ป้องกัน มาตรา ๖๘
“ผู้ใดจำต้องกระทำการใดเพื่อป้องกันสิทธิของตน หรือของผู้อื่นให้พ้นภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายและเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึง ถ้าได้กระทำพอสมควรแก่เหตุ การกระทำนั้นเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย ผู้นั้นไม่มีความผิด”
๑. เป็นสิทธิของผู้กระทำ ถ้าเป็นการสมัครใจวิวาท ไปก่อเหตุ หรือไปเป็นส่วนหนึ่งที่ก่อให้เกิดการประทุษร้ายต่อผู้อื่น จะอ้างป้องกันไม่ได้
- สิทธิ ----- >>> ผู้ที่มาก่อภยันตราย ต้องเป็นผู้ไม่มีอานาจก่อให้เกิดภยันตราย แต่ถ้าเป็นเจ้าพนักงานมีหมายค้น หมายจับตามกฎหมาย สิทธิของเราตามรัฐธรรมนูญ จะยกต่อสู้เจ้าพนักงานไม่ได้ เพราะเจ้าพนักงานผู้นั้นมีอานาจจับ ค้น ได้ตามกฎหมาย
๒. ผู้ที่กระทำต่อเรา เขาต้องไม่มีอานาจโดยชอบ
๓. ต้องกระทำต่อภัยที่เกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายและเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึง
- ข้อสังเกต ผู้ก่อให้เกิดภัย จะต้องเป็นบุคคล หรือเป็นสัตว์ที่มีเจ้าของก็ได้ ดู ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๗๗ ก็อาจมีความผิดได้ โดยถือว่าตัวเจ้าของสัตว์เป็นผู้กระทำผิดต่อกฎหมาย
- ให้พิจารณาจากความรู้สึกของคนทั่วๆไป ว่ามีภัยที่ใกล้จะถึงหรือไม่
ข้อสอบผู้ช่วยผู้พิพากษา
ข้อ. ๑ นายเอมีอาการเมาสุรา เข้าไปก่อเหตุด่าว่านายหนึ่งถึงในบ้านนายหนึ่งด้วยถ้อยคาหยาบคายและใช้อาวุธปืนลูกซองยาวของนายหนึ่งซึ่งวางอยู่ในบ้านยิงนายหนึ่งก่อน ๑ นัด แต่ไม่ถูก แล้วนายเอเข้าไปแย่งอาวุธปืนสั้นอีกกระบอกจากเอวนายหนึ่ง แต่แย่งไม่ได้ นายเอวิ่งออกจากบ้านโดยไม่มีอาวุธใด นายหนึ่งวิ่งไล่ตาม นายเอวิ่งไปหลบอยู่ด้านหลังนายบีซึ่งเดินผ่านมาทางหน้าบ้านนายหนึ่ง นายหนึ่งจึงใช้อาวุธปืนสั้นดังกล่าวยิงนายเอ แต่กระสุนปืนไปถูกนายบีล้มลง นายบีใช้อาวุธปืนสั้นที่พกมายิงโต้ตอบนายหนึ่งไป ๑ นัด แต่ไม่ถูก และขณะนายบีใช้อาวุธปืนยิงนั้นนายเอวิ่งหนี นายหนึ่งจึงใช้อาวุธปืนยิงถูกนายเอล้มลง นายซีซึ่งมีบ้านอยู่ใกล้เคียงบ้านนายหนึ่งได้ยืนเสียงปืนจึงออกจากบ้านมาดูเห็นนายเอและนายบีมีเลือดไหลออกจากร่างกายโดยนายหนึ่งยืนถืออาวุธปืนอยู่ห่างจากนายเอและนายบีประมาณ ๓ เมตร จึงร้องบอกนายหนึ่งว่าอย่ายิง แต่นายหนึ่งซึ่งอยู่ห่างจากนายซีประมาณ ๓ เมตร ใช้อาวุธปืนจ้องยิงนายซี ๒ ครั้ง แต่กระสุนปืนไม่ลั่น แล้วนายหนึ่งวิ่งหลบหนีไป จากการกระทาของนายหนึ่งเป็นเหตุให้นายเอถึงแก่ความตาย
ให้วินิจฉัยว่า นายหนึ่งและนายบีมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาฐานใด หรือไม่
ธงคำตอบ
การที่นายเอมีอาการเมาสุราเข้าไปก่อเหตุด่าว่านายหนึ่งในบ้านนายหนึ่งด้วยถ้อยคาหยาบคายและใช้อาวุธปืนลูกซองยาวของนายหนึ่งซึ่งวางในบ้านยิงนายหนึ่งก่อน ๑ นัด แต่ไม่ถูกแล้วนายเอเข้าแย่งอาวุธปืนสั้นจากเอวนายหนึ่ง แต่แย่งไม่ได้ นายเอวิ่งออกจากบ้านโดยไม่มีอาวุธ ภยันตรายได้ผ่านพ้นหรือสิ้นสุดไปแล้ว นายหนึ่งวิ่งไล่ตามไปและใช้อาวุธปืนสั้นยิงนายเอถึงแก่ความตายนั้น ขณะที่นายหนึ่งใช้อาวุธปืนยิงนายเอ นายเอไม่มีอาวุธใด จึงไม่มีภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายและเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึงต่อนายหนึ่งอันจะทาให้นายหนึ่งอ้างเหตุป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๖๘ ได้ แต่การกระทาของนายเอถือได้ว่าเป็นการข่มเหงนายหนึ่งอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๒ นายหนึ่งยิงนายเอถึงแก่ความตายในเวลาต่อเนื่องกัน การกระทำของนายหนึ่งจึงเป็นความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยบันดาลโทสะตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘ ประกอบมาตรา ๗๒ (เทียบฎีกาที่ ๑๒๙๒/๒๕๓๓)
นายเอวิ่งไปหลบอยู่ด้านหลังนายบีซึ่งเดินผ่านมาทางหน้าบ้านนายหนึ่ง นายหนึ่งใช้อาวุธปืนสั้นยิงนายเอ แต่กระสุนปืนถูกนายบีล้มลง นายหนึ่งย่อมเล็งเห็นผลของการกระทำได้ว่ากระสุนปืนที่นายหนึ่งยิงออกไปนั้นจะถูกนายบีที่ด้านหน้านายเอได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๕๙ วรรคสอง การกระทำของนายหนึ่งไม่เป็นการกระทาโดยพลาดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๖๐ นายหนึ่งจึงมีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘ ประกอบมาตรา ๘๐ (เทียบฎีกาที่ ๒๘๖๕/๒๕๕๓)
เมื่อนายซีได้ยินเสียงปืนออกจากบ้านมาดูเห็นนายเอและนายบีมีเลือดไหลออกจากร่างกาย นายหนึ่งถืออาวุธปืนอยู่ห่างจากนายเอและนายบีประมาณ ๓ เมตร จึงร้องบอกนายหนึ่งว่าอย่ายิง แต่นายหนึ่งซึ่งอยู่ห่างจากนายซีประมาณ ๓ เมตร ใช้อาวุธปืนจ้องยิงนายซี ๒ ครั้ง แต่กระสุนปืนไม่ลั่นนั้น การที่กระสุนปืนไม่ลั่นเป็นแต่เพียงการที่เป็นไปไม่ได้โดยบังเอิญ หาเป็นการแน่แท้ว่าจะไม่สามารถทำให้นายซีได้รับอันตรายจากการยิงของนายหนึ่งไม่ การกระทำของนายหนึ่งไม่เข้าลักษณะตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๑ นายหนึ่งจึงมีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘ ประกอบมาตรา ๘๐ (เทียบฎีกาที่ ๑๖๒๓/๒๕๒๗)
การที่นายบีใช้อาวุธปืนสั้นที่พกมายิงโต้ตอบนายหนึ่ง แต่ไม่ถูกก็เนื่องมาจากนายหนึ่งใช้อาวุธปืนยิงนายบีล้มลง การกระทำของนายบีเป็นเรื่องที่นายบีจำต้องกระทำเพื่อป้องกันตนให้พ้นภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายและเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึง ถือได้ว่าเป็นการกระทำที่พอสมควรแก่เหตุ การกระทำของนายบีเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๖๘ นายบีไม่มีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่น แต่การที่นายบีมีอาวุธติดตัวมาด้วย นายบีมีความผิดฐานพาอาวุธไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุสมควรตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๗๑
คำพิพากษาฎีกาที่ 7924/2553 ก่อนเกิดเหตุผู้ตายกับพวก และจำเลยทั้งสามกับพวกซึ่งเต้นอยู่ในบริเวณที่แสดงดนตรีประเภทวัยรุ่นได้กระทบกระทั่งและพูดแซวกันเพราะเคยมีสาเหตุโกรธเคืองกันมาก่อน จากนั้นจำเลยทั้งสามกับพวกและผู้ตายกับพวกต่างสมัครใจวิวาทและต่อสู้กันที่หน้างานแสดงดนตรีบริเวณที่ตั้งลำโพง โดยใช้ไม้เป็นอาวุธ แม้ผู้ตายจะใช้ไม้ตีจำเลยที่ 1ก่อน ก็เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะวิวาทกัน จำเลยที่ 1 ย่อมไม่อาจอ้างได้ว่าการกระทำของจำเลยที่ 1 เป็นการป้องกันโดยชอบ(ม.68)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1332/2553
การที่จำเลยด่าแม่โจทก์ร่วมตอบโต้ไป ก่อนเข้าฟันโจทก์ร่วม เท่ากับว่าจำเลยได้ถลำเข้าไปทะเลาะวิวาทกับโจทก์ร่วมด้วยแล้ว เมื่อต่างคนต่างก็ทะเลาะด่าว่าซึ่งกันและกันเช่นนี้ จึงถือไม่ได้ว่าจำเลยกระทำความผิดโดยบันดาลโทสะเพราะถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมตาม ป.อ. มาตรา 72 และไม่อาจอ้างว่าเป็นการกระทำความผิดโดยบันดาลโทสะเพื่อให้ศาลลงโทษจำเลยน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้ สำหรับความผิดที่ได้กระทำนั้นได้
การจำเลยใช้มีดอีโต้ซึ่งเป็นมีดทำครัวขนาดใหญ่เลือกฟันอย่างแรงที่ศีรษะลำคอและกลางหลัง ซึ่งล้วนเป็นอวัยวะสำคัญจนเป็นแผลฉกรรจ์ หากรักษาไม่ทันอาจถึงแก่ความตายได้ จำเลยย่อมจะเล็งเห็นผลได้ว่าการกระทำของจำเลยอาจทำให้โจทก์ร่วมได้รับอันตรายถึงแก่ความตายได้ พฤติการณ์ชี้ชัดว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าโจทก์ร่วมแล้ว แม้เมื่อโจทก์ร่วมล้มลงหมดสติไปจำเลยจะไม่ได้ฟันโจทก์ร่วมซ้ำอีกก็ตาม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น