ค้นหาบล็อกนี้

วันพฤหัสบดีที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2559

"เติมน้ำมันโดยไม่รู้นายจ้างเลิกจ้าง"

บริษัทเหมาจ่ายค่าน้ำมันรถให้ผู้ต้องหาเดือนละ ๓๕๐ ลิตร ส่วนที่เกินผู้ต้องหาต้องออกเองโดยบริษัทมอบบัตรเติมน้ำมันมีอายุการใช้งาน ๓ ปี ในระหว่างวันที่ ๒๕ ก.ค.๒๕๔๘ ถึง ๖ ส.ค.๒๕๔๘ ผู้ต้องหาเบิกเงินสำรอง ๑๐,๐๐๐บาท เป็นค่าใช้จ่ายในการพบลูกค้า เมื่อทำงานเสร็จ ผู้ต้องหาไม่นำหลักฐานมาแสดงต่อบริษัท ซึ่งมีการทวงหลายครั้ง ครั้นวันที่ ๒๑ ก.ย.๒๕๔๘ผู้ต้องหารูดบัตรลงเวลาทำงาน แต่ไม่เข้าสำนักงาน ติดต่อผู้ต้องหาทางโทรศัพท์ไม่ได้ ผู้ต้องหาไม่มาทำงาน วันที่ ๒๔ ก.ย.๒๕๔๘ บริษัทให้ออกจากงานแต่ไม่สามารถแจ้งผู้ต้องหาทราบได้ ครั้นวันที่ ๒๖ ก.ย.๒๕๔๘ ผู้ต้องหาใช้บัตรเติมน้ามัน ๒ ครั้ง เป็นเงิน ๒,๒๐๐ บาท ผู้ต้องหาเติมน้ำมันเพียงวันเดียว ไม่ปรากฏว่าได้ใช้บัตรเติมน้ำมันกับรถของผู้ต้องหาอีก ทั้งบัตรดังกล่าวยังอยู่ในอายุการใช้งาน ไม่ปรากฏว่าบริษัทผู้เสียหายซึ่งเป็นสมาชิกบัตรได้ขอระงับการใช้บัตรน้ำมันดังกล่าว จึงไม่อาจยืนยันว่าผู้ต้องหาทราบถึงการที่บริษัทเลิกจ้างตนแล้วยักยอกแล้วเอาไปเสียซึ่งบัตรเติมน้ำมันอันเป็นเอกสารของบริษัทในประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหาย ชี้ขาดไม่ฟ้องผู้ต้องหาฐานยักยอกและเอาไปเสียซึ่งเอกสารของผู้อื่นในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชนขาดความเห็นแย้ง ๓๑๗/๒๕๕๑
ข้อสังเกต ๑.มีสิทธิ์ใช้บัตรเติมน้ำมันได้ บัตรเติมน้ำมันยังอยู่ในอายุการใช้งาน ไม่มีการอายัดการใช้บัตรเติมน้ำมัน ผู้ต้องหาไม่ทราบว่าถูกเลิกจ้าง จึงเข้าใจว่าตนยังมีสิทธิ์ในการเติมน้ำมันได้ตามสิทธิ์ ทั้งมีการเติมน้ำมันเพียงครั้งเดียวหลังเลิกจ้าง และการเติมน้ำมันก็อยู่ในวงเงินที่ตนมีสิทธิ์จึงจะถือว่าผู้ต้องหามีเจตนายักยอกบัตรเติมน้ำมันหรือเอาไปเสียซึ่งบัตรเติมน้ำมันอันเป็นเอกสารของบริษัทในประการที่น่าก่อให้เกิด่ความเสียหายต่อบริษัทผู้เสียหายไม่ได้ ส่วนปัญหาว่าน้ำมันที่ถูกเติมไปจะต้องชดใช้คืนอย่างไรก็เป็นอีกเรื่องที่ต้องไปว่ากล่าวกันเป็นอีกส่วนหนึ่ง

ไม่มีความคิดเห็น: