แม้บริเวณที่ผู้ต้องหาเข้าไปทำร้ายผู้เสียหายจะเป็นบริเวณที่ผู้เสียหายใช้ทำเป็นร้านค้าขายอาหารซึ่งบุคคลทั่วไปสามารถเข้าไปได้ แต่ก็ต้องเข้าไปสั่งซื้อหรือรับประทานอาหาร หรือเข้าไปเพื่อการสมควรอย่างอื่น จึงจะถือว่าเข้าไปโดยมีเหตุอันสมควร การที่ผู้ต้องหาซึ่งเคยทะเลาะกับผู้เสียหายวิ่งเข้าไปทำร้ายผู้เสียหายภายในบริเวณบ้านผู้เสียหาย ทั้งที่ผู้เสียหายได้ไล่และห้ามไม่ให้เข้าไป ย่อมไม่ใช่การเข้าไปโดยมีเหตุอันควร เป็นความผิดฐานบุกรุกโดยใช้กำลังประทุษร้าย เมื่อไม่ปรากฏว่าผู้เสียหายได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ จึงเป็นความผิดฐานบุกรุกดดยใช้กำลังประทุษร้ายแะใช้กำลังทำร้ายผู้อื่นไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจ เป็นกรรมเดียวผิดกฏหมายหลายบท ชี้ขาดให้ฟ้องผู้ต้องหาฐานบุกรุกโดยใช้กำลังประทุษร้าย และสั่งฟ้องฐานใช้กำลังทำร้ายผู้อื่นไม่ถึงกับเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ ชี้ขาดความเห็นแย้ง ๓๙๐/๒๕๕๓
ข้อสังเกต ๑. แม้ร้านขายอาาหารประชาชนทั่วไปมีความชอบธรรมที่จะเข้าไปได้ ไม่มีความผิดฐานบุกรุกก็ตาม แต่การเข้าไปทำร้ายในร้านอาหารย่อมไม่ใช่ความชอบธรรมที่จะเข้าไปในเคหสถานของบุคคลอื่นเพื่อทำร้ายเจ้าของสถานที่ ถือเป็นการเข้าไปโดยไไม่มีเหตุอันควร เป็นความผิดฐานบุกรุกโดยใช้กำลังประทุษร้าย
๒.บุกรุกโดยใช้กำลังประทุษร้ายเป็นกรรมเดียวกับความผิดฐานทำร้ายร่างกายไม่ถึงกับเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ
๓.ใช้คำว่า "ชี้ขาด" ให้ฟ้อง่ฐานบุกรุกฯ และ "สั่งฟ้อง" ฐานทำร้ายร่างกายฯ หมายความว่า ความผิดฐานบุกรุกโดยใช้กำลังประทุษร้าย มีความเห็นแย้งระหว่างเจ้าของสำนวนกับผู้ว่าราชการจังหวัด จึงต้องให้อัยการสูงสุดชี้ขาดว่าจะสั่งไม่ฟ้องตามความเห็นพนักงานอัยการ หรือสั่งฟ้องตามความเห็นของผู้ว่าราชการจังหวัด ซึ่งในคดีนี้อัยการสูงสุดชี้ขาดให้ฟ้องผู้ต้องหา ส่วนที่มีความเห็น " สั่งฟ้อง" คือไม่ใช่กรณีมีความเห็นแย้งระหว่างพนักงานอัยการกับผู้ว่าราชการ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น