ผู้ต้องหาลงข้อความในอินเตอร์เนตว่ารับเหมาก่อสร้าง ต่อเติมบ้าน พร้อมให้เบอร์โทรศัพท์ไว้ ผู้เสียหายโทรศัพท์ให้ผู้ต้องหาทำการซ่อมแซมบ้าน ผู้ต้องหาได้มาที่บ้านผู้เสียหายเพื่อประเมินราคาเพื่อซ่อมแซม ผู้ต้องหาประเมินราคาค่าซ่อมพร้อมวัสดุเป็นเงิน ๑๕,๐๐๐บาท และขอเบิกเงินล่วงหน้าเพื่อซื้อวัสดุอุปกรณ์และค่ามัดจำจำนวน ๗,๕๐๐บาท โดยผู้ต้องหานำสำเนาบัตรประชาชนมามอบให้ไว้เป็นหลักฐานในการรับเงินโดยได้ลงลายมือชื่อว่าซ่อมแซมบ้าน แต่ผู้ต้องหาไม่ได้นำไปซื้อวัสดุก่อสร้างและไม่มาซ่อมแซมบ้านตามที่นัดหมายไว้ ผู้เสียหายไม่สามารถติดต่อผู้ต้องหาทางโทรศัพท์ได้และผู้ต้องหาไม่ได้มาที่บ้านผู้เสียหายอีก แสดงให้เห็นว่าผู้ต้องหาไม่มีเจตนาก่อสร้างบ้านให้ผู้เสียหายมาแต่แรก มีเจตนาทุจริตหลอกลวงเพื่อให้ได้ไปซึ่งเงินของผู้เสีหาย ชี้ขาดให้ฟ้องผู้ต้องหาในข้อหาฉ้อโกง ขอให้ผู้ต้องหาคืนหรือใช้เงินจำนวน ๗,๕๐๐๐บาท และให้แจ้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติจัดการให้ได้ตัวผู้ต้องหามาดำเนินคดีภายในอายุความ ๑๐ ปี นับแต่วันกระทำผิด ชี้ขาดความเห็นแย้ง๒๑๖/๒๕๕๒
ข้อสังเกต ๑.การลงข้อความทางอินเตอร์เนตเป็นเพียงแผนการในการหลอกผู้เสียหายให้หลงเชื่อ โดยไม่มีเจตนาแต่แรกที่จะดำเนินการตามที่ลงโมษณา เมื่อมีคนหลงเชื่อจะได้หลอกเอาเงินจากคนที่หลงเชื่อ จึงเป็นกรณีที่ผู้ต้องหาโดยมีเจตนาทุจริตแสวงหาประโยชน์อันไม่ควรได้โดยชอบด้วยกฏหมายด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จว่ารับเหมาก่อสร้าง ต่อเติมบ้าน ซึ่งความจริงแล้วผู้ต้องหาไม่มีเจตนาแต่แรกที่จะดำเนินการรับเหมาก่อสร้าง ต่อเติมบ้านตามที่ลงโมษณาไว้ จนเป็นเหตุให้ผู้เสียหายหลงเชื่อ ยอมมอบเงินจำนวน ๗,๕๐๐บาทไป จึงเป็นความผิดฐานฉ้อโกง
๒.ความผิดฐานฉ้อโกงระวางโทษจำคุกไม่เกิน ๓ ปี จึงเป็นกรณีที่กฏหมายบัญญัติโทษจำคุกกว่า ๑ ปี ถึง ๗ ปี จึงมีอายุความ ๑๐ ปี ตาม ป.อ. มาตรา ๙๕(๓)
๓.คำว่า " จัดการให้ได้ตัวผู้ต้องหามาดำเนินคดีภายในอายุความ ๑๐ ปี " ไม่ได้ใช้คำว่า "ออกหมายจับผู้ต้องหา ภายในกำหนดอายุความ ๑๐ ปี " นั้นก็คือจะดำเนินการอย่างไรก็ได้ให้ได้ตัวผู้ต้องหามาดำเนินคดี ซึ่งอาจมีการออกหมายจับ หรือเชิญตัวมา หรือผู้ต้องหาถูกจับในคดีอื่นอาจขออายัดตัวผู้ต้องหาเพื่อมาดำเนินคดีในคดีนี้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น