คำพิพากษาฎีกาที่ 3366/2561
จำเลยขับรถกระบะไปเปลี่ยนยางรถที่ร้านผู้เสียหายโดย บ.ญาติจำเลยไปด้วย ผู้เสียหายคิดราคายางสี่เส้นเป็นเงิน 8,000 บาท จำเลยตกลงเปลี่ยนยางทั้งสี่เส้น ว. ลูกจ้างประจำร้านเป็นผู้เปลี่ยนให้ โดยใส่ยางรถชุดเก่าไว้ในกระบะรถ เมื่อเปลี่ยนยางรถเสร็จทั้งสี่เส้นแล้ว ว. ถอยรถกระบะไปจอดที่บริเวณหน้าร้านโดยติดเครื่องยนต์ไว้ จากนั้นประมาณ 3 นาที จำเลยขับรถกระบะดังกล่าวออกจากร้านไปโดยไม่ชำระราคา ขณะตกลงซื้อขายยางรถระหว่างจำเลยกับผู้เสียหาย จำเลยไม่มีเจตนาที่จะใช้กลอุบายหลอกลวงให้ผู้เสียหายส่งมอบยางรถทั้งสี่เส้นโดยไม่คิดจะชำระราคามาแต่ต้น ดังนั้น กรรมสิทธิ์ในยางรถทั้งสี่เส้นย่อมโอนไปยังจำเลยซึ่งเป็นผู้ซื้อ ตั้งแต่เมื่อได้ทำสัญญาซื้อขายและกำหนดเป็นทรัพย์เฉพาะสิ่งแล้วตาม ป.พ.พ.มาตรา 458 และมาตรา 460 วรรคหนึ่ง แม้จำเลยยังมิได้ชำระราคาแก่ผู้เสียหาย ก็เป็นมูลคดีผิดสัญญาในทางแพ่งเท่านั้น หามีมูลความผิดทางอาญาฐานลักทรัพย์ไม่
ข้อสังเกต องค์ประกอบความผิดประการสำคัญ ของมาตรา 334 ในส่วนองค์ประกอบภายนอก เรื่องการ “เอาไป” ซึ่งจะเป็นความผิดฐานลักทรัพย์ได้นั้น จะต้องเป็นการแย่งการครอบครองในลักษณะตัดกรรมสิทธิ์ กล่าวคือ จะต้องมีผู้ครอบครองทรัพย์นั้นอยู่ และผู้กระทำความผิดได้เอาทรัพย์นั้นไปโดย ผู้ครอบครองทรัพย์ไม่อนุญาต แต่ตามข้อเท็จจริงนี้ ในขณะตกลงซื้อขายยางรถยนต์และมีการส่งมอบยางรถยนต์ จำเลยไม่มีเจตนาที่จะใช้กลอุบายหลอกลวงให้ผู้เสียหายส่งมอบยางรถยนต์ทั้งสี่เส้นเพื่อแย่งการครอบครองโดยไม่คิดจะชำระราคาแต่อย่างใด ดังนั้นจึงเป็นเพียงการผิดสัญญาทางแพ่งเท่านั้น การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดอาญาฐานลักทรัพย์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น