ค้นหาบล็อกนี้

วันเสาร์ที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2559

“ทำให้เสียทรัพย์”

๑.จำเลยใช้ทางเดินในที่ดินของโจทก์ออกสู่ทางสาธารณะเกิน ๑๐ ปี โดยมีช่องประตูรั่วเข้าออกบ้านจำเลยได้ ต่อมาโจทก์ทำรั่วใหม่ตามแนวรั่วเดิมที่ผุ และล้อมปิดกั้นรั่วที่เข้าออกบ้านจำเลย จำเลยไม่มีทางออกเพราะอยู่ในที่ผู้อื่นล้อมรอบมีรั้วกั้น จำเลยร้องขอให้โจทก์เปิดรั้วให้จำเลยเข้าออก โจทก์ไม่ยอม จำเลยจึงได้รื้อเฉพาะตรงที่เคยเป็นช่องประตูเข้าออกบ้านเพื่อเดินออกบ้านจำเลยดังเดิม จำเลยมีสิทธิ์ทำได้ ไม่ผิดทำให้เสียทรัพย์ คำพิพากษาฏีกา ๒๘๘/๒๕๐๕
๒.ถอนเสารั่วของผู้อื่นกองไว้เพื่อใช้เดินทางตามที่เคยใช้ ไม่เป็นความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ คำพิพากษาฏีกา ๗๐๕/๒๕๐๗
๓.รื้อถอนเสารั่วและลวดหนามออกเพื่อสร้างกำแพงอิฐบล็อกที่มั่นคงและใช้ประโยชน์แทนรั่วลวดหนามที่สร้างมานาน มีสภาพเก่า เป็นการทำเพื่อประโยชน์ร่วมกันของโจทก์จำเลยที่จะได้ใช้ประโยชน์จากรั่วใหม่มากกว่ารั่วเก่าที่เป็นรั่วลวดหนาม ทั้งการรื้อถอนเสารั่วและลวดหนามก็ได้กระทำอย่างระมัดระวัง ไม่ปรากฏว่าเสารั่วและลวดหนามเสียหาย เมื่อรื้อถอนแล้วได้นำเสารั่วและลวดหนามที่ยังมีสภาพที่โจทก์สามารถนำไปใช้ได้อีกไปกองไว้ให้โจทก์ มิได้ทำให้เสารั่วและลวดหนามเสียหาย เสื่อมค่า ไร้ประโยชน์ ไม่มีความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ คำพิพากษาฏีกา ๘๔๕/๒๕๔๓
๔.จำเลยเป็นเจ้าพนักงานเข้าตรวจโรงงานและยึดอุปกรณ์เครื่องจักร และสั่งให้อุดท่อพีวีซี ให้รื้อถอนเครื่องจักร เพื่อระงับเหตุร้ายและความวุ่นวายที่เกิดจากการชุมนุมประท้วงและไม่พอใจของชาวบ้านที่ไม่เห็นด้วยในการทำนาเกลือ เป็นการกระทำตามอำนาจหน้าที่แม้มีความเสียหายบ้างก็เป็นผลธรรมดาของการรื้อถอน ไม่มีความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ คำพิพากษาฏีกา ๔๑๖/๒๕๔๖
๕.ต่างพิพาทเรื่องกรรมสิทธิ์ระหว่างโจทก์จำเลย จำเลยเข้าใจโดยสุจริตว่าเป็นที่ของจำเลย จึงไม่มีความผิดฐานบุกรุก ต้นไม้และกอไผ่ในที่พิพาทขึ้นเองตามธรรมชาติ การที่จำเลยแผ้วถางเพื่อครอบครอง ไม่เป็นความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ คำพิพากษาฏีกา ๑๘๑๙/๒๕๓๗
๖.ยิงล้อรถเพื่อให้รถหยุดเพื่อเข้าทำการจับกุม เป็นการใช้อำนาจและพฤติการณ์ที่เหมาะสมในการจับกุมไม่มีความผิดฐานทำให่เสียทรัพย์ คำพิพากษาฏีกา ๖๙๙/๒๕๐๒
ข้อสังเกต ๑.จำเลยใช้ทางเดินในที่ดินของโจทก์ออกสู่ทางสาธารณะเกิน ๑๐ ปี โจทก์รู้ก็ไม่ได้ทักท้วงหรือหวงกันแต่อย่างใด ไม่เคยฟ้องร้องดำเนินคดี หรือปิดกั้นทางดังกล่าว แต่ยอมให้จำเลยและครอบครัวใช้ทางดังกล่าวมาเกิน ๑๐ ปี จำเลยเดินผ่านที่ดินของโจทก์เพื่อเข้าออกบ้านของตนโดยสงบ เปิดเผย เจตนาเป็นเจ้าของ ที่ดินของโจทก์จึงต้องตกอยู่ในภารจำยอมที่ต้องรับกรรมซึ่งกระทบถึงทรัพย์สินในที่ดินของโจทก์ เพื่อประโยชน์แก่จำเลยผู้ใช้อสังหาริมทรัพย์อื่นตาม ป.พ.พ. มาตรา ๑๓๘๗ ทั้งบริเวณที่เดินผ่านย่อมเป็นทางจำเป็นที่จำเลยจะเข้าออกได้เพราะที่ดินจำเลยถูกที่ดินแปลงอื่นล้อมอยู่จนไม่มีทางออกสาธารณะได้ เจ้าของที่ดินสามารถผ่านที่ดินที่ล้อมอยู่ไปสู่ทางสาธารณะได้ โดยวิธีผ่านต้องเลือกให้พอจำเป็นของจำเลยผู้มีสิทธิ์ที่จะผ่าน โดยให้คำนึงถึงโจทก์เจ้าของที่ดินที่ล้อมอยู่ให้เสียหายน้อยที่สุด และต้องใช้ค่าทดแทนแก่เจ้าของที่ดินที่ล้อมอยู่ ตาม ป.พ.พ. มาตรา ๑๓๔๙
๒.จำเลยจึงได้รื้อเฉพาะตรงที่เคยเป็นช่องประตูเข้าออกบ้านเพื่อเดินออกบ้านจำเลยดังเดิม ไม่ได้รื้อให้กว้างกว่าเดิม แสดงให้เห็นว่าใช้สิทธิ์โดยสุจริต เข้าใจว่าตนเองมีสิทธิ์ทำได้ การที่โจทก์ใช้สิทธิ์ของตนในการรื้อรั่วแล้วทำรั้วใหม่เป็นเหตุให้จำเลย เจ้าของอสังหาริมทรัพย์ข้างเคียงที่ไม่มีทางออกสู่ทางสาธารณะได้เพราะที่ดินจำเลยโดนปิดล้อม ทั้งการสร้างกำแพงปิดทับบริเวณที่จำเลยและครอบครัวเคยใช้สิทธิ์ในการผ่านเข้าออกย่อมเป็นเหตุให้จำเลยได้รับความเสียหายหรือเดือดร้อนเกินที่ควรคิดหรือคาดหมายได้ว่าจะเป็นไปตามปกติ และเหตุอันควร เมื่อเอาสภาพตำแหน่งที่ตั้งแห่งที่ดินมาประกอบ จำเลยเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ข้างเคียงย่อมมีสิทธิ์ที่จะปฏิบัติการตามความจำเป็นเพื่อยังความเสียหายหรือเดือดร้อนนั้นให้สิ้นไปได้ ตาม ป.พ.พ. มาตรา ๑๓๓๗ การรื้อรั่วเพื่อให้มีทางเข้าออกตรงบริเวณเดิมที่เคยเข้าออกเป็นการปฏิบัติการตามความจำเป็นเพื่อยังความเสียหายหรือเดือดร้อนนั้นให้สิ้นไป การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์
๒.ตามข้อ ๒. ลำพังเพียงถอนเสารั่วออกมากองเพื่อใช้ทางเดินตามปกตินั้น ลำพังเพียงการถอนเสารั่ว ไม่ได้ทำให้เสียหาย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่า ทำให้ไร้ประโยชน์ซึ่งเสารั่วดังกล่าว การที่จะเป็นความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ผู้กระทำต้องมีเจตนาทำให้ทรัพย์ของผู้อื่นเสียหาย ทั้งเจตนาที่ถอนเสารั่วเพื่อจะสามารถเดินผ่านทางได้เท่านั้นไม่มีเจตนาทำให้เสารั่วดังกล่าวได้รับความเสียหายแต่อย่างไร จึงไม่เป็นความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์
๓.ตามข้อ ๓ นั้น ป.พ.พ. มาตรา ๑๓๔๔ กฎหมายให้สันนิษฐานว่า รั่ว กำแพง รั้วต้นไม้ คู ซึ่งหมายเขตที่ดินนั้น ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นของเจ้าของที่ดินร่วมกัน แต่หากว่าสามารถรู้ได้แน่ชัดว่าเป็นของใครสร้างก็ย่อมเป็นของคนๆนั้น รั่วเดิมมีสภาพเป็นรั่วลวดหนามการป้องกันคนหรือสัตว์ไม่ให้บุกรุกเข้ามาในที่ของตนย่อมกระทำได้ไม่ดีเท่ารั่วกำแพงอิฐบล็อกซึ่งมีสภาพแน่นหนาถาวร ใช้ในการป้องกันคนหรือสัตว์ไม่ให้เข้ามาในที่ดินของตนได้ดีกว่ารั่วลวดหนามที่มีสภาพเก่าและสร้างมานานแล้ว เป็นประโยชน์ทั้งแก่โจทก์และจำเลยในการป้องกันคนบุกรุกทั้งยังให้ความเป็นส่วนตัวในการกระทำในบริเวณบ้านของตัวเองดีกว่ารั่วลวดหนามที่โปร่งสามารถมองผ่านเห็นกิจกรรมที่บางครั้งต้องการความเป็นส่วนตัวได้ ทั้งรั่วและเสาก็มีสภาพเก่าจำชำรุดเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ทั้งเมื่อมีการรื้อรั่วและลวดหนามก็กระทำไปด้วยความระมัดระวังไม่ให้ก่อความเสียหายแก่รั่วและลวดหนามดังกล่าว การกระทำดังกล่าวยังไม่เป็นการกระทำให้รั่วและลวดหนามได้รับความเสียหาย เสื่อมค่า ไร้ประโยชน์แต่อย่างใด จึงไม่เป็นความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์
๔.ตามข้อ ๔ เป็นการกระทำไปภายในอำนาจหน้าที่ที่มีอยู่เพื่อระงับเหตุร้ายและความวุ่นวายที่เกิดจากการไม่พอใจของชาวบ้านที่มาประท้วงโรงงานของโจทก์ การรื้อถอนย่อมมีความเสียหายบ้าง แต่เมื่อไม่ได้มีเจตนาต้องการให้เกิดความเสียหาย แต่มีเจตนาต้องการระงับความวุ่นวายที่เกิดจากการชุมนุมและเป็นการกระทำที่มีกฎหมายให้อำนาจจำเลยในฐานะเจ้าพนักงานตรวจโรงงานที่จะสามารถกระทำได้ เมื่อไม่ได้กระทำการใดเกินเลยไปกว่าที่กฎหมายให้อำนาจไว้ การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์
๕.ตามข้อ ๕.นั้นยังมีกรณีพิพาทกันในเรื่องกรรมสิทธิ์ในที่พิพาทว่าเป็นของใคร ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าเป็นที่ของโจทก์หรือไม่ จำเลยเข้าใจโดยสุจริตว่าเป็นที่ของตนจึงได้เข้าไปแผ้วถางต้นไม้ในที่ดังกล่าว เมื่อจำเลยเข้าใจโดยสุจริตว่าเป็นที่ของตนจึงถือไม่ได้ว่าจำเลยประสงค์ต่อผลหรือเล็งเห็นผลว่าการที่ตนเข้าไปในที่ดังกล่าวเพื่อถือการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ทั้งหมดหรือแต่บางส่วนหรือ เป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของผู้อื่นโดยปกติสุข ถือไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาบุกรุกที่ของโจทก์ การกระทำของจำเลยไม่มีความผิดฐานบุกรุก
ส่วนต้นไม้และกอไผ่ซึ่งเป็นไม้ยืนต้นมีอายุเกินกว่า ๓ ปีเป็นไม้ยืนต้นที่โดยสภาพแห่งทรัพย์หรือโดยจารีตประเพณีแห่งท้องถิ่นอันเป็นอยู่แห่งทรัพย์นั้น ไม่สามารถแยกออกจากกันได้นอกจากทำลาย ทำให้ทรัพย์บุบสลายหรือเปลี่ยนแปลงรูปทรง ต้นไม้และกอไผ่ย่อมเป็นส่วนควบของที่ดิน เจ้าของที่ดินย่อมเป็นเจ้าของส่วนควบในต้นไม้ที่ติดกับที่ดินนั้นตาม ป.พ.พ. มาตรา ๑๔๔,๑๔๕ เมื่อยังไม่ปรากฏชัดว่าที่พิพาทเป็นของใครยังมีการโต้แย้งกันอยู่จึงไม่อาจทราบได้ว่าใครเป็นเจ้าของที่ดินที่จะเป็นเจ้าของต้นไม้และกอไผ่อันเป็นส่วนควบของที่ดินที่จะตกแก่เจ้าของที่ดิน ดังนั้น การที่จำเลยแผ้วถางตัดฟันต้นไม้และกอไผ่จึงไม่เป็นความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์
๖.ตามข้อ ๖.นั้น การจับกุมนั้นหากผู้จะถุกจับกุมหลบหนีหรือพยายามหลบหนี ผู้จับกุมสามารถใช้วิธีการทั้งหลายตามที่เหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งเรื่องในการจับกุม ตาม ป.ว.อ. มาตรา๘๓วรรคท้าย การใช้ปืนยิงไปที่ล้อเพื่อให้ยางแตกเป็นวิธีการที่เหมาะสมตามรูปคดีแห่งพฤติการณ์ในการจับกุม เพื่อไม่ให้หลบหนีและสามารถจับกุมตัวได้ ไม่ได้มีเจตนาประสงค์ต่อผลหรือเล็งเห็นผลในการทำให้ล้อรถได้รับความเสียหาย ทำให้เสื่อมค่า ทำให้ไร้ประโยชน์ คือ ไม่มีเจตนาทำให้เสียทรัพย์แก่ล้อรถ แต่การที่ยิงเพื่อต้องการให้รถที่ขับหลบหนีไม่สามารถขับหลบหนีต่อไปได้ จึงไม่มีความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ แต่หากยิงล้อแล้วกระสุนไปถูกคนเพราะยิงไม่แม่นก็ย่อมเล็งเห็นผลได้เช่นกันว่า รถที่วิ่งอยู่หากยิงไม่แม่นอาจถูกคนด้วยจึงต้องถือมีเจตนาฆ่าโดยเจตนาเล็งเห็นผลได้เช่นกัน เพราะลำพังการหลบหนีการจับกุมผู้จับกุมไม่มีอำนาจทีึ่จะยิงผุ้ที่หลบหนีได้ เว้นเสียแต่ผู้หลบหนีใช้อาวุธยิงผู้จับกุมและผู้จับกุมจำเป็นต้องป้องกันตัวโดยการยิงตอบ

ไม่มีความคิดเห็น: