๑.ฆ่าคนตายแล้วเอาทรัพย์ไปจากศพ ผิดลักทรัพย์ ไม่ใช่ทรัพย์ไม่มีผู้ใดครอบครอง คำพิพากษาฏีกา ๑๖๒๖/๒๕๐๐
๒.เอาสร้อย ๔ เส้นมาประดับพระพุทธรูปทองคำโดยไม่มีเจตนาสละกรรมสิทธิ์ จำเลยผู้ครอบครองพระพุทธรูปก็รู้เจตนาดังกล่าว และไม่ได้ครอบครองพระพุทธรูปโดยเจตนาเป็นเจ้าของ ต้องถือจำเลยปกครองพระพุทธรูปนี้แทนโจทก์ อายุความยังไม่เริ่มนับตราบเท่าที่จำเลยยังไม่ได้ละเมิดสิทธิ์โจทก์ โจทก์ยังเรียกร้องคืนได้ คำพิพากษาฏีกา ๒๗๗/๒๔๘๑
๓.ปลาในโป๊ะลูกล่อยังไม่เป็นกรรมสิทธิ์ของเจ้าของโป๊ะ ปลาที่อยู่ในลูกล่อยังไม่ได้อยู่ในความยึดถือหรือคุ้มครองของโจทก์ร่วม เพราะปลายังอาจว่ายสู่ท้องทะเลได้ จึงยังไม่เป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ร่วม การที่จำเลยเข้าครอบครองปลาในลูกล่อเป็นการล่วงสิทธิ์ทางแพ่ง ไม่เป็นความผิดฐานลักทรัพย์ หรือพยายามลักทรัพย์หรือพยายามปล้น คำพิพากษาฏีกา ๑๒๗๒/๒๔๗๓
๔.หนองน้ำสาธารณะ มีปลาเข้ามาในหนองตามธรรมชาติ แม้มีเจตนาให้ปลาอยู่ในหนอง แต่เมื่อน้ำลดก็ไม่ได้ขุดเป็นบ่อหรือกันเขตเป็นสัดส่วน ปลาอยู่ในหนองได้โดยอิสระ ยังถือไม่ได้ว่าปลาเป็นของโจทก์ ใครเอาไปไม่ผิดลักทรัพย์ คำพิพากษาฏีกา ๑๖๘๔/๒๕๑๓
๕.ขุดบ่อปลาในนาที่เช่า ยังไม่ได้ปิดทางน้ำไหลติดต่อระหว่างบ่อกับบ่อ เพื่อกันไม่ให้ปลาในบ่อลงไปในบึง ย่อมมีสิทธิ์ในปลาในบ่อดีกว่าผู้ที่ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวปลาในบ่อ คำพิพากษาฏีกา ๑๐๗๒/๒๔๙๓
๖.สูบน้ำออกจากหนองเพื่อจับปลา จนน้ำแห้งสามารถจับปลาได้ ถือได้ว่าปลาอยู่ในครอบครองของโจทก์แล้ว ไม่ว่าจะเป็นหนองน้ำสาธารณะหรือไม่ก็ตาม การที่ใช้ปืนขู่ไม่ให้โจทก์จับปลาในหนอง ย่อมมีความผิดฐานชิงทรัพย์ คำพิพากษาฏีกา ๗๑๕/๒๕๑๕
๗.จับปลาในสระของวัดที่กั้นไว้มีขอบเขต ปลาไปไหนตามลำพังไม่ได้ ปลาที่อยู่ในวัดถือว่าอยู่ในที่หวงห้าม ปลาที่อยู่ในสระของวัดถือวัดเป็นเจ้าของ ใครเอาไปมีความผิดฐานลักทรัพย์ได้ คำพิพากษาฏีกา ๓๘๐/๒๔๗๕
ข้อสังเกต ๑.เมื่อบุคคลใดถึงแก่ความตายทรัพย์สิน สิทธิ์หน้าที่ตกทอดแก่ทายาทตาม ป.พ.พ. มาตรา ๑๕๙๙,๑๖๐๐ หาใช่ว่าเมื่อถึงแก่ความตายแล้ว ทรัพย์ในตัวผู้ตายเป็นทรัพย์ไม่มีเจ้าของหรือเป็นทรัพย์ของแผ่นดินที่ใครสามารถหยิบไปก็ได้ การเอาทรัพย์ดังกล่าวไปจึงเป็นความผิดฐานลักทรัพย์ได้ จะพบอยู่เป็นประจำที่เวลามีอุบัติเหตุเกิดขึ้นจะมีชาวบ้านแถวนั้นไปหยิบเอาทรัพย์สินของผู้ตายไป ซึ่งจะเป็นความผิดฐานลักทรัพย์ในบริเวณที่เกิดอุบัติเหตุตาม ป.อ. มาตรา ๓๓๔,๓๓๕(๒) แต่หากผู้ตายไม่มีทายาทโดยธรรมหรือผู้รับพินัยกรรม มรดกของบุคคลนั้นย่อมตกแก่แผ่นดินตาม ป.พ.พ. มาตรา ๑๗๕๓ การเอาทรัพย์นั้นไปย่อมเป็นความผิดฐานลักทรัพย์ หาใช่เป็นทรัพย์ไม่มีเจ้าของ ที่บุคคลอาจถือเอาและได้กรรมสิทธิ์ตาม ป.พ.พ. มาตรา ๑๓๑๘ไม่
๒.การที่มอบสายสร้อยมาประดับพระพุทธรูปโดยไม่มีเจตนาสละกรรมสิทธิ์ในสร้อยดังกล่าว จึงไม่ใช่กรณีเจ้าของสังหาริมทรัพย์เลิกครอบครองทรัพย์ด้วยเจตนาสละกรรมสิทธิ์ในสร้อย แต่อย่างใดไม่จึงจะถือว่าสร้อยดังกล่าวเป็นทรัพย์ไม่มีเจ้าของตาม ป.พ.พ. มาตรา ๑๓๑๙ หาได้ไม่ ทั้งจำเลยเองก็ไม่ได้ครอบครองพระพุทธรูปดังกล่าวด้วยเจตนาเป็นเจ้าของอันจะเป็นการแย่งการครอบครองสังหาริมทรัพย์อันจะได้กรรมสิทธิ์เมื่อพ้นเวลา ๕ ปี ตาม ป.พ.พ. มาตรา ๑๓๘๒ หรือได้กรรมสิทธิ์ตามอายุความคดีอาญาฐานลักทรัพย์ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน ๓ ปี จึงมีอายุความ ๑๐ ปีตาม ป.อ. มาตรา ๙๕(๓)ซึ่งมีอายุความยาวกว่าอายุความ ๕ ปีตาม ป.พ.พ. มาตรา ๑๓๘๒ จึงต้องใช้อายุความคดีอาญาคือ ๑๐ ปี ตาม ป.พ.พ. มาตรา ๑๓๘๓จึงจะได้กรรมสิทธิ์ ตราบใดที่จำเลยยังไม่ได้ละเมิดสิทธิ์ของโจทก์ด้วยการแสดงความเป็นเจ้าของ โจทก์ผู้เป็นเจ้าของย่อมมีสิทธิ์ติดตามเอาสร้อยดังกล่าวคืนจากจำเลยผู้ไม่มีสิทธิ์ยึดถือได้ตาม ป.พ.พ. มาตรา ๑๓๓๖ ทั้งการติดตามเอาทรัพย์คืนคำพิพากษาฏีกาบางฏีกาก็บอกว่าเมื่อเป็นกรณีเจ้าของตืดตามเอาคืนไม่มีอายุความ บางฏีกาก็วินิจฉัยว่า เป็นกรณีที่ไม่มีกฎหมายกำหนดเรื่องอายุความในการติดตามเอาทรัพย์คืนจึงต้องใช้อายุความ ๑๐ ปี ตาม ป.พ.พ. มาตรา ๑๙๓/๓๐
๓..ปลาในโป๊ะลูกล่อยังไม่เป็นกรรมสิทธิ์ของเจ้าของโป๊ะ เพราะปลายังอาจว่ายสู่ท้องทะเลได้ ยังไม่ได้อยู่ในความยึดถือหรือคุ้มครองของเจ้าของโป๊ะ จึงยังไม่เป็นกรรมสิทธิ์ของเจ้าของโป๊ะ การที่จำเลยเข้าครอบครองปลาในลูกล่อเป็นการล่วงสิทธิ์ทางแพ่ง โดยถือว่าเป็นปลาในทางน้ำที่ยังไม่มีเจ้าของกันเอาไว้ จึงถือว่าปลาในโป๊ะลูกล่อเป็นกรรมสิทธิ์ของเจ้าของโป๊ะไม่ได้ แต่ถือว่าปลาดังกล่าวเป็นสัตว์ไม่มีเจ้าของ ตาม ป.พ.พ. มาตรา ๑๓๒๐ การเอาปลาดังกล่าวไปจึงไม่ใช่การแย่งการครอบครองปลาจากในโป๊ะที่เป็นกรรมสิทธิ์ของเจ้าของโป๊ะแต่อย่างใดไม่ จึง ไม่เป็นความผิดฐานลักทรัพย์ หรือพยายามลักทรัพย์ เมื่อไม่เป็นความผิดฐานลักทรัพย์หรือพยายามลักทรัพย์จึงไม่อาจเป็นความผิดฐานพยายามปล้นทรัพย์ดังกล่าวได้ แต่หากปรากฏว่าปลาไม่ได้อยู่ในโป๊ะลูกล่อแต่เข้าไปในตัวโป๊ะที่ปลาไม่มีอิสระที่จะว่ายออกสู่ท้องทะเลได้ ถือว่า เป็นสัตว์ในทางน้ำที่เจ้าของหวงกันเอาไว้ย่อมเป็นทรัพย์ที่มีเจ้าของ มีผู้ยึดถือครอบครองในตัวทรัพย์นั้นแล้ว ใครเอาไปมีความผิดฐานลักทรัพย์ได้
๔. หนองน้ำสาธารณะ มีปลาเข้ามาในหนองตามธรรมชาติ แม้มีเจตนาให้ปลาอยู่ในหนอง แต่เมื่อน้ำลดก็ไม่ได้ขุดเป็นบ่อหรือกันเขตเป็นสัดส่วน ปล่อยปลาอยู่ในหนองได้โดยอิสระ แสดงให้เห็นว่าไม่มีเจตนาหวงกันหรือยึดถือครอบครองสงวนสิทธิ์ในปลาดังกล่าวแต่อย่างใด ยังถือไม่ได้ว่าปลาเป็นของโจทก์ แต่ต้องถือว่าเป็นปลาในบ่อในที่นาที่ยังมีอิสระอยู่ โดยไม่มีเจ้าของหวงกันไว้ตาม ป.พ.พ. มาตรา ๑๓๒๐ จึงถือว่าปลาดังกล่าวไม่มีเจ้าของ ใครก็สามารถมาจับได้ หากมี ใครเอาไปไม่ผิดลักทรัพย์เพราะไม่ใช่การเอาไปซึ่งทรัพย์ของผู้อื่นหรือที่ผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย แต่ต้องถือว่าผู้ที่จับสัตว์ที่ไม่มีเจ้าของที่ไม่ได้มีบุคคลใดหวงกันไว้ ผู้จับได้ย่อมเป็นเจ้าของสัตว์นั้นตาม ป.พ.พ. มาตรา ๑๓๒๑
๕.ขุดบ่อปลาในนาที่เช่า ยังไม่ได้ปิดทางน้ำไหลติดต่อระหว่างบ่อกับบ่อ เพื่อกันไม่ให้ปลาในบ่อลงไปในบึง ปลาย่อมมีอิสระที่จะว่ายไปมาได้ ยังไม่เป็นกรรมสิทธิ์ของใคร แต่ระหว่างผู้ที่กล่าวอ้างแย่งการครอบครองในตัวปลาด้วยกันนั้น ผู้ที่ขุดบ่อย่อมมิสิทธิ์ดีกว่าผู้ที่ไม่ได้ทำอะไรเกี่ยวข้องกับตัวปลาในบ่อ แม้ผู้ขุดบ่อจะยังไม่ได้มีการเข้าถือเอาตาม ป.พ.พ. มาตรา ๑๓๘๑ ก็ตาม
๖. แม้จะเป็นบ่อน้ำสาธารณะที่ใครก็มีสิทธิ์ที่จะจับปลาได้ก็ตาม แต่การที่โจทก์สูบน้ำออกจากหนองเพื่อจับปลา จนน้ำแห้งสามารถจับปลาได้ อยู่ในวิสัยที่โจทก์จะเข้าจับปลาได้ ถือได้ว่าปลาไม่มีอิสระที่จะว่ายไปไหนต่อไหนได้ ถือว่าปลาอยู่ในครอบครองของโจทก์แล้ว ไม่ถือว่าเป็นสัตว์ไม่มีเจ้าของที่ใครสามารถจับได้ เมื่อปลาเป็นสิทธิ์ของโจทก์ การที่จำเลยใช้ปืนขู่ไม่ให้โจทก์จับปลาในหนอง จึงเป็นการขู่เข็ญว่าในทันใดนั้นจะใช้กำลังประทุษร้ายเพื่อให้ยื่นให้ซึ่งทรัพย์ ยึดถือเอาทรัพย์นั้นไว้หรือให้ความสะดวกในการลักทรัพย์หรือพาเอาทรัพย์นั้นไป การกระทำดังกล่าว ย่อมมีความผิดฐานชิงทรัพย์
๗. จับปลาในสระของวัดที่กั้นไว้มีขอบเขต ปลาไปไหนตามลำพังไม่ได้ ถือไม่ได้ว่าเป็นปลาที่ไม่มีเจ้าของ ปลาที่อยู่ในวัดถือว่าอยู่ในที่หวงห้าม ทั้งตาม พรบ.อากร ค่าน้ำ ปลาที่อยู่ในวัดให้ถือว่า อยู่ในที่หวงห้าม ซึ่งแสดงให้เห็นว่ามีการหวงกันแสดงความเป็นเจ้าของเอาไว้ ปลาที่อยู่ในสระของวัดจึงต้องถือว่าวัดเป็นเจ้าของ ใครเอาไปมีความผิดฐานลักทรัพย์ได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น