ค้นหาบล็อกนี้

วันพฤหัสบดีที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2559

"วางเพลิง"

นำน้ำมันเครื่องเก่า(น้ำมันขี้โล้)เทราดรอบบ้านผู้เสียหายแล้วจุดไฟ ไฟลุกติดที่ฝาบ้าน แต่ผู้เสียหายสามารถดับได้ทัน เป็นความผิดสำเร็จแล้ว ชี้ขาดให้ฟ้องฐานวางเพลิงเผาทรัพย์โรงเรือนที่คนอยู่อาศัย ชี้ขาดความเห็นแย้ง ๑๒๐/๒๕๕๒
ข้อสังเกต ๑. การวางเพลิงเผาทรัพย์ความผิดสำเร็จนับแต่เมื่อวางเพลิงแล้วไฟลุกติดที่โรงเรือนแล้ว แม้ผู้เสียหายหรือบุคคลอื่นจะดับทันก็ไม่ทำให้เป้นความผิดฐานพยายามวางเพลิงเผาทรัพย์ได้ หรือแม้แต่ผู้ต้องหาจะมาดับไฟเสียเองก็ไม่ทำให้เป็นความผิดฐานพยายาม เพราะความผิดสำเร็จไปแล้วนับแต่ไฟลุกติดโรงเรือนส่วนการยับยั้งไม่ให้ไฟไหม้มากไปกว่านี้ เป็นเพียงการบรรเทาผลร้ายของการกระทำ เพื่อเป็นดุลพิินิจในการลงโทษของศาลเท่านั้น กรณีนี้ไม่ใช่การลงมือกระทำความผิดแต่กระทำการไม่ตลอดแต่อย่างใดไม่
๒. สมมุติว่าผู้ต้องหามาดับไฟ เมื่อความผิดสำเร็จไปแล้วจึงไม่ใช่การพยายามกระทำความผิด เมื่อไม่ใช่การพยายามกระทำความผิดแม้จะมายับยั้งเสียเองไม่กระทำการให้ตลอดหรือกลับใจแก้ไขไม่ให้การกระทำนั้นบรรลุผล ก็ไม่ได้รับผลตามกฏหมาย คือจะมายกเป็นข้อต่อสู้ว่าตนกลับใจแก้ไขหรือยับยั้งเสียเองเพื่อไม่ต้องรับโทษไม่ได้
--------
๑.เอาไฟจุดผ้าโยนขึ้นไปบนหลังคาแฝก ไฟยังไม่ไหม้ มีผู้พบเห็นดับเสียก่อน ผิดพยายามวางเพลิง คำพิพากษาฏีกา ๔๔๖/๒๔๘๖
๒.เอาน้ำมันเบนซินเทบนพื้นกระดาน เอากระดาษหนังสือพิมพ์ชุบน้ำมันเบนซินวางตามสถานที่ต่างๆ เพื่อเป็นเชื้อไฟแล้วจุดธุปบนกระดาษห่อดินปืน ไฟยังไม่ไหม้กระดาษดังกล่าว เหลืออีก๑องคฺคุลีจะถึงดินปืน พยายามวางเพลิง คำพิพากษาฏีกา๖๖-๖๗/๒๔๗๑
๓.จุดไฟเผาแล้วนาน ๓ นาที ไฟดับไปเอง ทรัพย์ที่ถูกเผาได้แก่ ประตูครัวหลังบ้านและในบ้าน พื้นบ้าน แค่รอยดำเท่านั้น เป็นพยายามวางเพลิง คำพิพากษาฏีกา ๕๕๔๔/๒๕๓๑
๔.การกระทำที่จะเป็นความผิดฐานวางเพลิงเผาทรัพย์ ไม่หมายความเพียงเอาเพลิงไปวางเท่านั้น หากต้องเป็นการเผาทำให้เกิดเพลิงไหม้ทรัพย์นั้นติดไฟขึ้นด้วย เพียงแต่ทรัพย์มีรอยเกรียมดำแต่ยังไม่ไหม้ไฟ ถือไม่ได้ว่าเป็นความผิดสำเร็จ คงเป็นความผิดฐานพยายามเท่านั้น การที่จำเลยโกรธผู้เสียหาย เนื่องจากถูกผู้เสียหายทำร้ายต่อหน้าบุคคลอื่น จึงบุกรุกเข้าไปในบ้านผู้เสียหาย โดยมีน้ำมันเบนซิน ไม้ขีดไฟและมีดโต้ติดตัวไปด้วย ใช้มีดฟันประตูครัวราดน้ำมันเบนซินใส่และจุดไฟเผา แล้ววิ่งขึ้นชั้นบนราดน้ำมันเบนซินใส่พื้นบ้านจุดไม้ขีดไฟเผาอีกแล้ววิ่งลงมาใช้มีดโต้ฟันทรัพย์สินอื่นในบ้านแตกเสียหาย เป็นการกระทำต่อเนื่องกันโดยมีเจตนาอันแท้จริงที่จะทำลายทรัพย์สินของผู้เสียหายในคราวเดียวกัน แม้จะวางเพลิงและใช้มีดโต้ฟันทำลายทรัพย์สินก็เป็นเพียงใช้วิธีการที่ต่างกันเท่านั้นเป็นการกระทำกรรมเดียว คำพิพากษาฏีกา ๕๕๔๔/๒๕๓๑
๕.การที่จะเป็นความผิดสำเร็จฐานวางเพลิงโรงเรือนไม่ได้หมายความเพียงว่าเอาเพลิงไปวางเท่านั้น หากต้องเป็นการเผาทำให้เกิดเพลิงใหม้โรงเรือนนั้นลุกติดไฟด้วย เพียงแต่ฝาผนังบ้านอันเป็นส่วนหนึ่งของโรงเรือนมีรอบเขม่าดำแต่ยังไม่ไหม้ไฟ ถือไม่ได้ว่าเป็นความผิดสำเร็จ แม้จะมีทรัพย์สินหลายรายการ เช่นเครื่องเรือนลุกไหม้ไป ก็ถือไม่ได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งของโรงเรือน ซึ่งเป็นที่คนอยู่อาศัยได้ถูกไฟไหม้ไปด้วย เป็นความผิดฐานพยายามวางเพลิงโรงเรือน คำพิพากษาฏีกา ๒๘๒๙/๒๕๓๒

ข้อสังเกต ๑.การกระทำที่จะเป็นความผิดฐานวางเพลิงเผาทรัพย์ ไม่หมายความเพียงเอาเพลิงไปวางเท่านั้น หากต้องเป็นการเผาทำให้เกิดเพลิงไหม้ทรัพย์นั้นติดไฟขึ้นด้วย เพียงแต่ทรัพย์มีรอยเกรียมดำแต่ยังไม่ไหม้ไฟ ถือไม่ได้ว่าเป็นความผิดสำเร็จ คงเป็นความผิดฐานพยายามเท่านั้น ดังนั้นการเอาไฟจุดผ้าโยนขึ้นไปบนหลังคาแฝก ไฟยังไม่ไหม้ มีผู้พบเห็นดับเสียก่อน หรือกรณีเอาน้ำมันเบนซินเทบนพื้นกระดาน เอากระดาษหนังสือพิมพ์ชุบน้ำมันเบนซินวางตามสถานที่ต่างๆ เพื่อเป็นเชื้อไฟแล้วจุดธุปบนกระดาษห่อดินปืน ไฟยังไม่ไหม้กระดาษดังกล่าว เหลืออีก๑องคฺคุลีจะถึงดินปืน หรือกรณีจุดไฟเผาแล้วนาน ๓ นาที ไฟดับไปเอง ทรัพย์ที่ถูกเผาได้แก่ ประตูครัวหลังบ้านและในบ้าน พื้นบ้าน แค่รอยดำเท่านั้น เพียงเท่านี้ยังไม่เป็นความผิดสำเร็จ คงเป็นความผิดฐานพยายามวางเพลิงเผาทรัพย์ เพราะยังไม่มีการเผาทำให้เกิดเพลิงไหม้ทรัพย์นั้นลุกติดไฟด้วย ซึ่งตามข้อ ๑. แม้จะจุดไฟโยนขึ้นไปบนหลังคาแฝกแต่ไฟก็ยังไม่ไหม้ เพราะมีคนดับเสียก่อน หรือตามข้อ ๒.ไฟก็ยังไม่ลุกไหม้ห่อกระดาษชุบน้ำมันเชื้อเพลิงที่วางตามที่ต่างๆเพื่อเป็นเชื้อเพลิง หรือในข้อ ๓.ไฟติดเพียง ๓ นาทีแล้วดับไปเองยังไม่ได้เผาไหม้อะไร มีเพียงรอยดำเท่านั้นหรือในข้อ ๕.เพียงแต่ฝาผนังบ้านอันเป็นส่วนหนึ่งของโรงเรือนมีรอบเขม่าดำแต่ยังไม่ไหม้ ไฟ การกระทำดังกล่าวจึงเป็นความผิดฐานพยายามวางเพลิงเผาทรัพย์
๒. ตามข้อ ๒.มีการจุดธูปวางไว้บนห่อกระดาษดินปืน แต่ไฟยังไม่ไหม้ห่อกระดาษที่ชุบน้ำมัน เหลืออีกหนึ่งองค์คุลีจึงถึงดินปืนจึงเป็นกากรกระทำที่เป็นความผิดฐานพยายามวางเพลิง แต่หากยังไม่มีการจุดธูปเป็นเพียงการเอากระดาษชุบน้ำมันวางเรี่ยราดตามที่ต่างๆเพื่อเป็นเชื้อเพลิงเพียงเท่านี้ยังไม่เป็นความผิดฐานพยายามวางเพลิงเผาทรัพย์ มีความผิดฐ่าน “ตระเตรียมวางเพลิง” เพราะผลยังห่างไกลกับการเกิดเพลิงไหม้ แต่อย่างไรก็ดีการตระเตรียมการวางเพลิงเผาทรัพย์ก็ระวางโทษเช่นเดียวกับการพยายามวางเพลิงเผาทรัพย์ตาม ป.อ. มาตรา๒๑๙
๓. การทำให้สิ่งที่ถูกเผาเกิดติดไฟในตัวเอง เช่นเอาน้ำมันราดไปที่ประตูแล้วจุดไฟจนประตูที่ถูกเผาติดไฟแดงขึ้น แม้ไม่ถึงขนาดไม้ที่ถูกเผาจะมีไฟลุกเป็นเปลวไฟให้เห็น แต่ถ้าไฟลุกไหม้แล้ว แม้จะเพียงส่วนหนึ่งส่วนใดของทรัพย์ แม้ต่อมาไฟจะดับเสียก่อนก็เป็นการวางเพลิงเผาทรัพย์สำเร็จ คำพิพากษาฏีกา ๑๐๐๔/๒๔๕๕
๔.ตามข้อ ๔. การ ใช้มีดฟันประตูครัวราดน้ำมันเบนซินใส่และจุดไฟเผา แล้ววิ่งขึ้นชั้นบนราดน้ำมันเบนซินใส่พื้นบ้านจุดไม้ขีดไฟเผาอีกแล้ววิ่งลงมาใช้มีดโต้ฟันทรัพย์สินอื่นในบ้านแตก เสียหาย เป็นการกระทำต่อเนื่องกันโดยมีเจตนาอันแท้จริงที่จะทำลายทรัพย์สินของผู้เสียหายในคราวเดียวกัน แม้จะวางเพลิงและใช้มีดโต้ฟันทำลายทรัพย์สินก็เป็นเพียงใช้วิธีการที่ต่างกันเท่านั้นเป็นการกระทำกรรมเดียว คือ จำเลยมีเจตนาต้องการทำให้ทรัพย์ของผู้เสียหายด้วยวิธีการอันแตกต่างกันคือต้องการทำให้ทรัพย์ผู้เสียหายได้รับความเสียหายด้วยการจุดไฟเผาและต้องการทำให้ทรัพย์ผู้เสียหายเสียหายด้วยการใช้มีดฟันให้ทรัพย์เสียหาย โดยเป็นกากรกระทำต่อเนื่องในคราวเดียวกัน การกระทำดังกล่าวจึงเป็นกรรมเดียวไม่ใช่การกระทำสองกรรมไม่คือ ไม่เป็นความผิดฐานพยายามวางเพลิงหนึ่งกรรม และทำให้เสียทรัพย์อีกหนึ่งกรรม แต่เป็นการกระทำกรรมเดียวผิดกฏหมายหลายบทคือผิดฐานพยายามวางเพลิงและฐานทำให้เสียทรัพย์เป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบทลงบทหนักฐาน พยายามวางเพลิงเผาทรัพย์ซึ่งเป็นบทหนัก ความผิดฐานพยายามวางเพลิงเผาทรัพย์โรงเรือนลงโทษ สองใน สามของความผิดสำเร็จฐานวางเพลิงเผาทรัพย์คือลงโทษ ๒ ใน ๓ ของโทษประหารชีวิต การลงโทษ ๒ ใน ๓ ของความผิดประหารชีวิตคือการลดโทษ ๑ ใน ๓ ของโทษประหารชีวิตซึ่งตาม ป.อ. มาตรา ๕๒(๑) ให้เปลี่ยนโทษประหารชีวิตเป็นโทษจำคุกตลอดชีวิต จึงมีอัตราโทษสูงกว่าความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ซึ่งระวางโทษจำคุกไม่เกิน ๓ ปีหรือปรับไม่เกิน ๖,๐๐๐บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
๕.ตามข้อ ๕.ฝาผนังบ้านมีเพียงรอยเขม่าไหม้ไฟจึงไม่เป็นความผิดฐานวางเพลิงเผาทรัพย์ เป็นเพียงความผิดฐานพยายามเท่านั้น แม้จะมีทรัพย์สินอื่นเสียหาย แต่ทรัพย์สินอื่นก็ไม่ใช่ส่วนหนึ่งของโรงเรือนที่คนอยู่อาศัยแต่อย่างใดไม่ คือทรัพย์สินอื่นที่ไหม้ไฟนั้นว่าโดยสภาพแห่งทรัพย์หรือโดยจารีตประเพณีแห่งท้องถิ่นไม่ใช่สาระสำคัญในความเป็นอยู่แห่งทรัพย์นั้นและไม่สามารถแยกออกจากกันได้นอกจากทำลาย ทำให้บุบบสลายหรือทำให้ทรัพย์เปลี่ยนแปลงรูปทรงหรือเปลี่ยนสภาพไป ทรัพย์สินอื่นนั้นจึงไม่ใช่ส่วนควบของโรงเรือน ทรัพย์ที่ถูกเผาดังกล่าวจึงไม่ใช่โรงเรือนหรือส่วนหนึ่งส่วนใดของโรงเรือน จึงไม่มีความผิดฐานวางเพลิงเผาทรัพย์โรงเรือนตาม ป.อ. มาตรา ๒๑๘ ส่วนจะเป็นความผิดฐานกระทำให้เกิดเพลิงไหม้ตาม ป.อ. มาตรา ๒๒๐ วรรคสองหรือไม่ก็เป็นอีกส่วนหนึ่ง แต่ก็เป็นการกระทำกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ซึ่งใน ป.อ. มาตรา ๒๒๐ วรรคสองให้ลงโทษตามที่บัญญัติไว้ใน ป.อ. มาตรา ๒๑๘อยู่ดี
๖.มีพนักงานสอบสวนบางคน ใช้คำว่า “ บางคน” นะครับ พยายามลักไก่ด้วยการทำสำนวนการสอบสวนให้ผิดไปจากความจริง โดยมีการวางเพลิงเผาทรัพย์ผู้เสียหาย แต่แทนที่พนักงานสอบสวนจะแจ้งข้อหาวางเพลิงเผาทรัพย์ แต่กลับแจ้งข้อหาทำให้เสียหายแล้วผู้เสียหายถอนคำร้องทุกข์พนักงานสอบสวนสั่งไม่ฟ้องมา ซึ่งผมเห็นว่าเป็นการกระทำกรรมเดียวผิดกฏหมายหลายบทต้องลงโทษตามบทหนักคือฐานวางเพลิงเผาทรัพย์ซึ่งเป็นความผิดที่เป็นอาญาแผ่นดินไม่สามารถถอนคำร้องทุกข์หรือยอมความได้ แต่พนักงานสอบสวนเลี่ยงไปแจ้งข้อหาบทเบาในความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์แล้วผู้เสียหายถอนคำร้องทุกข์มาคาดว่าคงได้สตางค์จากจำเลยเรียบร้อยแล้วจึงถอนคำร้องทุกข์ พนักงานสอบสวนสั่งไม่ฟ้องมาเพราะผู้เสียหายถอนคำร้องทุกข์ ผมให้แจ้งข้อหาเพิ่มฐานวางเพลิงเผาทรัพย์แล้วให้ส่งตัวผู้ต้องหามาดำเนินคดี พอกันทีกับคำพูดพนักงานสอบสวนบางคนที่พูดว่า “ พี่มาแบ่งกันรวย มีสำนวนสั่งไม่ฟ้องอยากให้พี่ผ่านให้หน่อย” คำพูดนี้คงต้องไปใช้กับกระบวนการยุติธรรมกระบวนการอื่นที่ไม่ใช่ผม ไม่ดำเนินคดีฐานให้สินบนพนักงานอัยการตาม ป.อ. มาตรา๑๖๗ ก็บุญแล้ว นี้แหละเขาถึงสร้างระบบอัยการมาคานอำนาจตำรวจ และไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งที่แก้วิอาญาที่อัยการสั่งไม่ฟ้องแล้วต้องส่งสำนวนให้ตำรวจภาคพิจารณาแทนการที่จะส่งให้ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจารณา แค่เรื่องนี้เรื่องเดียวก็รู้ว่าตำรวจบางคน ใช้คำว่า “บางคน” นะครับ เป็นอย่างไร และยิ่งมีแนวคิดจากทหารว่าจะให้สัสดีเข้ามาร่วมสอบสวนกับพนักงานสอบสวนด้วยและจะให้สัสดีมีอำนาจในการตรวจค้นจับกุมแบบตำรวจด้วย ผมว่าจะไปกันใหญ่แล้วเมืองไทย แค่แนวคิดที่จะให้ตำรวจมาฟ้องคดีแทนอัยการในความผิดที่ขึ้นศาลแขวง ผมว่าก็ประหลาดแล้ว ในโลกนี้ต้องมีระบบตรวจสอบและคานอำนาจกันไม่ให้หน่วยงานใดมีอำนาจจนล้นฟ้า การจับกุม สอบสวนของตำรวจถูกคานอำนาจโดยอัยการ การฟ้องคดีของอัยการโดนคานอำนาจโดยศาล ผมว่าก็เหมาะดี แต่แนวคิดที่จะเปลี่ยนแปลงหลักการดังกล่าวทำแล้วประชาชนได้อะไร หรือแค่เพิ่มอำนาจให้ใครบางคนเท่านั้น

ไม่มีความคิดเห็น: