ค้นหาบล็อกนี้

วันอาทิตย์ที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2559

“ผู้เสียหายหรือไม่”

๑.ผู้รับมอบอำนาจช่วงจากผู้เสียหายว่าจ้างจำเลยให้บันทึกเพลงของผู้เสียหายลงแผ่นซีดี อันเป็นการก่อให้จำเลยทำซ้ำซึ่งงานดนตรีกรรม สิ่งบันทึกเสียงและโสตทัศนวัสดุอันมีงานลิขสิทธิ์ของผู้เสียหาย จำเลยไม่ได้กระทำความผิดโดยทำซ้ำงานอันมีลิขสิทธิ์อยู่ก่อนแล้ว แล้วนำแผ่นซีดีที่ละเมิดลิขสิทธิ์ออกขายแก่นาย ร. ผู้ล่อซื้อ นาย ร. เป็นผู้ก่อให้จำเลยกระทำการละเมิดลิขสิทธิ์ เพื่อให้เจ้าพนักงานจับจำเลยมาดำเนินคดี ผู้เสียหายจึงไม่ใช่ผู้เสียหายโดยนิตินัยที่จะร้องทุกข์ดำเนินคดีแก่จำเลยได้ แผ่นซีดีและวีดีโอเทปบันทึกเหตุการณ์ลงแผ่นซีดี เป็นพยานหลักฐานที่เกิดขึ้นโดยไม่ชอบ เป็นพยานหลักฐานที่ได้มาเนื่องจากการกระทำผิดโดยไม่ชอบ ต้องห้ามไม่ให้รับฟังเป็นพยานหลักฐานพิสูจน์การกระทำผิดจำเลย คำพิพากษาฏีกา ๙๖๐๐/๒๕๕๔
๒.จ้างนักสืบไปล่อซื้อโปรแกมคอมพิวเตอร์โดยไปติดต่อซื้อคอมพิวเตอร์โดยมีข้อตกลงว่า จำเลยต้องแถมโปรแกมคอมพิวเตอร์ของผู้เสียหายแก่สายลับด้วย การกระทำผิดจำเลยเกิดจากการล่อซื้อของสายลับ ไม่ได้ทำขึ้นโดยผู้กระทำมีเจตนากระทำผิดอยู่ก่อนการล่อซื้อ เท่ากับโจทก์เป็นผู้ก่อให้ผู้อื่นกระทำผิด ย่อมไม่อยู่ในฐานะผู้เสียหายโดยนิตินัย ไม่มีอำนาจฟ้อง คำพิพากษาฏีกา ๔๐๓๑/๒๕๔๓
๓.ผู้เสียหายใช้ให้ อ. ซื้อแผ่นซีดีละเมิดลิขสิทธิ์จากตลาดนัดให้ เพื่อจะได้หลักฐานในการกระทำผิด โดยไม่ปรากฏว่าจำเลยมีพฤติการณ์เกี่ยวข้องการละเมิดลิขสิทธิ์เพื่อการค้าด้วยความสมัครใจของตนมาก่อน และพร้อมที่จะจัดหาแผ่นซีดีละเมิดลิขสิทธิ์เพื่อการค้าด้วยความสมัครใจของตนก่อน และพร้อมที่จะจัดหาแผ่นซีดีละเมิดลิขสิทธิ์ดังกล่าวทันที การที่ผู้เสียหายดำเนินการแสวงหาหลักฐานด้วยตนเองแล้วมาแจ้งความร้องทุกข์แล้วนำตำรวจมาจับกุมจำเลย เป็นกรณีที่ผู้เสียหายจูงใจหรือก่อให้จำเลยกระทำความผิด ไม่ใช่ผู้เสียหายตามกฎหมาย คำพิพากษาฏีกา ๔๐๗๗/๒๕๔๙
๔.จำเลยมีพฤติการณ์ละเมิดลิขสิทธิ์โปรแกมคอมพิวเตอร์ของโจทก์อยู่ก่อนแล้ว โจทก์ส่งสายลับไปล่อซื้อและจับจำเลยมาดำเนินคดี มิใช่เป็นการก่อให้จำเลยกระทำผิด แต่เป็นการดำเนินการเพื่อจับกุมปราบปรามผู้กระทำผิด เป็นการกระทำที่ชอบด้วยกฎหมาย โจทก์เป็นผู้เสียหายโดยนิตินัยมีอำนาจร้องทุกข์ และศาลมีอำนาจรับฟังพยานหลักฐานที่เกิดจากการล่อซื้อได้ คำพิพากษาฏีกา ๔๑๒/๒๕๔๕
๕.ตำรวจให้สายลับนำเงินไปล่อซื้อยาเสพติดจากจำเลยไม่เป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย ไม่ได้ผิดศีลธรรมและคลองธรรม มิใช่การใส่ร้ายป้ายสีหรือยัดเยียดความผิดให้จำเลย หากจำเลยไม่ได้มียาเสพติดไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่าย เมื่อสายลับไปซื้อยาเสพติดให้โทษจากจำเลย จำเลยย่อมไม่มียาเสพติดให้โทษจำหน่ายให้กับสายลับ ความผิดย่อมไม่อาจเกิดขึ้นได้ การกระทำของพนักงานเป็นเพียงวิธีพิสูจน์ความผิดของจำเลย ไม่เป็นการแสวงหาพยานหลักฐานโดยไม่ชอบ ไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชน รับฟังลงโทษจำเลยได้ คำพิพากษาฏีกา ๕๙/๒๕๕๒
ข้อสังเกต ๑.ความผิดตามพรบ.ลิขสิทธิ์เป้นความผิดต่อส่วนตัว ซึ่งผู้ที่ได้รับความเสียหายเท่านั้นจึงจะสามารถแจ้งความร้องทุกข์หรือฟ้องร้องได้ เจ้าหน้าที่ไม่สามารถหยิบยกคดีดังกล่าวขึ้นมาว่ากล่าวเองได้ไม่ พรบ.ยาเสพติดให้โทษเป็นความผิดที่เป็นอาญาแผ่นดิน ถือแผ่นดินเป็นผู้เสียหาย เจ้าพนักงานสามารถแจ้งความกล่าวโทษหรือแจ้งความร้องทุกข์ได้
๒ . ผู้เสียหายที่จะสามารถแจ้งความร้องทุกข์หรือฟ้องร้องคดีได้นั้นต้องได้รับความเสียหายจากการกระทำความผิดอาญาฐานใดฐานหนึ่งคือเป็นผู้เสียหายโดยพฤตินัยคือได้รับความเสียหายตามความเป็นจริง และต้องไม่มีส่วนร่วมในการกระทำผิด ไม่ว่าเป็นตัวการร่วม เป็นผู้สนับสนุนหรือเป็นผู้ใช้ให้ผู้อื่นกระทำความผิดด้วย คือนอกจากเป็นผู้เสียหายโดยพฤตินัยแล้วต้องเป็นผู้เสียหายโดยนิตินัยด้วยจึงมีอำนาจในการแจ้งความร้องทุกข์และฟ้องคดีได้
๓.ตามข้อ ๑. จำเลยไม่ได้กระทำความผิดโดยทำซ้ำงานอันมีลิขสิทธิ์อยู่ก่อนแล้ว แล้วนำแผ่นซีดีที่ละเมิดลิขสิทธิ์ออกขายแก่ ผู้ล่อซื้อ แต่ผู้ล่อซื้อเป็นผู้ก่อให้จำเลยกระทำการละเมิดลิขสิทธิ์ เพื่อให้เจ้าพนักงานจับจำเลยมาดำเนินคดี ผู้เสียหายจึงไม่ใช่ผู้เสียหายโดยนิตินัยที่จะร้องทุกข์ดำเนินคดีแก่จำเลยได้ ส่วนในข้อ ๒.ก็เช่นกันมีการล่อซื้อโดยขอซื้อคอมพิวเตอร์แต่มีเงื่อนไข จำเลยต้องแถมโปรแกมคอมพิวเตอร์ของผู้เสียหายแก่สายลับด้วย การกระทำผิดจำเลยเกิดจากการล่อซื้อของสายลับ ไม่ได้ทำขึ้นโดยจำเลยมีเจตนากระทำผิดอยู่ก่อนการล่อซื้อ เท่ากับโจทก์เป็นผู้ก่อให้ผู้อื่นกระทำผิด ย่อมไม่อยู่ในฐานะผู้เสียหายโดยนิตินัย ไม่มีอำนาจฟ้อง นั้นก็คือ การไปสั่งให้เขาทำผิดกฎหมาย สั่งให้เขากระทำการละเมิดลิขสิทธิ์ของตนแล้วจะมาจับกุมดำเนินคดีกับเขาไม่ได้
๔.พยานหลักฐานที่เกิดจากการล่อซื้อ ไม่ว่าเป็นแผ่นซีดีที่ลงข้อความละเมิดลิขสิทธิ์หรือเทปบันทึกภาพการล่อซื้อเป็นพยานหลักฐานที่ได้มาโดยไม่ชอบด้วยกฏหมายเพราะเป็นการใช้ให้ผู้อื่นกระทำความผิด ใช้ให้ผู้อื่นละเมิดลิขสิทธิ์ของตนเพื่อจะเข้าทำการจับกุม จึงไม่อาจใช้พยานหลักฐานดังกล่าวมารับฟังลงโทษจำเลยได้ เพราะผู้เสียหายก็มีส่วนผิดในการก่อให้ผู้อื่นกระทำความผิดด้วยการใช้ให้ผู้อื่นกระทำความผิด
๕.ส่วนตามข้อ ๔.แม้จะมีการล่อซื้อเพื่อให้กระทำผิดละเมิดลิขสิทธิ์ แต่ปรากฏว่า จำเลย “มีพฤติการณ์ละเมิดลิขสิทธิ์อยู่ก่อนแล้ว” แม้โจทก์ไม่ล่อซื้อ จำเลยก็พร้อมขายสินค้าที่ละเมิดลิขสิทธิ์หรือกระทำการละเมิดลิขสิทธิ์อยู่แล้ว การล่อซื้อจึงไม่ใช่การก่อให้จำเลยทำการละเมิดลิขสิทธิ์แต่อย่างใดไม่ จึงเป็นผู้เสียหายโดยนิตินัย และพยานหลักฐานที่เกิดจากการล่อซื้อศาลสามารถนำมารับฟังพยานหลักฐานที่เกิดจากการล่อซื้อมารับฟังลงโทษจำเลยได้
๖.ตามข้อ ๕. นั้นเป็นการกระทำความผิดตามพรบ.ยาเสพติดให้โทษซึ่งเป็นความผิดอาญาแผ่นดิน ไม่ใช่ความผิดฐานละเมิดลิขสิทธิ์ซึ่งเป็นความผิดต่อส่วนตัว การมียาเสพติดไว้ในครอบครองก็เป็นความผิดตามกฎหมาย และหากมีไว้ในครอบครองเกิน ๑๕ หน่วยการใช้(เช่น ๑๕ เม็ด) กฎหมายสันนิษฐานว่ามีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายเป็นภาระจำเลยต้องนำสืบแก้ว่าไม่ได้ครอบครองเพื่อจำหน่าย แต่ครอบครองเพื่อเสพ การที่มียาเสพติดให้โทษไว้ในความครอบครองเป็นความผิดตามกฏหมาย แต่การมีแผ่นซีดีหรือโปรแกมลิขสิทธิ์อาจเป็นความผิดตามกฏหมายหรือไม่ก็ได้ เช่นซื้อแผ่นซีดีลิขสิทธิ์ไว้ในครอบครองเพื่อการบันเทิงไม่เป็นความผิดตามกฏหมาย แต่การซื้อแผ่นซีดีที่ถูกต้องตามลิขสิทธิ์ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อทำซ้ำเพื่อขายต่อโดยไม่ได้รับอนุญาต จึงเห็นได้ว่า การมีไว้ซึ่งสินค้าที่ละเมิดลิขสิทธิ์อาจเป็นความผิดตามกฎหมายหรือไม่เป็นความผิดตามกฎหมายก็ได้ แต่การมียาเสพติดให้โทษไว้ในความครอบครองเป็นความผิดตามกฎหมาย ดังนั้นการที่ศาลมีคำวินิจฉัยว่าการให้สายลับล่อซื้อยาเสพติดจากจำเลยไม่เป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย ไม่ได้ผิดศีลธรรมและคลองธรรม มิใช่การใส่ร้ายป้ายสีหรือยัดเยียดความผิดให้จำเลย หากจำเลยไม่ได้มียาเสพติดไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายแล้วก็ไม่สามารถจำหน่ายยาเสพติดได้ การล่อซื้อยาเสพติดจึงไม่ใช่การใส่ร้ายป้ายสีหรือยัดเยียดความผิดให้จำเลย หากจำเลยไม่ได้มียาเสพติดไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่าย เมื่อสายลับไปซื้อยาเสพติดให้โทษจากจำเลย จำเลยย่อมไม่มียาเสพติดให้โทษจำหน่ายให้กับสายลับ ความผิดย่อมไม่อาจเกิดขึ้นได้ การกระทำของพนักงานเป็นเพียงวิธีพิสูจน์ความผิดของจำเลย ไม่เป็นการแสวงหาพยานหลักฐานโดยไม่ชอบ ไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชน รับฟังลงโทษจำเลยได้ เพราะยาเสพติดมีราคาแพง การได้มาไว้ในความครอบครองต้องใช้เงิน ยาเสพติดจึงเป็นบ่อเกิดให้เกิดอาชญากรรมอื่นตามมาเพื่อให้ได้เงินมาซื้อยาเสพติด เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ทำให้พลเมืองของประเทศไม่มีสมรรถภาพในการทำงาน ทำให้ครอบครัวแตกแยกเพราะมัวแต่เอาเงินไปซื้อยาเสพติด ทำให้เงินใช้จ่ายในครอบครัวไม่มีพอใช้จ่าย เกิดปัญหาทะเลาะวิวาทในครอบครัวหรือเมื่อเสพยาเสพติดแล้วอาจมีอาการคลุ้มคลั่งทำร้ายร่างกายตัวเองหรือจับบุคคลอื่นเป็นตัวประกันได้ ปัญหาเรื่องการกระทำผิดตามพรบ.ยาเสพติดจึงร้ายแรงกว่าการกระทำผิดตามพรบ.ลิขสิทธิ์ ฯ ศาลจึงมองว่า การล่อซื้อเป็นเพียงวิธีการหนึ่งที่จะนำมาเพื่อพยานหลักฐานที่จะนำจำเลยมาลงโทษได้ เพราะหากศาลยกฟ้องโดยมองว่า เป็นพยานหลักฐานที่ได้มาโดยไม่ชอบ เป็นการก่อหรือใช้ให้ผู้อื่นกระทำความผิดแล้วยกฟ้องไป ความเสียหายย่อมเกิดแก่สังคมส่วนรวม ไม่ใช่เกิดแก่บุคคลใดบุคคลหนึ่งเหมือนความผิดฐานละเมิดลิขสิทธิ์ซึ่งความเสียหายตกอยู่แก่เจ้าของลิขสิทธิ์เท่านั้น

ไม่มีความคิดเห็น: