแม่แก้วไว้แล้วกัน เพราะจะไม่มีโอกาสได้นึกถึงอีกแล้ว” หรือพูดว่า “ใจจริงไม่อยากทำแต่ต้องทำเพราะรับเงินเขามาแล้ว หากตายไปก็อย่าโทษกันขออโหสิกันก็แล้วกันจะได้ไม่มีเวรต่อกัน” คำพูดเหล่านี้ส่อให้เห็นว่ามีเจตนาฆ่า แม้บาดแผลที่เกิดจะเกิดที่เท้า อาจเป็นเพราะความไม่สันทัดในการใช้อาวุธ การยิงปืนไม่แม่น หรือลูกกระสุนปืนด้าน หรือการผลิตกระสุนปืนของบางบริษัทในประเทศไทยไม่ได้มาตราฐานหรือเป็นกระสุนปืนที่ผลิตขึ้นเอง(กระสุนปืนเถื่อน) จึงไม่ได้มาตรฐาน แทนที่หัวกระสุนจะโดนร่างกายแต่ปรากฏว่าด้านข้างกระสุนถูกที่ร่างกายอำนาจการทะลุทะลวงจึงมีน้อย
๖.ลักษณะบาดแผลที่เกิด ความลึกของบาดแผลจะบอกให้รู้ว่ากระทำโดยแรงหรือไม่อย่างไม่ หากกระทำโดยแรงและกระทำบริเวณที่มีอวัยวะสำคัญอยู่ถือมีเจตนาฆ่า
๗.ศาลฏีกาวินิจฉัยว่ามีดยาว ๕ นิ้ว,ยาว ๖ นิ้ว,ยาวคืบเศษ, ยาว ๓ นิ้วฟุต ,มีดยาวรวมตัวด้าม ๑ ฟุต ดาบยาว ๑ แขน มีดที่มีตัวมีดยาว ๓๖ เซ็นติเมตรด้ามยาว ๑๙ เซนติเมตร ปลายมีดเป็นรูปหัวตัดกว้าง ๘ เซนติเมตร ด้ามจอบกลมโต ๓ นิ้ว มีดปลายแหลมใบมีดกว้าง๑เซ็นติเมตรครึ่งยาว ๘เซ็นติเมตรครึ่ง รวมด้ามยาว ๑ คืบ ,มีดโต้ปลายมนตัวมีดยาว ๑๐ นิ้วฟุต ด้ามยาว ๑๐ นิ้วฟุต หากกระทำต่ออวัยวะสำคัญของร่างกายโดยแรงแม้ทำเพียงครั้งเดียวก็ถือมีเจตนาฆ่าได้
๘.ความเห็นแพทย์ว่าบาดแผลนี้อาจทำให้ถึงแก่ความตายได้ทันทีหรือไม่ หรือหากรักษาตัวไม่ดีอาจตายได้หรือไม่ หรือหากนำส่งโรงพยาบาลไม่ทันอาจตายได้หรือไม่ บาดแผลถูกเส้นเลือดใหญ่ทำให้เลือดไหลออกมากหากรักษาไม่ถูกวิธีหรือนำส่งโรงพยาบาลไม่ทันอาจตายได้หรือไม่เหล่านี้เป็นตัวชี้วัดว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าหรือมีเพียงเจตนาทำร้ายผู้ตาย
๙..บริเวณที่เกิดเหตุมีแสงสว่างหรือไม่อย่างไร แสงสว่างเป็นตัวชี้ให้เห็นว่าผู้ต้องหามีโอกาสเลือกแทงหรือไม่อย่างไร และมีโอกาสแทงซ้ำได้หรือไม่อย่างไร หาก สามารถเลือกแทงที่อื่นได้แต่ไม่แทง แต่แทงเฉพาะที่อวัยวะสำคัญถือมีเจตนาฆ่า
๑๐.แทงขณะชุลมุนต่อสู้กันหลายคนอาจไม่มีโอกาสเลือกแทงได้เพราะอยู่ในช่วงชุลมุนต่อสู้กันอยู่ในกลุ่มบุคคลหลายคน จะถือว่ามีเจตนาฆ่ายังไม่ได้
๑๑.ผู้ตายวิ่งหนียังตามไล่ฟันไล่แทง โดยพยายามตีแทงที่อวัยวะสำคัญ แสดงว่ามีเจตนาฆ่า

ไม่มีความคิดเห็น: