- ชักเหล็กขูดชารฟท์ปลายแหลม ๖ นิ้วออกจากเอวจ้วงจะแทงที่หน้าอก ผู้เสียหายใช้แขนขวาปัดเป็นเหตุให้ถูกข้อมือผู้เสียหาย จำเลยเข้าประชิดตัวผู้เสียหาย เงื้อเหล็กขูดชารฟท์จะแทงซ้ำ ผู้เสียหายใช้สองมือจับเหล็กขูดชารฟท์ไว้ จำเลยพยายามดันเหล็กขูดชารฟท์แทงผู้เสียหาย เห็นว่า เหล็กขูดชารฟท์เป็นวัตถุที่มีคมถึง ๓ คม เฉพาะที่มีคมยาว ๖ นิ้ว ถือเป็นอาวุธร้ายแรง การที่ตั้งใจแทงที่หน้าอกที่เป็นอวัยวะสำคัญ เมื่อแทงครั้งแรกผู้เสียหายเอามือปัด ก็ได้เข้ามาแทงซ้ำอีกครั้ง ย่อมเล็งเห็นผลการกระทำของจำเลยได้ว่าอาจทำให้ผู้เสียหายถึงแก่ความตายได้ พฤติการณ์ฟังได้ว่ามรีเจตนาฆ่า แต่การกระทำไม่บรรลุผลโดยแทงไม่ถูกอกผู้เสียหาย ผิดฐานพยายามฆ่า(คำพิพากษาศาลฏีกา ๑๙๑๖/๒๕๓๓)
- มีดพกปลายแหลมยาว ๑ คืบเศษ แทงชายโครง ๑ ที โดยมีโอกาสเลือกแทงและจะแทงซ้ำ แต่ผู้เสียหายหนีทันและแพทย์รักษาได้ทันท่วงที ถือเป็นพยายามฆ่า(คำพิพากษาศาลฏีกา ๗๓๖/๒๕๒๑)
- มีดสปาต้ายาว ๑ ฟุตเป็นมีดขนาดใหญ่ที่อาจใช้ฟันทำอันตรายผู้อื่นถึงแก่ความตายได้ ฟันที่บริเวณศรีษะซึ่งเป็นอวัยวะสำคัญ จนกระโหลกศรีษะแตกยุบสมองฉีกขาด แสดงว่าฟันโดยแรง เป็นการเลือกฟันส่วนสำคัญของร่างกายแพทย์ยืนยันว่าบาดแผลต้องรับการรักษาอย่างทันท่วงทีหากล่าช้าอาจถึงแก่ความตายได้เนื่องจากเลือดออกมาก บาดแผลติดเชื้อเข้าไปในสมอง มีเลือดคั่งในสมองมาก แม้จะฟันเพียงครั้งเดียว ย่อมเล็งเห็นผลได้ว่าผู้เสียหายอาจถึงแก่ความตายได้ หากไม่ได้รักษาทันท่วงที ถือมีเจตนาฆ่า(คำพิพากษาศาลฏีกา๓๗๕๙/๒๕๕๐)
- ใช้มีดอีโต้ทำครัวขนาดใหญ่ เลือกฟันที่ศรีษะ ลำคอ กลางหลัง ซึ่งเป็นอวัยวะสำคัญจนเป็นแผลฉกรรจ์ หากรักษาไม่ทันอาจตายได้ ย่อมเล็งเห็นผลได้ว่าการกระทำของจำเลยอาจทำให้ผู้เสียหายตายได้ พฤติการณ์ชี้ว่ามีเจตนาฆ่า แม้เมื่อผู้เสียหายหมดสติไปจะไม่ได้ฟันซ้ำอีกก็ตาม(คำพิพากษาศาลฏีกา ๑๓๓๒/๒๕๕๓)
- เหล็กแหลมที่ใช้แทง เป็นเครื่องมือในการเจาะปล่อยลมยาง แม้ไม่มีความคมแต่มีลักษณะแหลมยาว ๑๒ เซ็นติเมตร จ้วงแทงไปที่ช่องท้องผู้เสียหายซึ่งเป็นจุดอ่อนของร่างกาย แม้จะแทงไปทีเดียว หากผู้เสียหายไม่ได้ถือแฟ้มเอกสารอยู่ที่มือหรือยกแขนขึ้นปิดกั้นได้ทันแล้ว เชื่อว่าเหล็กแหลมจะทะลุเข้าช่องท้องผู้เสียหาย ทำอันตรายต่ออวัยวะสำคัญในช่องท้อง ประกอบกับบาดแผลผู้เสียหายได้รับขนาดถึงกระดูกแขนขวาหัก แสดงว่าแทงผู้เสียหายที่ช่องท้องโดยแรง จำเลยย่อมเล็งเห็นผลการกระทำของจำเลยได้ว่า เหล็กแหลมอาจทะลุถูกช่องท้องไปถูกอวัยวะต่างๆภายในช่องท้องซึ่งเป็นอวัยวะสำคัญของร่างกายและผู้เสียหายอาจตายได้ พฤติการณ์ดังกล่าวแสดงว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าหาใช่เพียงมีเจตนาทำร้ายไม่(คำพิพากษาศาลฏีกา ๒๗๔๖/๒๕๕๓)
- จำเลยกลับมาบ้านมานั่งคิดแค้นอยู่ ๒ ชั้วโมง จึงไปทำร้ายผู้ตายในขณะที่นอนหลับในยามวิกาลและดึกสงัดโดยใช้มีดโต้ขนาดใหญ่ฟันผู้ตายที่ศรีษะ ใบหน้า ลำคอหลายครั้งซึ่งเป็นอวัยวะสำคัญ หากถูกฟันอย่างแรงครั้งเดียวก็ถึงแก่ความตายแล้ว แม้จะไม่ได้เตรียมมีดมา แต่จำเลยก็เตรียมไฟฉายมาค้นหาอาวุธ ซึ่งจำเลยทราบดีอยู่แล้วว่าที่บ้านที่เกิดเหตุมีมีดโต้ จำเลยใช้มีดโต้ทำร้ายผู้เสียหายและใช้ไฟฉายส่องหาทำร้ายผู้ตายได้ไม่ผิดตัว พฤติการณ์ชี้ชัดว่า มีเจตนาฆ่าผู้เสียหายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน(คำพิพากษาศาลฏีกา ๘๑/๒๕๕๔)
- ปืนเป็นอาวุธร้ายแรง สามารถทำอันตรายชีวิตได้ การใช้ปืนยิงในระยะใกล้ชิด ย่อมเล็งเห็นได้ว่าผู้เสียหายอาจถึงแก่ความตายได้ จึงเป็นกากรกระทำโดยเจตนาฆ่า(คำพิพากษาศาลฏีกา ๑๘๐/๒๕๕๔)
- ใช้ปืนยิงในระยะ ๑ เมตร จำนวน ๒ นัด ซึ่งเป็นระยะใกล้ แพทย์ผ่าเอาหัวกระสุนออกจากท้ายทอย ต้องพักรักษาตัวในโรงพยาบาล ๖ วัน แพทย์ให้ความเห็นว่า ควรหยุดงาน ๘ วัน บาดแผลที่ได้รับไม่รุนแรงนัก แม้ยิงในระยะใกล้ แสดงว่าอาวุธที่ใช้ยิงไม่มีประสิทธิภาพ ไม่สามารถทำให้ถึงแก่ความตายได้ ผิดพยายามฆ่าผู้อื่นที่ไม่สามารถบรรลุผลได้โดยแน่แท้ เพราะเหตุปัจจัยที่ใช้ในการกระทำผิด(คือปืนไม่มีประสิทธิ์ภาพ) (คำพิพากษาศาลฏีกา ๒๒๔๙/๒๕๕๔)
- แม้จะยิงโดยไม่ประสงค์ผลต่อความตาย เพราะยิงในขณะมึนเมาสุรา โดยไม่มีสาเหตุโกรธเคืองกันมาก่อน แต่การที่ยกปืนขึ้นเล็งแล้วยิงผู้เสียหายในระยะกระชั้นชิด ย่อมเล็งเห็นผลได้ว่า กระสุนจะต้องไปถูกผู้เสียหาย จะอ้างความมึนเมาเป็นข้อแก้ตัวให้พ้นผิดไม่ได้(คำพิพากษาศาลฏีกา ๒๔/๒๕๓๓)
- ขี้นนกปืนปืนเล็งไปที่หน้าอก ในระยะ ๑ เมตรเศษ มีคนเข้ามาจับมือกดต่ำ ปืนลั่นถูกผู้อื่นที่เท้า ถือมีเจตนาฆ่าแล้ว(คำพิพากษาศาลฏีกา๘๗๐/๒๕๒๖)
- ยิงผู้เสียหายระดับเอวห่าง ๑ วา เศษ กระสุนถูกพวกผู้เสียหายที่เท้า เพราะปืนลูกซองมีแรงสบัดมาก เมื่อยิงระดับเอววิถีกระสุนอาจถูกเท้าได้ ถือมีเจตนาฆ่า(คำพิพากษาศาลฏีกา ๙๒๖/๒๕๒๐)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น