คำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๗๔๓/๒๕๖๑
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ม. ๔๒๐, ๘๘๐
การที่จำเลยซึ่งเป็นห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ย่อมต้องการให้มีผู้มาซื้อสินค้าและใช้บริการเป็นจำนวนมากซึ่งจะมีผลโดยตรงต่อรายได้ของจำเลย
การจัดให้มีลานจอดรถเป็นการให้บริการอย่างหนึ่งของจำเลยแก่ลูกค้า ดังนั้น
การที่จำเลยยอมให้บุคคลทั่วไปนำรถยนต์มาจอดที่ลานจอดรถไม่ทำให้จำเลยหลุดพ้นจากหน้าที่ที่ต้องดูแลรถที่ลูกค้าของจำเลยนำมาจอดในลานจอดรถของห้างสรรพสินค้า
จำเลยจึงมีหน้าที่ในการดูแลรักษาความปลอดภัยรถยนต์ของลูกค้าที่นำมาจอดในลานจอดรถของห้างสรรพสินค้าจำเลยและรับฟังได้อีกว่าก่อนเกิดเหตุจำเลยได้จัดให้มีการแจกบัตรเข้าออกสำหรับรถยนต์ของลูกค้าที่นำเข้ามาจอดแต่ขณะเกิดเหตุได้ยกเลิกการแจกบัตรเข้าออกและนำกล้องวงจรปิดมาติดตั้งไว้บริเวณทางเข้าออกลานจอดรถแทน ซึ่งการติดตั้งกล้องวงจรปิดก็เป็นเพียงอุปกรณ์บันทึกภาพรถยนต์เข้าออกเท่านั้น
ดังนั้น จึงเท่ากับจำเลยงดเว้นหน้าที่ที่จะต้องดูแลรถยนต์ของลูกค้าโดยให้ลูกค้าต้องเสี่ยงภัยเอง
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยส่งมอบรถกระบะ
หมายเลขทะเบียน บน ๙๑๖๘ พระนครศรีอยุธยา
หากส่งมอบรถกระบะไม่ได้ให้ใช้ค่าเสียหายเป็นเงิน ๓๙๖,๐๘๕ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ของต้นเงิน ๓๘๐,๐๐๐ บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน ๓๘๐,๐๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปีของต้นเงินดังกล่าว
นับแต่วันที่ ๖ สิงหาคม ๒๕๕๖ เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ แต่ดอกเบี้ยคำนวณถึงวันที่ ๖ มกราคม ๒๕๕๗ (ที่ถูก วันที่ ๕ มีนาคม ๒๕๕๗) ซึ่งเป็นวันฟ้องต้องไม่เกิน ๑๖,๐๗๕ บาท
ให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความให้ ๑๐,๐๐๐ บาท คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค ๑ พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีพาณิชย์และเศรษฐกิจวินิจฉัยว่า
ข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติว่า โจทก์รับประกันภัยรถกระบะ หมายเลขทะเบียน บน ๙๑๖๘ พระนครศรีอยุธยา จากนางสาวนุชจรี ผู้เอาประกันภัย ตั้งแต่วันที่ ๒๖ มิถุนายน ๒๕๕๕ ถึงวันที่ ๒๖ มิถุนายน ๒๕๕๕ โดยโจทก์จะชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายหรือสูญหายกรณีรถกระบะสูญหายเป็นเงิน ๓๘๐,๐๐๐ บาท ส่วนจำเลยประกอบกิจการจำหน่ายสินค้าอุปโภคและบริโภคแก่ประชาชน
ใช้ชื่อทางการค้าว่า ห้างสรรพสินค้าเทสโก้ โลตัส มีสาขาหลายแห่ง สาขานวนคร
จังหวัดปทุมธานี เป็นสาขาหนึ่งของจำเลย โดยจำเลยจัดลานจอดรถไว้ให้บริการแก่ลูกค้าที่มาซื้อสินค้าและใช้บริการ
เมื่อวันที่ ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๕๖ เวลา ๑๖.๓๐ นาฬิกา นายอนุกูล น้องชายของนางสาวนุชจรี
ผู้เอาประกันภัยได้ขับรถกระบะคันที่โจทก์รับประกันภัยไว้มาจอดที่ลานจอดรถของห้างสรรพสินค้าจำเลย สาขานวนคร
และเข้าไปซื้อสินค้าภายในห้างสรรพสินค้าจำเลย จนกระทั่งเวลา 17.30 นาฬิกา
จึงกลับออกมาปรากฏว่ารถกระบะคันดังกล่าวสูญหายไปจากลานจอดรถของห้างสรรพสินค้าจำเลย
นายอนุกูล จึงได้แจ้งให้พนักงานรักษาความปลอดภัยของจำเลยทราบ
จากนั้นได้แจ้งความต่อเจ้าพนักงานตำรวจและแจ้งให้โจทก์ทราบ
โจทก์ได้ให้เจ้าหน้าที่ของโจทก์มาดำเนินการตรวจสอบและได้จ่ายค่าสินไหมทดแทนเนื่องจากการสูญหายของรถกระบะให้แก่ธนาคารทิสโก้
จำกัด (มหาชน) ผู้รับประโยชน์ตามกรมธรรม์ประกันภัยเป็นเงิน ๓๘๐,๐๐๐ บาท
ปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยประการแรกว่า
จำเลยมีหน้าที่ต้องดูแลรักษารถกระบะที่นายอนุกูล
นำมาจอดที่ลานจอดรถของห้างสรรพสินค้าจำเลยหรือไม่ จำเลยฎีกาว่า
แม้จำเลยจะได้จัดให้มีสถานที่จอดรถให้แก่ลูกค้าผู้มาใช้บริการ แต่บุคคลอื่นยังสามารถนำรถยนต์มาจอดได้เพียงแต่ต้องปฏิบัติตามระเบียบ
โดยไม่ต้องรับบัตรผ่านเข้าออกและไม่ต้องผ่านการสอบถามจากพนักงานรักษาความปลอดภัยว่าจะมาทำธุระใด
ผู้นำรถยนต์เข้ามาจอดต้องหาที่จอดเอง
เก็บกุญแจและต้องดูแลรถยนต์กับทรัพย์สินภายในรถยนต์เอง
การครอบครองรถยนต์ยังอยู่กับผู้ที่ขับรถยนต์มา
จำเลยไม่ได้รับฝากรถหรือเรียกเก็บค่าบริการการนำรถยนต์เข้ามาจอดจำเลยได้รับประโยชน์จากผลกำไรจากการจำหน่ายสินค้าหรือให้บริการตามปกติทางการค้าเท่านั้น
พนักงานรักษาความปลอดภัยที่จำเลยว่าจ้างมาก็เพื่อดูแลรักษาความปลอดภัยแก่ทรัพย์สินของจำเลยเป็นสำคัญ
การติดตั้งกล้องวงจรปิดดูแลรถที่เข้าออก เป็นการจัดการจราจรเฝ้าระวังคนร้ายโจรกรรมอันเป็นบริการเสริมให้แก่ผู้มาใช้บริการ
อาคารห้างของจำเลยสาขานวนครมีลักษณะเป็นอาคารสาธารณะตามกฎกระทรวง ฉบับที่ ๔ (พ.ศ. ๒๕๒๖)
ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ.๒๕๒๒ และลานจอดรถของจำเลยก่อสร้างขึ้นเพื่อให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติดังกล่าว
บุคคลทั่วไปสามารถนำรถเข้ามาจอดหรือเข้าออกได้แม้ไม่ได้มาใช้บริการห้างสรรพสินค้าของจำเลยก็ตาม
ลักษณะลานจอดรถของจำเลยจึงเป็นที่สาธารณะตามคำนิยามของพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร
พ.ศ.๒๕๒๒ นั้น เห็นว่า
การที่จำเลยซึ่งเป็นห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ย่อมต้องการให้มีผู้มาซื้อสินค้าและใช้บริการเป็นจำนวนมากตามขนาดของห้างซึ่งจะมีผลโดยตรงต่อรายได้ของจำเลย
การจัดให้มีลานจอดรถสำหรับเป็นที่จอดรถของลูกค้าหรือผู้มาใช้บริการห้างสรรพสินค้าของจำเลยก็เป็นปัจจัยหนึ่งเพื่อจูงใจให้ลูกค้ามาซื้อสินค้าหรือใช้บริการ
การจัดสถานที่จอดรถจึงเป็นการให้บริการอย่างหนึ่งของจำเลยแก่ลูกค้า ดังนั้น
ในการให้บริการดังกล่าวจำเลยย่อมต้องมีหน้าที่ที่จะต้องดูแลรักษาความปลอดภัยแก่ทรัพย์สินของลูกค้าซึ่งรวมถึงรถยนต์ของลูกค้าที่นำมาจอดบริเวณลานจอดรถของห้างสรรพสินค้าจำเลยด้วย
การที่จำเลยยินยอมให้บุคคลทั่วไปนำรถยนต์มาจอดที่ลานจอดรถไม่ทำให้จำเลยหลุดพ้นจากหน้าที่ที่จะต้องให้การดูแลรักษาความปลอดภัยแก่ทรัพย์สินของลูกค้า
จำเลยจึงมีหน้าที่ที่ต้องดูแลรถกระบะที่นายอนุกูลลูกค้าของจำเลยนำมาจอดในลานจอดรถของห้างสรรพสินค้าจำเลย
เมื่อวินิจฉัยมาดังนี้ ปัญหาว่าลานจอดรถของจำเลยเป็นที่สาธารณะตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร
พ.ศ.2522 หรือไม่ จึงไม่จำต้องวินิจฉัย
ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 วินิจฉัยมานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย
ฎีกาข้อนี้ของจำเลยฟังไม่ขึ้น
ปัญหาต้องวินิจฉัยประการต่อไปว่า
เหตุที่รถกระบะสูญหายเกิดจากความประมาทเลินเล่อของจำเลยหรือไม่ จำเลยฎีกาว่า
จำเลยไม่มีหน้าที่ในการดูแลรถยนต์ของลูกค้าที่นำมาจอดที่ลานจอดรถของจำเลยเนื่องจากจำเลยไม่ได้จัดให้มีการแจกบัตรแก่ลูกค้าที่นำรถยนต์เข้ามาจอดในลานจอดรถเมื่อรถยนต์ของลูกค้าสูญหายไปจึงถือไม่ได้ว่าเกิดจากความประมาทเลินเล่อของจำเลย
นั้น เห็นว่า เมื่อจำเลยมีหน้าที่ในการดูแลรักษาความปลอดภัยรถยนต์ของลูกค้าที่นำมาจอดในลานจอดรถของห้างสรรพสินค้าจำเลยดังที่ได้วินิจฉัยไว้ข้างต้นแล้วและข้อเท็จจริงรับฟังได้อีกว่า
ก่อนเกิดเหตุจำเลยได้จัดให้มีการแจกบัตรเข้าออกสำหรับรถยนต์ของลูกค้าที่นำเข้ามาจอดแต่ขณะเกิดเหตุได้ยกเลิกการแจกบัตรเข้าออกและนำกล้องวงจรปิดมาติดตั้งไว้บริเวณทางเข้าออกลานจอดรถแทน
การที่จำเลยแจกบัตรเข้าออกสำหรับลูกค้าที่นำรถยนต์เข้ามาจอดบริเวณลานจอดรถของห้างสรรพสินค้าจำเลยแสดงว่าจำเลยใช้มาตรการในการดูแลรักษาความปลอดภัยให้แก่รถยนต์ของลูกค้าโดยมีพนักงานคอยตรวจสอบดูแลรถยนต์ในขณะที่เข้าหรือออกจากลานจอดรถของห้างสรรพสินค้าจำเลย
หากไม่มีบัตรที่มอบให้ในขณะที่นำรถยนต์เข้ามาจอดก็ไม่สามารถนำรถยนต์ออกไปจากลานจอดรถของห้างสรรพสินค้าจำเลยได้
อันเป็นมาตรการในการตรวจสอบที่ค่อนข้างจะรัดกุมแต่จำเลยกลับยกเลิกไป
และปรากฏตามทางนำสืบของจำเลยด้วยว่าจำเลยได้ติดป้ายเตือนไว้ที่ลานจอดรถของห้างสรรพสินค้าจำเลย ว่าลูกค้าต้องดูแลทรัพย์สินของตนเองจึงเท่ากับจำเลยงดเว้นหน้าที่ที่จะต้องดูแลรถยนต์ของลูกค้าโดยให้ลูกค้าต้องเสี่ยงภัยเอง
ทั้งการติดตั้งกล้องวงจรปิดก็เป็นเพียงอุปกรณ์บันทึกภาพรถยนต์เข้าออกเท่านั้นไม่สามารถป้องกันการโจรกรรมได้ แสดงให้เห็นได้ว่าเป็นมาตรการที่ไม่เพียงพอที่จะดูแลรักษาความปลอดภัยให้แก่รถยนต์ของลูกค้าได้
ดังนั้นการที่รถกระบะที่นายอนุกูล ขับมาจอดที่ลานจอดรถของจำเลยสูญหายไป
จึงเกิดจากการงดเว้นในการปฏิบัติหน้าที่อันเป็นความประมาทเลินเล่อของจำเลย ที่ศาลอุทธรณ์ภาค
1 วินิจฉัยมานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย
ฎีกาของจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้นอีกเช่นกัน
พิพากษายืน
ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น