ค้นหาบล็อกนี้

วันศุกร์ที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2559

“อาคารที่พักสายตรวจ”

อาคารที่พักสายตรวจดอนมนต์เป็นสาธารณะสถานเนื่องจาก
๑.สร้างจากเงินบริจาคของประชาชนและสร้างบนที่ดินขององค์การบริหารส่วนตำบลดอนมนต์
๒.ใช้เป็นที่พักของเจ้าพนักงานตำรวจที่เป็นสายตรวจและอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนที่มาแจ้งความร้องทุกข์
๓.อาคารดังกล่าวได้ขอเลขบ้านและการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคได้เรียกเก็บค่ากระแสไฟฟ้าจากหัวหน้าสถานีตำรวจชุมชนตำบลดอนมนต์
ดังนั้นอาคารที่พักสายตรวจดอนมนต์เป็นที่สาธารณะสถานเพราะประชาชนทั่วไปสามารถมาติดต่อกับเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ จึงเป็นสถานที่ใดๆที่ประชาชนมีความชอบธรรมที่จะเข้าไปได้ จึงไม่ใช่ที่รโหฐาน และห้องนอนของโจทก์ในอาคารที่พักสายตรวจก็เป็นที่สาธารณะเพราะเป็นสถานที่ราชการที่เจ้าหน้าที่ตำรวจอื่นก็สามารถเข้าพักได้ จึงมีลักษณะการใช้ประโยชน์ร่วมกันอันเป็นที่สาธารณะ การค้นห้องของโจทก์ในอาคารที่พักสายตรวจจึงเป็นที่สาธารณะ การที่จำเลยซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปตรวจค้นที่ห้องพักเพื่อหาอาวุธปืนตามที่ผู้ใช้ในการกระทำผิดแจ้งว่านำมาไว้ในอาคารที่พักสายตรวจดังกล่าวจึงเป็นกรณีมีเหตุอันควรสงสัยว่ามีสิ่งของที่ได้ใช้หรือมีไว้เป็นความผิดซ่อนในห้องพักของโจทก์ จำเลยจึงมีอำนาจค้นโดยไม่ต้องมีหมายค้น คำพิพากษาฏีกา๔๙๕๘/๒๕๕๖

ข้อสังเกต ๑.อาคารที่พักดังกล่าวสร้างจากเงินบริจาคและสร้างบนที่ดินของส่วนราชการสร้างเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชนที่จะมาแจ้งความร้องทุกข์ในเบื้องต้นเพื่อป้องกันเหตุร้ายได้ ไม่จำต้องเดินทางไปสถานีตำรวจ การที่อาคารดังกล่าวมีที่พักก็เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่เจ้าหน้าที่ตำรวจที่อาจเหนื่อยเพลียจากการงานสามารถพักได้โดยไม่จำต้องเดินทางกลับบ้าน การสร้างอาคารดังกล่าววัตถุประสงค์หลักเพื่ออำนวยความสะดวกให้ประชาชนในการมาแจ้งความร้องทุกข์ ทั้งอาคารดังกล่าวยังได้ขอเลขบ้าน ค่าไฟฟ้าก็เก็บจากหัวหน้าสถานีตำรวจ หาใช่โจทก์เป็นคนออกค่าไฟแต่อย่างใดไม่ จึงเป็นสถานที่ใดๆที่ประชาชนมีความชอบธรรมที่สามารถเข้าไปได้ สถานที่ดังกล่าวจึงเป็นที่สาธรณสถาน ไม่ใช่ที่รโหฐาน ส่วนห้องนอนก็เป็นที่สาธารณะเพราะไม่ใช่เพียงโจทก์คนเดียวเท่านั้นที่สามารถพักได้ แต่ตำรวจอื่นก็สามารถเข้าพักได้ เข้าทำนองเป็นการใช้ประโยชน์ร่วมกันอันเป็นที่สาธารณะ เมื่อเป็นที่สาธารณะเจ้าพนักงานตำรวจก็สามารถตรวจค้นได้โดยไม่ต้องมีหมายค้นหากปรากฏว่าตำรวจหรือพนักงานฝ่ายปกครองเป็นผู้ตรวจค้นเมื่อมีเหตุอันควรสงสัยว่ามีสิ่งของในครอบครอง เพื่อใช้ในการกระทำความผิด หรือได้มาจากการกระทำความผิดหรือมีไว้เป็นความผิด ตาม ป.ว.อ. มาตรา ๙๓ การที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจค้นในห้องพักในอาคารดังกล่าวเพื่อหาอาวุธปืนที่ผู้ใช้ในการกระทำความผิดอ้างว่านำมาไว้ในอาคารดังกล่าว จึงมีเหตุอันควรสงสัยว่ามีสิ่งของที่ได้ใช้ในการกระทำความผิดซ่อนไว้ในห้องพัก จึงสามารถเข้าตรวจค้นได้โดยไม่ต้องมีหมายค้น การกระทำของจำเลยไม่ใช่การร่วมกันบุกรุกโดยมีอาวุธ(อาวุธประจำกายของเจ้าหน้าที่ตำรวจ) และไม่ผิดเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบ
๒.ลองเทียบกับคำพิพากษาฏีกาอื่นดูบ้าง บ้านที่บุคคลทั่วไปสามารถเข้าไปซื้ออาหารทานได้เป็นที่สาธารณะ และห้องพักที่ให้หญิงทำการค้าประเวณีกับบุคคลทั่วไปก็เป็นสาธารณะสถานคำพิพากษาฏีกา ๖๙/๒๕๓๕ ห้องโถงที่ใช้รับแขกในสถานค้าประเวณีเป็นสถานที่ประชาชนมีความชอบธรรมที่จะเข้าไปได้ เป็นสาธารณะสถาน คำพิพากษาฏีกา ๘๘๓/๒๕๒๐ ส่วนสถานที่บนขบวนรถไฟ ไม่ใช่ที่รโหฐาน เป็นที่สาธารณ คำพิพากษาฏีกา ๒๐๒๔/๒๔๙๗ ตำรวจเข้าตรวจค้นจำเลยขณะขายก๋วยเตี๋ยว ซึ่งมีลูกค้ากำลังนั่งทานก๋วยเตี๋ยวอยู่ที่ร้านจำเลย ร้านก๋วยเตี๋ยวจึงไม่ใช่ที่รโหฐานแต่เป็นที่สาธารณะ คำพิพากษาฏีกา ๓๗๕๑/๒๕๕๑ บ้านจำเลยยังสร้างไม่เสร็จ ยังไม่มีประตูรั่วและประตูบ้าน แต่โดยสภาพที่บ้านเป็นที่พักอาศัย บ้านจึงเป็นที่รโหฐาน คำพิพากษาฏีกา ๗๕๕๗/๒๕๔๗
๓.ในกรณีร้านก๋วยเตี๋ยวตอนที่ยังเปิดขายก๋วยเตี๋ยวประชาชนมีความชอบธรรมที่จะเข้าไปซื้อไปนั่งทานได้จึงเป็นสาธารณสถาน แต่ครั้นเมื่อเวลาเย็นปิดร้านแล้วประชาชนทั่วไปย่อมไม่สามารถเข้าไปในสถานที่ดังกล่าวได้ สถานที่ดังกล่าวย่อมเป็นที่รโหฐานในเวลาที่ปิดร้านค้าแล้ว

ไม่มีความคิดเห็น: