ค้นหาบล็อกนี้

วันจันทร์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2559

คำว่า "จำหน่าย" ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ

การครอบครองเพื่อจำหน่ายยาเสพติดให้โทษนั้น ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษในเรื่องการจำหน่ายนั้นมิได้หมายความว่า ผู้กระทำความผิดต้องจำหน่ายโดยวิธีการขายเท่านั้น ในคดีเรื่องนี้ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การที่จำเลยได้รวบรวมเงินจากเพื่อนเพื่อนำไปซื้อยาบ้ามาเสพด้วยกัน โดยภายหลังที่ซื้อยาบ้ามาแล้ว จำเลยได้นำไปวางไว้ต่อหน้าจำเลยและเพื่อน ๆ ต่างก็มาหยิบยาบ้าไปเสพเอง อย่างนี้ก็ถือว่า จำเลยได้กระทำการให้ยาบ้าแพร่กระจายไปยังคนอื่น ๆ โดยวิธีจ่าย แจก แลกเปลี่ยน ซึ่งเป็นการกระทำอันเป็นการจำหน่ายตามบทนิยามของคำว่า "จำหน่าย" ตาม พรบ.ยาเสพติดแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3741/2553

พนักงานอัยการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โจทก์

การที่จำเลยนำเงินที่ลูกเรือประมงมอบให้ไปซื้อเมทแอมเฟตามีนแล้วมาเสพด้วย กัน แม้ว่าลูกเรือประมงต่างคนต่างหยิบเมทแอมเฟตามีนที่จำเลยวางไว้ตรงหน้าไปเสพ เอง ก็ถือว่าเป็นการที่จำเลยกระทำให้ยาเสพติดให้โทษแพร่กระจายไปสู่บุคคลอื่นโดย วิธีจ่าย แจก แลกเปลี่ยน อันเป็นการจำหน่ายตามบทนิยามของคำว่า จำหน่าย ตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 4 แล้ว

________________________________

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 4, 6, 7, 8, 15, 66, 67, 102 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 33 ริบเมทแอมเฟตามีนของกลาง

จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง (เดิม), 66 วรรคหนึ่ง (ที่แก้ไขใหม่) จำคุก 4 ปี คำรับสารภาพของจำเลยในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนกับทางนำสืบของจำเลยเป็น ประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 หนึ่งในสาม คงจำคุก 2 ปี 8 เดือนริบเมทแอมเฟตามีนของกลาง

จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง (เดิม), 67 (ที่แก้ไขใหม่) ลงโทษจำคุก 1 ปี และปรับ 12,000 บาท ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 8 เดือน ปรับ 8,000 บาท ไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยต้องโทษจำคุกมาก่อน จึงเห็นสมควรให้รอการลงโทษจำคุกไว้มีกำหนด 3 ปี กับให้คุมประพฤติจำเลยโดยให้จำเลยไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติ 4 เดือนต่อครั้ง พร้อมตรวจหาสารเสพติดภายในกำหนดเวลาที่รอการลงโทษจำคุกไว้ และห้ามจำเลยเข้ายุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษทุกชนิด ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า จำเลยมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายตามฟ้องโจทก์หรือไม่ เห็นว่า การที่จำเลยนำเงินที่ลูกเรือประมงมอบให้ไปซื้อเมทแอมเฟตามีนแล้วนำมาเสพด้วย กัน แม้ว่าลูกเรือประมงต่างคนต่างหยิบเมทแอมเฟตามีนที่จำเลยวางไว้ตรงหน้าไปเสพ เอง ก็ถือว่าเป็นการที่จำเลยกระทำให้ยาเสพติดให้โทษแพร่กระจายไปสู่บุคคลอื่นโดย วิธีจ่าย แจก แลกเปลี่ยน อันเป็นการจำหน่ายตามบทนิยามของคำว่า จำหน่าย ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 4 แล้ว ซึ่งจำเลยจะต้องมีความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและ จำหน่ายเมทแอมเฟตามีนด้วย แต่โจทก์ฟ้องเฉพาะในส่วนของเมทแอมเฟตามีนส่วนที่เหลือ การมีเมทแอมเฟตามีนส่วนที่เหลือ การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อ จำหน่ายตามฟ้องโจทก์ ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น

พิพากษากลับ ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
( คำนวน เทียมสอาด - ประเสริฐ โอนพรัตน์วิบูล - นิยุต สุภัทรพาหิรผล )
ศาลจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ - นายทิษณุ เพ็งไพบูลย์
ศาลอุทธรณ์ภาค 7 - นายประมุข อธิคมกมลาศัย
พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 4, 15 วรรคหนึ่ง (เดิม), 66 วรรคหนึ่ง (ที่แก้ไขใหม่)

ไม่มีความคิดเห็น: