คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2156/2555
จำเลยเข้าครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินพิพาทโดยอาศัยสิทธิของตนที่ได้รับการยกให้จากนางรอด
มิใช่ครอบครองที่ดินพิพาทเเทนทายาทอื่น
อันเเสดงว่านางรอดได้ยกที่ดินพิพาทให้เเก่จำเลยเเล้วโดยโจทก์ไม่ได้เกี่ยวข้อง
ซึ่งขณะที่นางรอดเเสดงเจตนายกที่ดินพิพาทนั้น
ที่ดินพิพาทเป็นที่ดินที่มีเอกสารสิทธิเป็นหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) ผู้มีชื่อในเอกสารสิทธิจึงมีเพียงสิทธิครอบครอง
การที่นางรอดส่งมอบที่ดินพิพาทให้เเก่จำเลยมิได้ทำเป็นหนังสือเเละจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่เเม้ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายเเพ่งเเละพาณิชย์มาตรา
525 ประกอบมาตรา 456 วรรคหนึ่ง เเต่ที่ดินพิพาทมีเเต่สิทธิครอบครอง
จึงถือได้ว่านางรอดสละเจตนาครอบครองไม่ยึดถือที่ดินพิพาทต่อไป
เมื่อจำเลยเข้าครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินพิพาทเเล้ว
จำเลยย่อมได้สิทธิครอบครองตามมาตรา 1377 เเละ 1378 อันเป็นการได้สิทธิครอบครองตามกฎหมาย
การออกโฉนดที่ดินพิพาทจัดทำโดยทางราชการ
ออกให้เเก่นางรอดซึ่งเป็นผู้มีสิทธิครอบครองในหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) ฉบับเดิม
เเม้ความจริงนางรอดไม่มีสิทธิครอบครองในที่ดินพิพาทเเล้วขณะออกโฉนดก็หาทำให้สิทธิครอบครองในที่ดินพิพาทของจำเลยเสียไปไม่
ที่ดินพิพาทจึงมิใช่ทรัพย์มรดกของนางรอดที่จะตกทอดเเก่ทายาทอีกต่อไป
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา 525 การให้ทรัพย์สินซึ่งถ้าจะซื้อขายกันจะต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่นั้น
ท่านว่าย่อมสมบูรณ์ต่อเมื่อได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่
ในกรณีเช่นนี้ การให้ย่อมเป็นอันสมบูรณ์โดยมิพักต้องส่งมอบ
มาตรา 456 การซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ ถ้ามิได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่เป็นโมฆะ
วิธีนี้ให้ใช้ถึงซื้อขายเรือมีระวางตั้งแต่ห้าตันขึ้นไป
ทั้งซื้อขายแพและสัตว์พาหนะด้วย
มาตรา 1377 ถ้าผู้ครอบครองสละเจตนาครอบครอง หรือไม่ยึดถือทรัพย์สินต่อไปไซร้
การครอบครองย่อมสุดสิ้นลง
มาตรา 1378 การโอนไปซึ่งการครอบครองนั้นย่อมทำได้โดยส่งมอบทรัพย์สินที่ครอบครอง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น