๑.ผิดฐานร่วมกันบุกรุกตาม ปอ มาตรา ๓๖๕(๒)แล้ว ไม่ผิดบุกรุกตาม ปอ มาตรา ๓๖๒ ซึ่งเป็นการบุกรุกไม่มีเหตุฉกรรจ์อีก คำพิพากษาฏีกา ๑๑๕๖/๒๕๑๗
๒.หมิ่นประมาทตาม ปอ มาตรา ๓๒๖ด้วยการโฆษณา กฎหมายให้ต้องรับโทษตาม ปอ มาตรา ๓๒๘ เป็นเหตุฉกรรจ์ให้รับโทษเป็นขั้นๆไป ไม่ใช่ทำผิดกฎหมายหลายบท คำพิพากษาฏีกา ๓๘๘๙/๒๕๓๑
๓.ใช้ให้ทำผิดและร่วมทำผิดด้วย เป็นกรรมเดียวฐานเป็นตัวการร่วมกระทำผิด คำพิพากษาฏีกา ๒๔๙๗/๒๕๑๘
๔.บอกให้ อ. ยิงตำรวจ และได้ร่วมกับ อ.ยิงตำรวจด้วยโดยดึงพานท้ายปืนตำรวจไว้ไม่ให้ป้องกันตัว เป็นการใช้ให้ผู้อื่นกระทำผิดด้วยและเข้าร่วมในการกระทำผิดด้วย จึงเกลื่อนกลืนกัน เป็นตัวการร่วมกันพยายามฆ่าเจ้าพนักงาน คำพิพากษาฏีกา ๑๘๕/๒๕๒๐
๕.ส่งมีดให้จำเลยที่ ๑ พร้อมบอกให้แทงผู้ตาย เป็นการส่งเสริมในการฆ่า เป็นผู้ใช้ให้ฆ่า เมื่อจำเลยที่ ๑รับมีดแล้วได้ แทงผู้ตาย ก็หลบหนีไปด้วยกัน เป็นตัวการร่วมในการกระทำความผิด เป็นกรรมเดียวฐานเป็นตัวการร่วมกันฆ่า คำพิพากษาฏีกา ๑๕๘/๒๕๕๓
๖.ใช้ให้ผู้อื่นปลอมบัตรประชาชนแล้วได้เข้าร่วมในการปลอมนั้นด้วย ความผิดฐานใช้ให้ปลอมบัตรประชาชนจึงเกลื่อนกลืนเป็นกรรมเดียวกับความผิดฐานปลอมบัตรประชาชน คำพิพากษาฏีกา ๓๙๖๑/๒๕๒๙
๗.เมื่อเป็นความผิดฐานดูหมิ่นเจ้าพนักงานตาม ปอ มาตรา ๑๓๖แล้วก็ไม่เป็นความผิดฐานดูหมิ่นบุคคลธรรมดาตาม ปอ มาตรา ๓๙๓ อีก คำพิพากษาฏีกา ๑๓๙๘/๒๕๐๖
๘.เมื่อเป็นความผิดตาม ปอ มาตรา ๑๔๗แล้วก็ไม่เป็นความผิดตาม ปอ มาตรา ๑๕๗ อีก คำพิพากษาฏีกา ๘๒๙/๒๕๒๒.
๙.เมื่อเป็นความผิดตามพรบ.ว่าด้วยความผิดของเจ้าพนักงานในองค์กรหรือหน่วยงานของรัฐแล้ว ย่อมไม่เป้นความผิดตาม ปอ มาตรา ๑๕๗ ซึ่งเป็นบททั่วไป คำพิพากษาฏีกา ๓๒๙๖/๒๕๓๐
๑๐.เมื่อเป็นความผิดฐานแจ้งความเท็จตาม ปอ มาตรา ๑๗๒แล้วย่อมไม่เป็นความผิดฐานแจ้งความเท็จตามปอ มาตรา ๑๓๗ อีก คำพิพากษาฏีกา ๒๐๒๗/๒๕๒๖
๑๑.เมื่อเป็นความผิดฐานแจ้งความเท็จตามปอ มาตรา ๑๗๓,๑๗๔แล้วย่อมไม่ผิดฐานแจ้งความเท็จตาม ปอ มาตรา ๑๓๗ อีก คำพิพากษาฏีกา ๑๐๘๘/๒๕๓๖
๑๒.เมื่อเป็นความผิดตามปอ มาตรา ๑๔๘แล้ว ไม่เป็นความผิดตาม ปอ มาตรา ๑๕๗ อีก คำพิพากษาฏีกา ๑๑๗๐/๒๕๔๒
๑๓.กระทำความผิดฐานชิงทรัพย์แล้วใช้มีดแทงบุตรผู้เสียหายตาย เป็นกรรมเดียวในความผิดฐานชิงทรัพย์และฆ่า คำพิพากษาฏีกา ๘๓๗/๒๕๑๐
๑๔.เข้าไปลักทรัพย์แล้วมัดผู้เสียหายแล้วไปค้นหาทรัพย์ เมื่อพบผู้เสียหายก็ยิงผู้เสียหายทันที เป็นการกระทำที่มีวัตถุประสงค์เดียวกัน เพื่อความสะดวกในการลักทรัพย์ เป็นกรรมเดียว คำพิพากษาฏีกา ๑๙๘๕/๒๕๑๗
๑๕.ชิงทรัพย์และฆ่าได้กระทำต่อเนื่องเพื่อความสะดวกในการชิงทรัพย์และการพาเอาทรัพย์ไป เพื่อให้พ้นการจับกุม เป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท คำพิพากษาฏีกา ๓๑๑๖/๒๕๓๗
๑๖.มีอาวุธปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยบรรยายฟ้องเป็นสองกรรมต่างกัน เมื่อเป็นปืนกระบอกเดียวกันตลอดมาถึงวันฟ้อง แม้รับสารภาพศาลก็ลงได้เพียงกรรมเดียว คำพิพากษาฏีกา ๕๓๔๑/๒๕๓๑
๑๗.กอดปล้ำบีบคอผู้เสียหายจนหมดสติ แล้วจึงถอดเสื้อกางเกงเพื่อจะขมขื่นเป็นความผิดฐานกระทำอนาจารและพยายามฆ่า การกระทำต่อเนื่องในคราวเดียวกันไม่ขาดตอน เป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท คำพิพากษาฏีกา ๒๒๖๘/๒๕๒๙
๑๘.เบิกความสองครั้งโดยครั้งแรกเบิกความยังไม่จบ ศาลมีคำสั่งให้เลื่อนคดีให้ทนายซักค้านในนัดหน้า ข้อความครั้งแรกกับครั้งหลังก็ต่อเนื่องกัน เป็นกรรมเดียวในความผิดฐานเบิกความเท็จ คำพิพากษาฏีกา ๒๔๔/๒๕๓๕
.ข้อสังเกต ๑.กระทำการอันใดอันเป็นความผิดกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ให้ใช้บทกฎหมายที่มีโทษหนักสุดลงโทษแก่ผู้กระทำผิด ปอ มาตรา ๙๐
๒.กระทำการอันเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทหลายกรรมต่างกันให้ลงโทษทุกกรรมที่เป็นกระทงความผิดไป ปอ มาตรา ๙๑
๓.เมื่อกฎหมายกำหนดลงโทษในเหตุฉกรรจ์แล้วถือไม่เป็นความผิดอีกกรรมในความผิดบทธรรมดา เช่น ลักทรัพย์ในเวลากลางคืนตาม ปอ มาตรา ๓๓๕(๑) แล้ว ไม่ผิดลักทรัพย์ธรรมดาตาม ปอ มาตรา ๓๓๔ อีกกรรม หรือเมื่อกระทำผิดฐานวิ่งราวทรัพย์ แล้ว ไม่ผิดฐานลักทรัพย์อีกกรรม หรือบุกรุกมีเหตุฉกรรจ์ตาม ปอ มาตรา ๓๖๕ แล้ว ไม่ผิดบุกรุกธรรมดาตาม ปอ มาตรา ๓๖๒ อีกกรรม กระทำผิดฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณาแล้วตาม ปอ มาตรา ๓๒๘ ไม่ผิดหมิ่นประมาทธรรมดาตาม ปอ มาตรา ๓๒๖ อีกกรรม นั้นก็คือ เมื่อกระทำการตามที่กฎหมายบัญญัติโทษไว้ในบทฉกรรจ์แล้วจะถือว่ากระทำผิดในบทธรรมดาอีกกรรมไม่ได้
๔.เมื่อเป็นผู้ก่อให้ผู้อื่นกระทำความผิด ไม่ว่าด้วยการใช้ บังคับ จ้างวาน ขู่เข็ญ จ้างวาน ยุยงส่งเสริมให้ผู้อื่นกระทำความผิดอันถือเป็นความผิดฐานเป็น “ผู้ใช้” ให้ผู้อื่นกระทำความผิดตาม ปอ มาตรา ๘๔ แล้ว หากผู้ใช้ “ เข้าร่วม” กับผู้ถูกใช้ในการกระทำความผิดด้วยแล้ว ถือว่าความผิดที่ “ ใช้ให้ผู้อื่นกระทำความผิด” เกลื่อนกลืนกับความผิดฐาน “ เป็นตัวการร่วม” ในการกระทำความผิดแล้ว เป็นความผิดกรรมเดียวฐานร่วมกันกระทำความผิดเท่านั้น ไม่มีความผิดฐานเป็น “ ผู้ใช้” อีกกรรมหนึ่ง
๕.เมื่อกฎหมายบัญญัติไว้เป็นบทเฉพาะแล้วก็ไม่เป็นความผิดบททั่วไปอีก เมื่อฟังได้ว่าเป็นความผิดฐานดูหมิ่นเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่หรือเพราะได้กระทำการตามหน้าที่ ตาม ปอ มาตรา ๑๓๖ก็ไม่เป็นความผิดฐานดูหมิ่นซึ่งหน้าตาม ปอ มาตรา ๓๙๓ อีก เป็นกรรมเดียวกันจะถือเป็นทั้งความผิดฐานดูหมิ่นซึ่งหน้าและดูหมิ่นเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่เป็นความผิดสองกรรมหาได้ไม่ หรือเมื่อเป็นความผิดตามบทกฎหมายที่เขียนไว้โดยเฉพาะแล้วก็ไม่เป็นความผิดตามปอ มาตรา ๑๕๗ซึ่งเป็นบททั่วไป อีก เป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบทหาใช่เป็นความผิดสองกรรมแต่อย่างใดไม่
๕.การกระทำความผิดบางฐานรวมการกระทำหลายอย่างอยู่ด้วยกันซึ่งการกระทำแต่ละฐานเป็นความผิดอยู่ในตัวของมันเอง เมื่อกระทำความผิดดังกล่าวถือเป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท เช่น ชิงทรัพย์แล้วฆ่าเจ้าทรัพย์ เพื่อหลบหนีการจับกุมหรือเพื่อยึดถือเอาทรัพย์นั้นไว้หรือเพื่อปกปิดการกระทำความผิด เห็นได้ว่าความผิดฐานชิงทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายตาม ปอ มาตรา ๓๓๙วรรคท้าย เป็นเหตุฉกรรจ์ของการชิงทรัพย์ซึ่งรวมการฆ่าอยู่ในองค์ประกอบความผิดแล้ว และในขณะเดียวกันการฆ่าเพื่อความสะดวกในการกระทำความผิดฐานอื่นหรือเพื่อจะเอา หรือเอาไว้ซึ่งผลประโยชน์อันเกิดแต่การที่ตนได้กระทำความผิดทางอาญาฐานอื่น เพื่อปกปิดการกระทำผิดทางอาญาของตนหรือเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดฐานอื่นที่ตนได้กระทำ ตาม ปอ มาตรา ๒๘๙(๖)(๗)..ก็เป็นเหตุฉกรรจ์ของความผิดฐานฆ่าผู้อื่น.การกระทำดังกล่าวจึงเป็นการกระทำที่มีองค์ประกอบของความผิดร่วมกัน เป็นกรรมเดียวกันหาใช่เป็นความผิดสองกรรมแต่อย่างใดไม่ แต่ทั้งนี้ต้องพิจารณาว่าการฆ่านั้นเกิดขึ้นภายหลังการชิงทรัพย์เสร็จสิ้นหรือยัง ขาดตอนไปแล้วหรือยัง หากยังไม่ขาดตอนเป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท แต่หากขาดตอนไปแล้วด้วยเวลาที่ต่างกัน ด้วยระยะทางที่แตกต่างกันมากก็อาจเป็นความผิดสองกรรมได้
๖.กระทำความผิดที่ต่อเนื่องกันตลอดมา เป็นความผิดกรรมเดียว เช่น การ มีอาวุธปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตแม้บรรยายฟ้องเป็นสองกรรมต่างกัน แต่เมื่อเป็นปืนกระบอกเดียวกันตลอดมาถึงวันฟ้อง การกระทำเป็นความผิดต่อเนื่องกันตลอดเวลาที่ยังไม่ได้รับอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน เป็นการกระทำกรรมเดียว แม้ครอบครองต่อเนื่องกันหลายวันก็หาใช่เป็นความผิดตามแต่ละวันที่ครอบครองปืนไม่ ความผิดเกิดขึ้นตั้งแต่มีอาวุธปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตตลอดมา แม้บรรยายฟ้องหลายกรรมศาลก็ลงโทษได้เพียงกรรมเดียวเป็นความผิดกรรมเดียวหาใช่ความผิดหลายกรรมแต่อย่างใดไม่ กรณีที่บุกรุกก็เช่นกันความผิดเกิดตั้งแต่มีการบุกรุก แม้จะบุกรุกครอบครองที่พิพาทต่อเนื่องกันมาก็เป็นความผิดกรรมเดียวหาใช่เป็นความผิดหลายกรรมตามวันเวลาที่ครอบครองในแต่ละวันไม่ แม้บรรยายฟ้องหลายกรรม แม้รับสารภาพศาลก็ลงได้เพียงกรรมเดียว ปัญหานี้เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยศีลธรรมอันดีงามของประชาชน ศาลสามารถยกขึ้นมาวินิจฉัยเองได้
๗.การกระทำการบางอย่างต่อเนื่องกันไปเป็นความผิดหลายฐาน หากการกระทำความผิดหลายฐานดังกล่าวความผิดต่อเนื่องไม่ขาดสายแล้วเป็น การกระทำกรรมเดียวผิดกฏหมายหลายบท เช่นการกอดปล้ำบีบคอผู้เสียหายจนหมดสติโดยมีวัตถุประสงค์ที่จะข่มขืนผู้เสียหาย แล้วจึงถอดเสื้อกางเกงเพื่อจะขมขื่น การบีบคอก็ดี มีจุดมุ่งหมายที่จะทำอนาจารและข่มขืนผู้เสียหาย มีเจตนาที่จะข่มขืนเป็นหลัก ซึ่งการข่มขืนก็รวมการกระทำอนาจารเข้าไว้ในตัวเองด้วย ส่วนการกระทำอื่นเช่นการบีบคอก็เพื่อความสะดวกในการกระทำความผิดฐานข่มขืนหรืออนาจาร มีเจตนาเดียว เป็นการกระทำกรรมเดียวผิดกฏหมายหลายบท การบีบคอเป็นการกดไปที่เส้นเลือดที่จะนำเลือดไปเลี้ยงสมอง สมัยโบราณเรียก “ บริเวณลูกกระเดือก” ว่า “ จุดกลืนถ่าน” เป็นจุดอันตรายในการทำร้ายคู่ต่อสู้ในการป้องกันตัว โดยตามหลักวิชาทางการแพทย์ การกดนาน ๕ วินาทีทำให้หมดสติหาก กดนานกว่านี้อาจทำให้ถึงแก่ความตายได้ การกระทำดังกล่าวจึงเป็นความผิดฐานพยายามฆ่า และเป็นความผิดฐานกระทำอนาจารเป็น การกระทำต่อเนื่องในคราวเดียวกันไม่ขาดตอน เป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท
๘.เบิกความครั้งที่สองต่อเนื่องจากการเบิกความครั้งแรกที่ยังไม่จบโดย ศาลมีคำสั่งให้เลื่อนคดีให้ทนายซักค้านในนัดหน้า ข้อความครั้งแรกกับครั้งหลังก็ต่อเนื่องกัน มีเจตนาเดียวกันคือมีเจตนาเบิกความเท็จเพื่อใส่ร้ายบุคคลหนึ่งบุคคลใดหรือเพื่อช่วยเหลือบุคคลหนึ่งบุคคลใดก็ตาม เมื่อการเบิกความทั้งสองครั้งมีเจตนานำความเท็จมากล่าวในการเบิกความในศาล การกระทำดังกล่าวจึงเป็นกรรมเดียวในความผิดฐานเบิกความเท็จ หาใช่เป็นความผิดสองกรรมตามแต่ละวันที่เบิกความไม่ เมื่อมีเจตนาเดียวที่จะเบิกความเท็จ แม้เบิกความเท็จหลายวันในเรื่องเดียวกันก็เป็นความผิดกรรมเดียวหาใช่เป็นความผิดหลายกรรมแต่อย่างใดไม่
๙.การกระทำต่างเวลาไม่ใช่เป็นการกระทำผิดต่างกรรมเสมอไป ขึ้นกับข้อเท็จจริงในแต่ละเรื่อง เช่น ประสงค์ลักทรัพย์หลายชิ้นในคราวเดียวกัน เจตนาก็คือการลักทรัพย์ ในเคหสถาน หาใช่เป็นความผิดฐานลักทรัพย์หลายกรรมในทรัพย์แต่ละชิ้นที่ลักไปไม่ แม้จะหยิบทรัพย์คนละเวลาคนละครั้งต่างกันก็ตามก็เป็นความผิดกรรมเดียว ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่คนร้ายจะสามารถหยิบทรัพย์หลายชิ้นไปพร้อมกัน อาจต้องหยิบทรัพย์แต่ละชิ้นคนละเวลากันก็ได้ ก็ไม่ทำให้การกระทำดังกล่าวเป็นความผิดหลายกรรมแต่อย่างใดไม่ หรือในกรณีลักบัตร ATM แล้วมากดเงินอาจต้องกดหลายครั้งในเวลาต่อเนื่องกันเพราะเครื่อง ATM อาจกำหนดว่าในแต่ละครั้งเบิกเงินได้สูงสุดในแต่ละครั้งได้เท่าไหร่ จึงอาจต้องกดหลายครั้งเพื่อให้ได้เงินจำนวนมาก การถอนเงิน ณ. สถานที่เดียวกันในเวลาที่ใกล้เคียงกันมีเจตนาเดียวคือต้องการกดให้ได้เงินมากที่สุด จึงกดต่อเนื่องกัน เป็นการกระทำกรรมเดียว ซึ่งได้มีคำพิพากษาฏีกา ๕๖๘๔/๒๕๔๖ วินิจฉัยรองรับในเรื่องดังกล่าวไว้
๑๐.แต่หากนำบัตร ATM ไปกดเงินในวันเวลาที่ต่างกัน สถานที่ต่างกัน หรือกดในกรุงเทพบ้าง ต่างจังหวัดบ้าง ในจังหวัดเดียวกันก็กดเงินหลายที่ แสดงให้เห็นว่าต้องการถอนเงินของผู้เสียหายเป็นคราวๆไป เมื่อเบิกถอนเงิน ๖๐ ครั้ง เป็นการกระทำความผิด ๖๐ กระทง เมื่อรวมกับความผิดฐานลักบัตรก็เป็นอีก ๑ กระทงรวม ๖๑ กระทง คำพิพากษาฏีกา ๓๑๐/๒๕๔๖
๑๑ บัตร ATM เป็นวัตถุที่บันทึกข้อมูลหรือรหัสด้วยการประยุกต์ใช้วิธีการทางอีเล็คตรอนไฟฟ้า คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าหรือวิธีการทางแม่เหล็กให้ปรากฏความหมายด้วยตัวอักษร ตัวเลข รหัส หมายเลขบัตร โดยมีข้อมูล รหัส หมายเลขบัญชี หมายเลขชุดทางอีเล็คทรอนิค หรือเครื่องมือทางตัวเลขใดๆที่ออกให้แก่ผู้มีสิทธิใช้ โดยมีวิธีการใช้ด้วยการการประยุกต์ใช้วิธีการทางอีเล็คตรอนไฟฟ้า คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าหรือวิธีการทางแม่เหล็กให้ปรากฏความหมายด้วยตัวอักษร ตัวเลข รหัส หมายเลขบัตร ดังนั้นบัตร ATM จึงเป็นบัตรอิเล็คทรอนิคตาม ปอ มาตรา ๑(๑๔) .การลักบัตร ATM นอกจากเป็นความผิดฐานลักทรัพย์ แล้วการมีไว้เพื่อนำออกใช้ยังเป็นความผิดฐาน ใช้ หรือมีไว้เพื่อนำออกใช้ซึ่งบัตรอีเล็คทรอนิคของผู้อื่นโดยไม่ชอบ ในประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อเจ้าของบัตร ธนาคารผู้ออกบัตร ผู้อื่นหรือประชาชน อันเป็นความผิดตาม ปอ มาตรา ๒๖๙/๕และ๒๖๙/๖โดยการกระทำดังกล่าวเป็นการเบิกถอนเงินสด ซึ่งต้องระวางโทษหนักกว่าที่บัญญัติไว้ในมาตรา ๒๖๙/๕ และ ๒๖๙/๖ อีกกึ่งหนึ่ง ตาม ปอ มาตรา๒๖๙/๗
๑๒.ในความเห็นส่วนตัวเห็นว่า บัตร ATM เป็นวัตถุที่ทำให้ปรากฏความหมายด้วยตัวอักษร ตัวเลข ทั้งยังแสดงสิทธิ์ในการเป็นเจ้าของบัตรและสามารถเบิกถอนเงินได้ บัตรATM จึงเป็นเอกสาร การเอาบัตร ATM ไปจึงเป็นความผิดฐาน เอาไปเสียซึ่งเอกสารของผู้อื่นในประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อผู้อื่นหรือประชาชนตาม ปอ มาตรา ๑๘๘ แล้ว เป็นความเห็นส่วนตัวครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น