การใช้อำนาจของผู้บังคับบัญชาในการย้ายข้าราชการต้องตั้งอยู่บนความเป็นธรรมในการบริหารงานบุคคลตามระบบคุณธรรม ต้องเป็นการใช้ดุลพินิจอย่างเหมาะสมหรือเป็นดุลพินิจโดยชอบ เป็นการใช้ดุลพินิจโดยคำนึงถึงประสิทธิ์ภาพและประโยชน์ทางราชการที่จะได้รับในการดำเนินบริการสาธารณะ และขวัญกำลังใจของข้าราชการประกอบกัน การย้ายย่อมมีผลกระทบต่อข้าราชการผู้ถูกย้ายทั้งในทางที่เป็นประโยชน์ คือ ข้าราชการผู้ถูกย้ายพึงพอใจ และในลักษณะที่เข้าใจได้ว่าเป็นการกลั่นแกล้ง ถูกลงโทษ หรือไม่ได้รับความเป็นธรรม การพิจารณาว่าการย้ายข้าราชการผู้ใดเป็นการใช้ดุลพินิจโดยชอบหรือไม่ ย่อมพิจารณาจากข้อเท็จจริงในแต่ละกรณี ว่า มีมูลเหตุแท้จริงประการใด เมื่อเหตุผลที่อ้างในการย้ายว่า เป็นผู้เหมาะสมทั้งความรู้ ความสามรารถ ความเชี่ยวชาญงานด้านคุ้มครองที่ดินของรัฐ แม้การย้ายจะไม่ได้ทำตามวาระปกติ ตามระเบียบกรมที่ดินว่าด้วยการบริหารงานบุคคล พ.ศ. ๒๕๔๐ โดยดำเนินตามขั้นตอนของระเบียบกฏหมายทุกประการ เนื่องจากมีความจำเป็น และเพื่อประโยชน์ของประชาชน ไม่มีลักษณะการทำที่รวบรัด และใช้เวลาด้วยความรวดเร็วแต่ประการใด อธิบดีกรมที่ดินปล่อยให้ตำแหน่งนักวิชาการที่ดิน ๘ส่วนคุ้มครองที่ดินของรัฐว่างลงเป็นเวลา ๔ เดือน โดยไม่แต่งตั้งผู้ที่เหมาะสมดำรงตำแหน่งในช่วงระยะเวลาดังกล่าว มีเพียงหัวหน้ากลุ่มคุ้มครองที่ดินของรัฐ ๒ ส่วน คุ้มครองที่ดินของรัฐเป็นผู้รักษาการในตำแหน่งดังกล่าวแทน หากตำแหน่งนี้มีงานสำคัญค้างอยู่หลายเรื่องและจำเป็นต้องแต่งตั้งผู้มีความรู้ความสามารถประสบการณ์และความชำนาญในด้านการคุ้มครองที่ดินของรัฐมาดำรงตำแหน่งดังกล่าว ก็ควรต้องรีบแต่งตั้งบุคคลอื่นที่มีคุณสมบัติเข้ามาดำรงตำแหน่งโดยเร็วและควรแต่งตั้งบุคคลอื่นที่ยังคงเหลือเวลารับราชการก่อนเกษียณอย่างน้อย ๒ ปีมาดำรงตำแหน่งดังกล่าว เพื่อให้สามารถปฏิบัติงานตามภารกิจให้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี มิใช่แต่งตั้งบุคคลที่มีระยะเวลารับราชการ เหลือเพียง ๗ เดือนก็เกษียณอายุราชการ ซึ่งไม่อาจปฏิบัติงานได้เต็มความรู้ความสามารถอย่างต่อเนื่อง ทั้งปรากฏว่าเมื่อผู้ฟ้องคดีพ้นอายุเกษียณราชการไปแล้ว ๓ เดือน ก็ยังไม่มีการแต่งตั้งใครมาดำรงค์ตำแหน่งนี้แทน ผู้ถูกฟ้องคดีจึงไม่อาจอ้างความจำเป็นในการบริหารงานและเพื่อประโยชน์ของประชาชนรวมทั้งความรู้ความสามารถประสบการณ์และความชำนาญงานของผู้ฟ้องคดีมาเป็นมูลเหตุในการออกคำสั่งย้ายผู้ฟ้องคดี การออกคำสั่งย้ายในครั้งนี้มีลักษณะรวบรัดและใช้เวลาด้วยความรวดเร็วทั้งๆที่ปล่อยให้ตำแหน่งนักวิชาการที่ดิน ๘ ส่วนคุ้มครองที่ดินของรัฐว่างลงเป็นเวลา ๔ เดือน จึงเป็นคำสั่งไม่ชอบ ผู้ฟ้องคดีคงชอบที่จะได้รับค่าสินไหมทดแทน
คำสั่งที่ย้ายผู้ฟ้องคดีไปดำรงตำแหน่งนักวิชาการที่ดิน ๘ส่วนคุ้มครองที่ดินของรัฐ เป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทำให้ผู้ฟ้องคดีได้รับความเสียหาย เป็นการทำละเมิดในการปฏิบัติหน้าที่ กรมที่ดิน ซึ่งเป็นหน่วยงานต้องสังกัดจึงต้องรับผิดชอบในผลแห่งละเมิดนี้ เมื่อคำสั่งย้ายดังกล่าวทำให้ผู้ฟ้องคดีไม่อาจดำรงตำแหน่งเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดกาญจนบุรีจนถึงเกษณียอายุราชการทั้งที่เหลือเวลารับราชการเพียง ๗ เดือน แม้ไม่ปรากกว่ามีการกล่าวไขข่าวแพร่หลายถึงมูลเหตุที่มีคำสั่งย้ายผู้ฟ้องคดีโดยข้าราชการที่รับผิดชอบก็ตาม แต่ก็ย่อมเป็นที่รู้ในหมู่ข้าราชการกรมที่ดินและข้าราชการจังหวัดกาญจนบุรีซึ่งอาจเข้าใจว่า ผู้ฟ้องคดีปฏิบัติไม่ถูกต้องไม่ชอบด้วยนโยบายของผู้บังคับบัญชาอันกระทบต่อจิตใจผู้ฟ้องคดี ซึ่งเป็นความเสียหายทางจิตใจไม่ใช่ผู้ฟ้องคดีคิดเอาเอง แม้ศาลมีคำสั่งให้เพิกถอนคำสั่งย้าย ก็ไม่อาจแก้ไขเยียวยาความเสียหายทางจิตใจได้ ให้กลับคืนมาเหมือนเดิม สมควรกำหนดให้กรมที่ดินผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเป็นเงิน ๕๐,๙๑๙.๓๖บาท ภายใน ๓๐ วัน นับแต่คดีถึงที่สุดรวมทั้งใช้ค่าสินไหมทดแทนเป็นเงิน๑๐,๐๐๐บาท ให้คืนค่าธรรมเนียมศาลตามส่วนแห่งการชนะคดี คำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ. ๔๑๔/๒๕๕๓
ข้อสังเกต ๑.การโยกย้ายมักมีสองกรณีคือ โยกย้ายตามความเหมาะสมตามที่ผู้ขอได้ร้องขอ หรือทางหน่วยงานที่เป็นผู้บังคับบัญชาเห็นสมควร หรือโยกย้ายเพราะกระทำความผิดจึงโยกย้ายออกจากพื้นที่เพื่อความสะดวกในการตรวจสอบหาความจริง
๒.การโยกย้ายอาจมีหลายคนขอย้ายมาลงในที่เดียวกัน ดังนั้นใครจะได้ตามความประสงค์หรือไม่อาจคำนึงตามอาวุโสของผู้ขอย้าย และคำนึงความรู้ความสามารถประกอบเพื่อพิจารณาว่าผู้ขอย้ายรายใดมีความเหมาะสมหรือมีความจำเป็นในการขอย้ายมากกว่ากัน และเป็นการย้ายเพื่อประโยชน์ทางราชการโดยคำนึงความเป็นธรรมในการบริหารงานบุคคลตามระบบคุณธรรม ทั้งต้องเป็นการใช้ดุลพินิจอย่างเหมาะสมหรือเป็นดุลพินิจโดยชอบ เป็นการใช้ดุลพินิจโดยคำนึงถึงประสิทธิ์ภาพและประโยชน์ทางราชการที่จะได้รับในการดำเนินบริการสาธารณะ และขวัญกำลังใจของข้าราชการประกอบกัน เพราะการย้ายย่อมมีผลกระทบต่อข้าราชการผู้ถูกย้ายทั้งในทางที่เป็นประโยชน์ คือ ข้าราชการผู้ถูกย้ายพึงพอใจ และในลักษณะที่เข้าใจได้ว่าเป็นการกลั่นแกล้ง ถูกลงโทษ หรือไม่ได้รับความเป็นธรรม การพิจารณาว่าการย้ายข้าราชการผู้ใดเป็นการใช้ดุลพินิจโดยชอบหรือไม่ ย่อมพิจารณาจากข้อเท็จจริงในแต่ละกรณี ว่า มีมูลเหตุแท้จริงประการใด
๓.ในคดีนี้มีการโยกย้ายที่เป็นการโยกย้ายที่ไม่เป็นธรรมเพราะ
๓.๑เป็นการโยกย้ายที่ไม่เป็นไปตามวาระที่ทำกันตามปกติประการ การอ้างว่าเนื่องจากมีความจำเป็น และเพื่อประโยชน์ของประชาชน นั้นการโยกย้ายต้องไม่มีลักษณะการทำที่รวบรัด และต้องใช้เวลาด้วยความรวดเร็วแต่ประการใด
๓.๒การที่อธิบดีกรมที่ดินปล่อยให้ตำแหน่งนักวิชาการที่ดิน ๘ส่วนคุ้มครองที่ดินของรัฐว่างลงเป็นเวลา ๔ เดือน โดยไม่แต่งตั้งผู้ที่เหมาะสมดำรงตำแหน่งในช่วงระยะเวลาดังกล่าว มีเพียงหัวหน้ากลุ่มคุ้มครองที่ดินของรัฐ ๒ ส่วน คุ้มครองที่ดินของรัฐเป็นผู้รักษาการในตำแหน่งดังกล่าวแทน แสดงให้เห็นว่า ตำแหน่งนี้ก็ไม่ใช่ตำแหน่งสำคัญอะไรมากมายนักถึงสามารถรอได้ถึง ๔ เดือนจึงมาแต่งตั้ง หากตำแหน่งนี้เป็นตำแหน่งที่มีความสำคัญคงรีบแต่งตั้งโดยเร็วเมื่อตำแหน่งว่างลง หากตำแหน่งนี้มีงานสำคัญค้างอยู่หลายเรื่องและจำเป็นต้องแต่งตั้งผู้มีความรู้ความสามารถประสบการณ์และความชำนาญในด้านการคุ้มครองที่ดินของรัฐมาดำรงตำแหน่งดังกล่าว ก็ควรต้องรีบแต่งตั้งบุคคลอื่นที่มีคุณสมบัติเข้ามาดำรงตำแหน่งโดยเร็วและควรแต่งตั้งบุคคลอื่นที่ยังคงเหลือเวลารับราชการก่อนเกษียณอย่างน้อย ๒ ปีมาดำรงตำแหน่งดังกล่าว เพื่อให้สามารถปฏิบัติงานตามภารกิจให้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี มิใช่แต่งตั้งบุคคลที่มีระยะเวลารับราชการ เหลือเพียง ๗ เดือนก็เกษียณอายุราชการ ซึ่งไม่อาจปฏิบัติงานได้เต็มความรู้ความสามารถอย่างต่อเนื่อง
๓.๓ทั้งปรากฏว่าเมื่อผู้ฟ้องคดีพ้นอายุเกษียณราชการไปแล้ว ๓ เดือน ก็ยังไม่มีการแต่งตั้งใครมาดำรงค์ตำแหน่งนี้แทน
ดังนั้นผู้ถูกฟ้องคดีจึงไม่อาจอ้างความจำเป็นในการบริหารงานและเพื่อประโยชน์ของประชาชนรวมทั้งความรู้ความสามารถประสบการณ์และความชำนาญงานของผู้ฟ้องคดีมาเป็นมูลเหตุในการออกคำสั่งย้ายผู้ฟ้องคดี การออกคำสั่งย้ายในครั้งนี้มีลักษณะรวบรัดและใช้เวลาด้วยความรวดเร็วทั้งๆที่ปล่อยให้ตำแหน่งนักวิชาการที่ดิน ๘ ส่วนคุ้มครองที่ดินของรัฐว่างลงเป็นเวลา ๔ เดือน จึงเป็นคำสั่งไม่ชอบ
๔.คำสั่งย้ายที่ไม่ชอบเป็นการการกระทำโดยเจตนาจงใจให้เขาได้รับความเสียหาย ผู้ฟ้องคดีจึงมีสิทธิ์เรียกร้องค่าเสียหายโดยถือเป็นการกระทำละเมิดจงใจให้ผู้ฟ้องคดีได้รับความเสียหาย กรมที่ดินซึ่งเป็นต้นสังกัดของอธิบดีจึงต้องร่วมรับผิดด้วย การย้ายดังกล่าวทำให้ผู้ฟ้องคดีไม่อาจดำรงตำแหน่งเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดกาญจนบุรีจนถึงเกษียณอายุราชการทั้งที่เหลือเวลารับราชการเพียง ๗ เดือน แม้ไม่ปรากกว่ามีการกล่าวไขข่าวแพร่หลายถึงมูลเหตุที่มีคำสั่งย้ายผู้ฟ้องคดีโดยข้าราชการที่รับผิดชอบก็ตาม แต่ก็ย่อมเป็นที่รู้ในหมู่ข้าราชการกรมที่ดินและข้าราชการจังหวัดกาญจนบุรีซึ่งอาจเข้าใจว่า ผู้ฟ้องคดีปฏิบัติไม่ถูกต้องไม่ชอบด้วยนโยบายของผู้บังคับบัญชาอันกระทบต่อจิตใจผู้ฟ้องคดี ซึ่งเป็นความเสียหายทางจิตใจไม่ใช่ผู้ฟ้องคดีคิดเอาเอง แม้ศาลมีคำสั่งให้เพิกถอนคำสั่งย้าย ก็ไม่อาจแก้ไขเยียวยาความเสียหายทางจิตใจได้ ให้กลับคืนมาเหมือนเดิม สมควรกำหนดให้กรมที่ดินผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ชดใช้ค่าสินไหมทดแทน
๕.การที่ฟ้องเรียกค่าเสียหาย ๑๐ เท่า เงินรายได้ประจำ(เงินเดือนและเงินประจำตำแหน่งและเงินตอบแทนรายเดือนรวมเป็นเงิน ๕๖๘,๒๐๐ บาท และความเสียหายในสิทธิ์ที่จะได้รับเงินประจำตำแหน่งและเงินตอบแทนรายเดือนเดือนละ ๑๑,๒๐๐ บาท แต่ได้รับเพียง ๓,๕๐๐บาท ทำให้เสียสิทธิ์ลดลง เดือนละ ๗,๗๐๐บาท ตั้งแต่้เดือนมีนาคม ๒๕๔๙ถึงกันยายน๒๕๔๙๘ รวม ๗ เดือนเป็นเงิน ๖๒๒,๑๐๐บาท นั้นศาลปกครองชั้นต้นให้ค่าสินไหมเป็นเงิน ๕๐,๙๑๙.๓๖บาท ดอกเบี้ยร้อยละ ๗.๕ ต่อปีภายใน ๓๐ วันนับแต่คดีถึงที่สุดและให้คืนเงินค่าธรรมเนียมด้วยนั้น ศาปกครองสูงสุดให้ชดใช้ ๕๐,๙๑๙.๓๖บาท ภายใน ๓๐ วันนับแต่คดีถึงที่สุด รวมทั้งใช้ค่าสินไหมทดแทนความเสียหายต่อจิตใจ ๑๐,๐๐๐บาท และให้คืนค่าธรรมเนียมศาลตามส่วนของการชนะคดี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น