ค้นหาบล็อกนี้

วันอาทิตย์ที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564

ความสำคัญผิดของจำเลยเกิดขึ้นโดยความประมาท

 คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5527/2562

ข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติว่า ก่อนเกิดเหตุคดีนี้มีคนร้ายมาลักโคของจำเลยไป ยังมีโคของจำเลยที่เลี้ยงไว้เหลืออยู่อีก 8 ตัว ในคืนเกิดเหตุฝนตก จำเลยคอยป้องกันดูแลโคของตนมิให้คนร้ายลักไปอีก ผู้ตายออกจากบ้านเดินไปตามถนนในหมู่บ้านผ่านหน้าบ้านจำเลยเพื่อไปจับกบที่หนองน้ำสาธารณะ ขณะที่จำเลยนอนอยู่ภายในบ้านได้ยินเสียงสุนัขเห่า มีเสียงโคที่ล่ามอยู่ข้างบ้านวิ่งไปมา จำเลยเห็นโควิ่งในลักษณะเหมือนมีคนดึงไว้ จึงใช้อาวุธปืนยิงไป 1 นัด เมื่อจำเลยเดินเข้าไปดูเห็นมีคนนอนอยู่จึงรีบบอกเพื่อนบ้านให้ไปแจ้งผู้ใหญ่บ้าน เห็นว่า #ผู้ตายออกจากบ้านเพื่อไปจับกบที่หนองน้ำสาธารณะ #ผู้ตายจึงไม่ใช่คนร้ายที่จะมาลักโคของจำเลย ประกอบกับในขณะนั้นไม่ปรากฏว่าผู้ตายมีพฤติกรรมใดอันจะเป็นภยันตรายร้ายแรงต่อจำเลย จำเลยย่อมสามารถใช้ปืนยิงขึ้นฟ้าหรือยิงไปทางอื่นเพื่อข่มขู่ได้ #ไม่มีความจำเป็นที่จำเลยจะต้องใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายจนถึงแก่ความตาย การกระทำของจำเลยจึงเกินกว่ากรณีแห่งการจำต้องกระทำเพื่อป้องกัน #จำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา #มาตรา288ประกอบมาตรา69 ซึ่งศาลจะลงโทษน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นเพียงใดก็ได้ ทั้งตามพฤติการณ์แห่งคดีย่อมเห็นได้ว่า ความสำคัญผิดของจำเลยดังกล่าวเกิดขึ้นโดยความประมาทของจำเลย เนื่องจากจำเลยไม่ได้ใช้ความระมัดระวังพิจารณาให้รอบคอบว่าผู้ตายเป็นคนร้ายจริงหรือไม่ #จำเลยย่อมมีความผิดฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291 โดยผลของมาตรา 62 วรรคสองด้วย #กรณีนี้เป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท จึงต้องลงโทษจำเลยฐานฆ่าผู้อื่นโดยป้องกันเกินกว่ากรณีแห่งการจำต้องกระทำโดยสำคัญผิด ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดเพียงบทเดียวตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90

(จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ประกอบมาตรา 69 และมาตรา 62 วรรคหนึ่ง และมาตรา 291 ประกอบมาตรา 62 วรรคสอง เป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามมาตรา 288 ประกอบด้วยมาตรา 69 และมาตรา 62 วรรคหนึ่ง ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดเพียงบทเดียวตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90) 

ไม่มีความคิดเห็น: