ค้นหาบล็อกนี้

วันอาทิตย์ที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564

การให้ที่ดินมีหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) โดยมิได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ เพียงแต่ส่งมอบที่ดินให้ผู้รับเข้าครอบครอง ต่อมาผู้ให้ถึงแก่ความตาย ที่ดินจะถือเป็นทรัพย์มรดกของผู้ให้หรือไม่ ?

 คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2156/2555

จำเลยเข้าครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินพิพาทโดยอาศัยสิทธิของตนที่ได้รับการยกให้จากนางรอด มิใช่ครอบครองที่ดินพิพาทเเทนทายาทอื่น อันเเสดงว่านางรอดได้ยกที่ดินพิพาทให้เเก่จำเลยเเล้วโดยโจทก์ไม่ได้เกี่ยวข้อง ซึ่งขณะที่นางรอดเเสดงเจตนายกที่ดินพิพาทนั้น ที่ดินพิพาทเป็นที่ดินที่มีเอกสารสิทธิเป็นหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) ผู้มีชื่อในเอกสารสิทธิจึงมีเพียงสิทธิครอบครอง การที่นางรอดส่งมอบที่ดินพิพาทให้เเก่จำเลยมิได้ทำเป็นหนังสือเเละจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่เเม้ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายเเพ่งเเละพาณิชย์มาตรา 525 ประกอบมาตรา 456 วรรคหนึ่ง เเต่ที่ดินพิพาทมีเเต่สิทธิครอบครอง จึงถือได้ว่านางรอดสละเจตนาครอบครองไม่ยึดถือที่ดินพิพาทต่อไป เมื่อจำเลยเข้าครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินพิพาทเเล้ว จำเลยย่อมได้สิทธิครอบครองตามมาตรา 1377 เเละ 1378 อันเป็นการได้สิทธิครอบครองตามกฎหมาย การออกโฉนดที่ดินพิพาทจัดทำโดยทางราชการ ออกให้เเก่นางรอดซึ่งเป็นผู้มีสิทธิครอบครองในหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) ฉบับเดิม เเม้ความจริงนางรอดไม่มีสิทธิครอบครองในที่ดินพิพาทเเล้วขณะออกโฉนดก็หาทำให้สิทธิครอบครองในที่ดินพิพาทของจำเลยเสียไปไม่ ที่ดินพิพาทจึงมิใช่ทรัพย์มรดกของนางรอดที่จะตกทอดเเก่ทายาทอีกต่อไป

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

มาตรา 525 การให้ทรัพย์สินซึ่งถ้าจะซื้อขายกันจะต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่นั้น ท่านว่าย่อมสมบูรณ์ต่อเมื่อได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ในกรณีเช่นนี้ การให้ย่อมเป็นอันสมบูรณ์โดยมิพักต้องส่งมอบ

มาตรา 456 การซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ ถ้ามิได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่เป็นโมฆะ วิธีนี้ให้ใช้ถึงซื้อขายเรือมีระวางตั้งแต่ห้าตันขึ้นไป ทั้งซื้อขายแพและสัตว์พาหนะด้วย

มาตรา 1377 ถ้าผู้ครอบครองสละเจตนาครอบครอง หรือไม่ยึดถือทรัพย์สินต่อไปไซร้ การครอบครองย่อมสุดสิ้นลง

มาตรา 1378 การโอนไปซึ่งการครอบครองนั้นย่อมทำได้โดยส่งมอบทรัพย์สินที่ครอบครอง


ไม่มีความคิดเห็น: