ผู้ต้องหามีชื่อเป็นผู้ครอบครองที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ น.ส.๓ข มอบให้ผู้ต้องหาที่ ๑ เป็นผู้ดูแล แม้หนังสือรับรองการทำประโยชน์ดังกล่าวระบุทิศตะวันตกจดบ้านนาย จ. และไม่ได้ระบุว่าทิศตะวันตกจดทางสาธารณะประโยชน์ก็ตาม แต่ตามสภาพความเป็นจริงจากพยานบุคคลและภาพถ่ายที่เกิดเหตุรับฟังได้ว่ามีการยกที่ดินทางทิศตะวันตกของที่ดินดังกล่าวให้เป็นทางสาธารณะสำหรับราษฏรในหมู่บ้านและประชาชนใช้สัญจรไปทำนา ทำสวน ทำไร่และขนพืชผลทางการเกษตรเป็นเวลา ๕๐ ปีแล้ว โดยไม่มีการสงวนสิทธิใดๆ ถือได้ว่า เจ้าของที่ดินอุทฺศให้เป็นทางสาธารณะโดยปริยายแล้ว การที่ผู้ต้องหาทั้งสองบุกรุกที่พิพาทด้วยการปลูกต้นกล้วยเป็นแนวบนทางพิพาท และนำรถไถ่ขุดที่พิพาทได้รับความเสียหาย เมื่อที่พิพาทเป็นสาธารณะสมบัติของแผ่นดินที่ประชาชนใช้ร่วมกัน การเข้าไปยึดถือครอบครองเป็นความผิดตามประมวลกฏหมายที่ดิน ไม่มีความผิดฐานบุกรุกตามประมวลกกหมายอาญา ชี้ขาดให้ฟ้องผู้ต้องหาทั้งสองฐานร่วมกันยึดถือครอบครองที่ดินซึ่งเป็นสาธารณะสมบัติของแผ่นดินที่ประชาชนใช้ร่วมกันอันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฏหมาย ขอให้ผู้ต้องหาทั้งสองและบริวารออกจากที่ดินที่ยึดถือครอบครอง กับชี้ขาดให้ฟ้องผู้ต้องหาที่ ๑ฐานทำให้เสียทรัพย์ที่ใช้หรือมีไว้เพื่อสาธารณะประโยชน์ อีกกรรมหนึ่ง ให้พนักงานอัยการแจ้งพนักงานสอบสวนให้แจ้งข้อหาแก่ผู้ต้องหาทั้งสอง และชี้ขาดไม่ฟ้องผู้ต้องหาทั้งสองฐานร่วมกันบุกรุกตามประมวลกฏหมายอาญา มาตรา ๓๖๓,๓๖๕(๒)และ ๘๓ ชี้ขาดความเห็นแย้ง๑๓๙/๒๕๕๑
ข้อสังเกต ๑.การที่ยอมให้คนทั่วไปใช้ทางสัญจรไปมา เพื่อไปทำสวน ทำไร่ ทำนา ขนพืชผลทางการเกษตร เป็นเวลา ๕๐ ปี โดยไม่ได้โต้แย้งสงวนสิทธิ์ใดๆ ถือว่าเป็นการอุทิศที่ดินดังกล่าวเป็นทางสาธารณะสำหรับประชาชนใช้ร่วมกันหรือสงวนไว้เพื่อใช้ร่วมกันแล้ว ไม่จำต้องทำเป็นหนังสือยกให้และจดทะเบียนว่ายกที่ดินให้เป็นที่สาธารณะ
๒.การสงวนที่ดินไว้แม้จะยอมให้คนอื่นใช้สรอย เพื่อไม่ให้ถือว่าเป็นการอุทิศที่ดินให้เป็นที่สาธารณะประโยชน์สำหรับประชาชนใช้ร่วมกันหรือสงวนไว้ให้ประชาชนใช้ร่วมกัน เช่น มีการปักป้ายว่า เป็นที่ส่วนบุคคล อนุญาตให้ผ่านเพื่อไปทำไร่ ทำนา ทำสวน ขนพืชผลทางการเกษตรได้ แต่ยังสงวนสิทธิ์ในที่ดินดังกล่าว หากมีป้ายปักไดังกล่าวก็ถือว่ายังสงวนสิทธื์ในที่ดินดังกล่าวหาทำให้ที่ดินดังกล่าวเป็นทางสาธารณะประโยชน์สำหรับประชาชนใช้ร่วมกัน
๓.เมื่ออุทิศที่ดินเป็นทางสาธารณะโดยปริยายแล้วนำกล้วยไปปลูกตลอดแนว จะยกอายุความเรื่องการครอบครองปรปักษ์มาใช้ยันแก่ทรัพย์สินอันเป็นสาธารณะสมบัติของแผ่นดินไม่ได้ ตาม ป.พ.พ. มาตรา ๑๓๐๖
๔.การที่ผู้ต้องหาปลูกต้นกล้วยในที่ดินที่เป็นสาธารณะประโยชน์ของแผ่นดินเป็นการเข้าไปยึดถือครอบครองที่ดินอันเป็นสาธารณะประโยชน์ของแผ่นดินโดยตนเองไม่มีสิทธิ์และไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ ตาม ประมวลกฏหมายที่ดิน มาตรา ๙ แล้วจึงต้องระวางโทษตาม มาตรา ๑๐๘ของกฏหมายดังกล่าว ทั้งผู้กระทำผิด คนงาน คนรับจ้าง ผู้แทนต้องออกไปจากที่สาธารณะดังกล่าว บรรดาเครื่องมือเครื่องใช้ ยานพาหนะ เครื่องจักรกลที่ใช้ในการกระทำผิดหรือได้ใช้เป็นอุปกรณ์ให้ได้รับผลในการกระทำผิด ศาลมีอำนาจริบเสียทั้งสิ้น ไม่ว่าจะมีผู้ถูกลงโทษตามคำพิพากษาหรือไม่
๕.การบุกรุกที่ซึ่งเป้นสาธารณะสมบัติแผ่นดินด้วยการนำกล้วยไปปลูกตลอดแนวบนทางพิพาทและนำรถขุดไถทางพิพาท เมื่อที่พิพาทเป็นสาธารณะสมบัติของแผ่นดิน การเข้าไปยึดถือครอบครองเป็นความผิดตามประมวลกฏหมายที่ดิน แต่ไม่เป็นความผิดฐานบุกรุกตามประมวลกฏหมายอาญา มาตรา ๓๖๓,๓๖๕(๒),๘๓ และมีความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ที่ใช้หรือมีไว้เพื่ิอสาธารณะ
๖.ต้องแจ้งให้พนักงานสอบสวนแจ้งข้อหาตามประมวลกฏมายที่ดินก่อนฟ้อง เมื่อไม่ฟ้องผู้ต้องหาในข้อหาบุกรุกตามประมวลกฏหมายอาญา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น