๑.จำเลยรับมอบถุงอาวุธปืนจากชายที่อ้างว่าเป็นคนขับแท๊กซี่ จำเลยเดินตามหาเจ้าของเพื่อมอบอาวุธปืนคืน แต่ไม่พบตั้งใจมอบแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมเสียก่อน พฤติการณ์แห่งคดีแสดงจำเลยไม่มีเจตนามีและพาอาวุธปืนไปในทางสาธารณะ ไม่มีความผิด คำพิพากษาฏีกา ๒๙๓/๒๕๓๗
๒.ตำรวจตรวจค้นและพบอาวุธปืนพร้อมกระสุนปืนของกลางในกระเป๋าเอกสารซึ่งปิดอยู่ วางที่เบาะหลังรถที่จำเลยขับ กระเป๋าเอกสารที่อาวุธปืนอยู่มีกุญแจล็อคถึงสองด้าน วางที่เบาะด้านหลัง การหยิบฉวยปืนขึ้นมาใช้ทันทีเป็นไปได้ยาก ทั้งจำเลยมีเจตนาขนย้ายสิ่งของ ถือไม่ได้ว่าพาติดตัว คำพิพากษาฏีกา ๓๙๔๕/๒๕๔๐
๓.การพาอาวุธปืนติดตัวที่จะเป็นความผิดตามพรบ.อาวุธปืนฯ มาตรา ๘ทวิ ต้องเป็นการกระทำที่ผู้กระทำอยู่ในวิสัยที่สามารถใช้อาวุธปืนนั้นได้ในทันที การที่ผู้ต้องหาแยกอาวุธปืนกับกระสุนปืนออกจากกันและบรรจุไว้ในกระเป๋าเสื้อผ้า แล้วนำกระเป๋าติดตัวมา จึงไม่ใช่การพาอาวุธปืนติดตัวไปตามความหมายของพรบอาวุธปืนฯ มาตรา ๘ทวิ ยังไม่มีความผิดฐานพาอาวุธปืน และการกระทำผู้ต้องหาไม่เป็นการพาอาวุธปืนอันจะเป็นความผิดตาม ปอ มาตรา ๓๗๑ อีกด้วย ชี้ขาดไม่ฟ้องผู้ต้องหา ชี้ขาดความเห็นแย้ง(ของอัยการสูงสุด)ที่ ๑๙/๒๕๓๗ , ๖๔/๒๕๓๘,๑๙/๒๕๕๗,๙๘/๒๕๓๗,๓๙๔๕/๒๕๔๐,๒๔๕๖/๒๕๕๗
๔.เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมผู้ต้องหาได้พร้อมปืนพกรูปร่างคล้ายปากกาชนิดประกอบขึ้นเองซุกซ่อนอยู่ในเบาะรถจักรยานยนต์ที่ผู้ต้องหาขับขี่ อาวุธปืนมีการกลึงทั้งสองด้านให้เรียบกลมตรงกลางท่อนเหล็กสามารถหมุนออกได้ กรณีน่าเชื่อว่าผู้ต้องหารู้ว่าของกลางดังกล่าวคืออาวุธปืนจึงซุกซ่อนไว้ใต้เบาะรถจักรยานยนต์ พยานหลักฐานฟังได้ว่า ผู้ต้องหามีอาวุธปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามความเห็นรองอัยการสูงสุด ส่วนข้อหาพาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควรโดยไม่ได้รับอนุญาต เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่า อาวุธปืนของกลางเป็นอาวุธปืนโดยสภาพตามความหมายใน ปอ มาตรา ๑(๕)และพรบ. อาวุธปืนฯ มาตรา ๔(๑) แม้อาวุธปืนของกลางไม่สามารถใช้ยิงได้ก็ตาม กฎหมายไม่ได้กำหนดองค์ประกอบในการกระทำความผิดว่าอาวุธปืนที่พาไปต้องเป็นอาวุธปืนที่สามารถใช้ได้ทันที ดังนั้นไม่ว่าจะมีกระสุนปืนอยู่ในรังเพลิงหรือไม่ก็ตาม ก็ครบองค์ประกอบความผิดตามพรบ.อาวุธปืนฯ มาตรา ๘ทวิวรรคหนึ่ง ปอ มาตรา ๓๗๑ ผู้ต้องหาจึงกระทำความผิดตามข้อกล่าวหา ทั้งนี้ตามนัยคำพิพากษาฏีกาที่ ๑๔๕๙/๒๕๒๓,๔๓๖๗/๒๕๔๔และ ๔๙๔๒/๒๕๕๐ ชี้ขาดให้ฟ้องนาย ส. ผู้ต้องหาฐานมีอาวุธปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร โดยไม่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว และไม่เป็นกรณีที่ต้องมีติดตัวเมื่อมีเหตุจำเป็นและเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์ ตามพรบ. อาวุธปืนฯ มาตรา ๔,๗,๘ทวิ.๗๒,๗๒ทวิ ปอ มาตรา ๙๑,๓๗๑ และขอริบอาวุธปืนตาม ปอ มาตรา๓๒ ด้วย ชี้ขาดความเห็นแย้ง(ของอัยการสูงสุด)ที่๑๓๘๑/๒๕๔๘
ข้อสังเกต ๑.การมีอาวุธปืนไว้ในความครอบครองต้องไปขออนุญาตซื้ออาวุธปืน(ใบ ป ๓ ) จากทางอำเภอในท้องที่ตนมีภูมิลำเนาในทะเบียนบ้านไม่น้อยกว่า ๖ เดือน ก่อนโดยต้องอ้างเหตุผลและความจำเป็นที่ต้องมีอาวุธปืนไว้ในความครอบครองพร้อมมีหนังสือรับรองความประพฤติ รายได้แหล่งที่มาของรายได้ โดยขออนุญาตได้เฉพาะปืนขนาด .๓๘หรือ ๙ มม. เว้นกรณีพิเศษจึงขอขนาด .๓๕๗หรือ ๑๑ มม.เมื่อได้รับอนุญาตจากทางอำเภอให้ซื้ออาวุธปืนได้แล้วโดยได้รับใบ ป๓ จากทางอำเภอ จึงนำใบ ป๓ ไปขอซื้ออาวุธปืนที่ร้านค้าตามชนิดประเภทและขนาดตามที่ระบุไว้ในใบ ป๓โดยทางร้านค้าจะนำใบป๓ เพื่อประกอบการขออนุญาตซื้อปืนไปยื่นที่หน่วยราชการที่เกี่ยวกับการอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน เช่นที่กรมการปกครองวังไชยา เป็นต้น เมื่อได้รับอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืนแล้ว จึงนำหลักฐานดังกล่าวพร้อมนำอาวุธปืนไปที่อำเภอเพื่อทำใบ ป๔ พร้อมตอกทะเบียนอาวุธปืน ก็จะได้รับอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืนไว้ในความครอบครองแล้ว
๒.การได้รับอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืนนั้นคงมีแต่สิทธิ์ครอบครองภายในบริเวณเคหสถานเท่านั้น ไม่สามารถนำติดตัวไปได้ เว้นแต่เป็นกรณีจำเป็นและเร่งด่วน เช่น โจรมาปล้นบ้านพร้อมมีอาวุธปืนได้จับคนในบ้านเป็นตัวประกัน ไม่สามารถร้องขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ได้ทันท่วงที จำเป็นต้องนำอาวุธติดตามเพื่อนำตัวคนในบ้านกลับคืน
๓.หากต้องการขออนุญาตพกพาอาวุธปืนติดตัวต้องไปขอใบอนุญาตพกพาจากหน่วยราชการที่เกี่ยวข้อง เช่น ผู้ว่าราชการจังหวัดซึ่งสามารถออกใบอนุญาตให้พกพาเฉพาะในจังหวัดนั้นเท่านั้น หรือไปขออนุญาตพกพาที่กองทะเบียนสนงตำรวจแห่งชาติ (หากจำชื่อหน่วยงานไม่ผิด) เพื่อขออนุญาตพกพาทั่วราชอาณาจักร โดยแสดงเหตุผลความจำเป็นว่าเหตุใดต้องพกพาอาวุธปืนทั่วราชอาณาจักร เมื่อได้รับอนุญาตแล้วต้องนำอาวุธปืนพร้อมกระสุนปืนมาเพื่อให้เจ้าหน้าที่ยิงเพื่อเก็บประวัติเกลียวกระสุนปืนที่ยิง ใบอนุญาตให้พกพานี้ออกปีต่อปี ต้องขอต่อใบอนุญาตทุกปี เมื่อครบสามปีต้องมาทำใหม่เหมือนไม่เคยได้รับใบอนุญาตให้พกพาพร้อมนำอาวุธปืนมาให้ยิงเพื่อดูเกลียวกระสุนปืนเก็บไว้เป็นหลักฐาน
๔.พฤติการณ์ที่จำเลยรับมอบถุงอาวุธปืนจากชายที่อ้างว่าเป็นคนขับแท๊กซี่ แล้วจำเลยเดินตามหาเจ้าของเพื่อมอบอาวุธปืนคืน แต่ไม่พบจึงตั้งใจมอบแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจ แสดงให้เห็นว่าไม่ได้มีเจตนายึดถือและครอบครองปืนดังกล่าวเพื่อตนเอง แต่ครอบครองและยึดถือชั่วคราวเพื่อนำไปหาเจ้าของ หากหาไม่พบก็จะนำไปมอบแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมเสียก่อน พฤติการณ์แห่งคดีแสดงจำเลยไม่มีเจตนามีและพาอาวุธปืนไปในทางสาธารณะ ไม่มีความผิดฐานมีอาวุธปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตโดยไม่มีเหตุอันควร เพราะถือไม่มีเจตนาประสงค์ต่อผลที่จะครอบครองหรือพาปืนนั้นไปในเมืองหมู่บ้านทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร แต่เป็นเพียงการครอบครองชั่วคราวเพื่อนำไปมอบให้เจ้าของและหากตามไม่พบก็จะนำไปมอบแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อสืบหาตัวเจ้าของต่อไป การกระทำดังนี้จึงไม่เป็นความผิดตามกฏหมาย
๕.สมัยที่รับราชการในกรุงเทพเคยเจอสำนวนที่จำเลยเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรถูกดำเนินคดีข้อหามีอาวุธปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตโดยไม่มีเหตุอันควร จำเลยอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจแต่ไม่เคยพกพาอาวุธปืนในขนาดปฏิบัติหน้าที่จราจร จริงเท็จอย่างไรไม่ทราบและจริงหรอที่เจ้าหน้าที่ตำรวจขณะปฏิบัติหน้าที่ไม่มีอาวุธปืนประจำกาย ฟังดูแล้วไม่ค่อยสมเหตุสมผลเท่าใด.อ้างว่ามีพลเมืองดีเก็บอาวุธปืนได้ขอให้ช่วยตามหาเจ้าของ ขณะเดินตามหาเจ้าของถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าจับกุมเสียก่อน ข้ออ้างว่ามีพลเมืองเก็บอาวุธปืนแล้วนำมามอบให้ ไม่มีพยานอื่นรู้เห็นคงมีแต่คำอ้างของจำเลยเพียงฝ่ายเดียวที่อ้าง เป็นไปได้ไหมว่าจำเลยมีอาวุธประจำกายแต่เป็นปืนที่ไม่ได้รับอนุญาตให้มีและใช้ ขณะที่เดินทางก็ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจอื่นจับกุมเสียก่อนเลยมาแต่งเรื่องว่ามีคนเก็บได้แล้วนำมามอบให้
๖.สมัยเป็นอัยการในกรุงเทพได้รับสำนวนที่.เจ้าหน้าที่ตำรวจเบิกปืนอ้างว่าจะนำมาติดตามคนร้ายฆ่าคนตาย แต่ได้เบิกอาวุธปืนสงครามมาก่อนที่จะมีการกระทำความผิดฐานฆ่าคนตาย แล้วรู้ได้ไงจะมีการกระทำผิดเกิดขึ้นในอนาคต การเบิกอาวุธทางราชการมาใช้อ้างว่านำมาติดตามตัวคนร้ายในคดีที่เกิดขึ้นภายหลังจากการเบิกอาวุธปืนมานั้นไม่ค่อยสมเหตุผล และการนำอาวุธดังกล่าวออกนอกเขตจังหวัดโดยไม่ขออนุญาตผู้บังคับบัญชา ก็ดูไม่สมเหตุสมผล การอ้างว่านำอาวุธเพื่อติดตามคนร้ายโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจสามนายเบิกอาวุธทางราชการมาก่อนมีการกระทำความผิดเกิดขึ้น และการติดตามคนร้ายรายนั้นปรากฏว่านำภรรยามาด้วยทั้งสามนาย การติดตามคนร้ายต้องนำภรรยามาด้วยอย่างนั้นหรือดูไม่สมเหตุสมผล ในที่สุดก็ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจที่กรุงเทพจับกุมได้ ข้ออ้างที่ว่าเบิกอาวุธปืนมาเพื่อตามคนร้ายที่ได้เบิกอาวุธปืนก่อนมีการกระทำความผิดก็ดี การนำอาวุธปืนสงครามออกนอกเขตจังหวัดโดยไม่ได้รับอนุญาตก็ดี การนำภรรยามาด้วยในการติดตามคนร้ายก็ดีดูไม่สมเหตุสมผล
๗.ตอนเป็นอัยการในกรุงเทพได้รับสำนวนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ๑ นายจับกุมผู้ต้องหา ๕ คนในที่เปลี่ยวในเวลากลางคืน อ้างว่าขณะไล่ตามคนร้ายได้ปลดแม๊กกาซีนเอาซองกระสุนปืนออกเพื่อกันปืนลั่นแล้วหกล้ม ต่อมาสามารถจับกุมคนร้ายได้ทั้งหมดจึงทราบว่าอาวุธปืนหล่นหายน่าจะหล่นหายตอนหกล้ม จริงหรือที่คนร้าย ๕ คนจะยอมให้ตำรวจ ๑ คนจับกุมได้โดยง่าย จริงหรอที่การไล่ตามคนร้ายในที่มืดเป็นป่าหญ้ารกสูงท่วมหัวไม่มีไฟไม่มีบ้านคนอยู่ ตำรวจจะถอดแม๊กกาซีนกระสุนปืนออก และตำรวจ ๑ คนที่ไม่มีอาวุธจะสามารถจับกุมคนร้ายห้าคนโดยคนร้ายไม่ยอมต่อสู้หรือ? หรือเป็นไปตามที่คนร้ายทั้งห้าให้การว่าถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจคนนี้เอาปืนไล่ยิง พวกตนกลัวตายจึงยอมให้จับกุม ข้ออ้างว่าหกล้มแล้วต่อมาจึงรู้ว่าอาวุธปืนหล่นหายจริงหรอหรือเป็นเพียงข้ออ้างที่จะให้พ้นผิดจากการที่ถูกคนร้ายฟ้องกลับฐานพยายามฆ่าโดยเอาอาวุธปืนไล่ยิง หากเป็นไปตามที่คนร้ายกล่าวอ้างเจ้าหน้าที่ตำรวจคนนี้ก็มีความผิดฐานพยายามฆ่า. อาวุธปืนที่หล่นหายไม่สามารถค้นพบได้เพราะเพื่อไม่ให้ต้องการนำไปตรวจวิถีกระสุนหรือนำไปตรวจหาเขม่าดินปืนหรือไม่อย่างไร หรือเป็นเพราะปืนกระบอกนี้เป็นปืนเถื่อนที่ไม่ได้รับอนุญาตให้มีและใช้ให้ถูกต้องตามกฏหมาย
๘..คำพิพากษาแนวเดิม การที่ตำรวจตรวจค้นและพบอาวุธปืนพร้อมกระสุนปืนของกลางในกระเป๋าเอกสารซึ่งปิดอยู่ วางที่เบาะหลังรถที่จำเลยขับ กระเป๋าเอกสารที่อาวุธปืนอยู่มีกุญแจล็อคถึงสองด้าน วางที่เบาะด้านหลัง การหยิบฉวยปืนขึ้นมาใช้ทันทีเป็นไปได้ยาก ไม่พร้อมในการใช้งาน ทั้งจำเลยมีเจตนาขนย้ายสิ่งของ ศาลจึงวินิจฉัยว่ากรณีนี้ถือไม่ได้ว่าพาอาวุธปืนติดตัวไปโดยไม่ได้รับอนุญาต ดังนั้นในการสู้คดีสมัยก่อนมักสู้ว่าไม่มีเจตนาพกพาอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาตเพราะตนได้แยกซองกระสุนปืนออกจากตัวปืน และบางคนยังแยกลูกกระสุนปืนออกจากซองกระสุนปืนอีก เท่ากับไม่มีความพร้อมในการใช้อาวุธปืนดังกล่าว เพื่อแสดงให้เห็นว่าไม่มีเจตนาที่จะพกพาอาวุธปืน
๙.ซึ่งเดิมอัยการสูงสุดได้วางแนวการวินิจฉัยไว้ว่า การพาอาวุธปืนติดตัวที่จะเป็นความผิดตามพรบ.อาวุธปืนฯ มาตรา ๘ทวิ ต้องเป็นการกระทำที่ผู้กระทำอยู่ในวิสัยที่สามารถใช้อาวุธปืนนั้นได้ในทันที การที่ผู้ต้องหาแยกอาวุธปืนกับกระสุนปืนออกจากกันและบรรจุไว้ในกระเป๋าเสื้อผ้า แล้วนำกระเป๋าติดตัวมา จึงไม่สามารถนำมาใช้ได้ทันที จึงไม่ใช่การพาอาวุธปืนติดตัวไปตามความหมายของพรบอาวุธปืนฯ มาตรา ๘ทวิ อีกทั้งการกระทำดังกล่าวยังไม่มีความผิดฐานพาอาวุธปืน และการกระทำผู้ต้องหาไม่เป็นการพาอาวุธปืนอันจะเป็นความผิดตาม ปอ มาตรา ๓๗๑ อีกด้วย อัยการสูงสุดจึงชี้ขาดความเห็นแย้งสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาในข้อหาดังกล่าว ซึ่งเป็นการวินิจฉัยตามแนวคำพิพากษาฏีกาเดิมๆ
๑๐.. ปืนพกรูปร่างคล้ายปากกาชนิดประกอบขึ้นเอง มีการกลึงทั้งสองด้านให้เรียบกลมตรงกลางท่อนเหล็กสามารถหมุนออกได้ ถือเป็นอาวุธปืนตามวิเคราะห์ศัพท์ในพรบ อาวุธปืนฯ มาตรา ๔(๑)และ ปอ มาตรา ๑(๕) แล้ว ยิ่งผู้ต้องหานำไปซุกซ่อนไว้ใต้เบาะรถจักรยานยนต์ แสดงให้เห็นว่าผู้ต้องหารู้ว่าสิ่งดังกล่าวเป็นอาวุธปืน เป็นสิ่งของที่ผิดกฏหมายที่สามารถใช้ยิงทำอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์สินได้จึงได้นำมาซ่อนไว้ใต้เบาะรถจักรยานยนต์ พยานหลักฐานฟังได้ว่า ผู้ต้องหามีอาวุธปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต
๘.ส่วนข้อหาพาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควรโดยไม่ได้รับอนุญาต เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่า อาวุธปืนของกลางเป็นอาวุธปืนโดยสภาพตามความหมายใน ปอ มาตรา ๑(๕)และพรบ. อาวุธปืนฯ มาตรา ๔(๑) แม้อาวุธปืนของกลางไม่สามรารถใช้ยิงได้ก็ตาม แต่ในองค์ประกอบในการกระทำความผิดฐานพาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควรโดยไม่ได้รับอนูญาตนั้น กฏหมายไม่ได้บัญญัติว่าอาวุธปืนที่พาไปต้องเป็นอาวุธปืนที่สามารถใช้ได้ทันที ดังนั้นไม่ว่าจะมีกระสุนปืนอยู่ในรังเพลิงหรือไม่ก็ตาม ก็ครบองค์ประกอบความผิดตามพรบ.อาวุธปืนฯ มาตรา ๘ทวิวรรคหนึ่ง ปอ มาตรา ๓๗๑ ผู้ต้องหาจึงกระทำความผิดตามข้อกล่าวหา ซึ่งเป็นการวินิจฉัยตามแนวคำพิพากษาฏีกาคำพิพากษาฏีกาที่ ๑๔๕๙/๒๕๒๓,๔๓๖๗/๒๕๔๔และ ๔๙๔๒/๒๕๕๐
๙.ดังนั้นในปัจจุบันนี้ ไม่ว่าจะแยกซองกระสุนปืนออกจากตัวปืน จะแยกลูกกระสุนปืนออกจากซองกระสุนปืน หรือไม่บรรจุกระสุนปืนในรังเพลิง และนำไปเก็บไว้ที่เบาะหลังรถหรือกระโปรงหลังรถไม่สามารถหยิบฉวยมาใช้ได้ทันก็ตาม ก็เป็นความผิดฐานพาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตโดยไม่มีเหตุอันควร
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น