คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8192/2561
แม้จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 กับพวก วางแผนที่จะเข้าไปลักทรัพย์ภายในโรงงานของผู้เสียหายที่
1 แต่ไม่ปรากฏว่ามีการวางแผนแบ่งหน้าที่รับมากระทำเป็นส่วน ๆ
ให้จำเลยที่ 1 และที่ 3 กับพวก จะใช้กำลังประทุษร้ายหรือขู่เข็ญว่าในทันใดนั้นจะใช้กำลังประทุษร้ายเพื่อสะดวกแก่การลักทรัพย์ พาทรัพย์นั้นไป ให้ยื่นให้ซึ่งทรัพย์ ยึดถือเอาทรัพย์นั้นไว้
ปกปิดการกระทำความผิดนั้น
หรือให้พ้นจากการจับกุม อันเป็นองค์ประกอบความผิดฐานปล้นทรัพย์
รวมไปถึงการทำร้ายร่างกายและปล้นเงินของผู้เสียหายที่ 2 ซึ่งเป็นพนักงานรักษาความปลอดภัยในโรงงานของผู้เสียหายที่
1 ข้อเท็จจริงจึงฟังได้เพียงว่า พฤติการณ์ที่จำเลยที่ 2
ทำหน้าที่เพียงขับรถยนต์ไปส่งจำเลยที่ 1 และที่
3 กับพวก ที่โรงงานของผู้เสียหายที่ 1 แล้วขับรถไปรอที่ปั๊มน้ำมัน
เมื่อจำเลยที่ 1 และที่ 3 กับพวกลักทรัพย์ได้แล้ว
พวกของจำเลยที่ 1 และที่ 3 โทรศัพท์แจ้งให้จำเลยที่
2 ขับรถยนต์ไปรับจำเลยที่ 1 และที่ 3
กับพวก พร้อมทรัพย์ที่ลักมา
ซึ่งเป็นการเข้ามาร่วมกระทำผิดด้วย เมื่อมีการตัดสายไฟแล้วขนย้ายเคลื่อนที่อันเป็นการลักทรัพย์สำเร็จเท่านั้น
ดังนั้น การที่จำเลยที่ 2 ซึ่งอยู่ที่อื่นห่างไกลจากสถานที่เกิดเหตุ จึงไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการใช้กำลังประทุษร้ายผู้เสียหายที่
2 ด้วย จำเลยที่ 2 จึงไม่มีความผิดฐานร่วมกันปล้นทรัพย์ผู้เสียหายที่
1 และที่ 2 โดยใช้รถยนต์เป็นยานพาหนะเพื่อกระทำผิด
หรือพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม
และหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่นตามฟ้อง แต่มีความผิดเพียงฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำผิดฐานลักทรัพย์ผู้เสียหายที่ 1
ในเวลากลางคืน โดยร่วมกันกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป
โดยใช้รถยนต์เป็นยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิด หรือพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม
ตาม ป.อ. มาตรา 335 (1) (7) วรรคสอง ประกอบมาตรา 336 ทวิ และมาตรา 86 อันเป็นการกระทำซึ่งเป็นความผิดได้อยู่ในตัวเองและรวมอยู่ในความผิดฐานปล้นทรัพย์ตามที่โจทก์ฟ้อง
ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 192 วรรคท้าย และจำเลยที่ 2 ไม่ต้องรับผิดร่วมกับจำเลยที่ 1 และที่ 3 คืนเงิน 3,900 บาท แก่ผู้เสียหายที่ 2 แต่ต้องร่วมกับจำเลยที่ 1 และที่ 3 คืนเงิน 280,000 บาท แก่ผู้เสียหายที่ 1
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น