ครอบครองยาเสพติด 4,000 เม็ด
ต่อสู้ว่ามีไว้ในความครอบครองโดยผิดกฎหมาย ไม่ได้มีไว้เพื่อจำหน่าย
หากไม่มีพฤติการณ์จำหน่าย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 896 / 2563
ทั้งเมื่อจำเลยที่ 2 ครอบครองเมทแอมเฟตามีน 4,000 เม็ดของกลางแล้วจำเลยที่ 2 ได้นำไปซุกซ่อนไว้
โดยไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าจำเลยที่ 2 มีพฤติการณ์ขาย จ่าย แจก แลกเปลี่ยน หรือให้เมทแอมเฟตามีน 4,000 เม็ด ของกลางแก่ผู้ใด เจตนาที่แท้จริงและพฤติการณ์แห่งคดีดังกล่าวเชื่อว่าจำเลยที่ 2 มีเจตนาครอบครองเมทแอมเฟตามีน 4,000 เม็ด ของกลางไว้เป็นของตนเองเท่านั้น
พยานหลักฐานที่จำเลยที่ 2 นำสืบจึงสามารถพิสูจน์ให้เห็นว่ากรณีของจำเลยที่ 2 ไม่เข้าเงื่อนไขตามข้อสันนิษฐานของกฎหมายได้ ฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่สองมีเมทแอมเฟตามีน 4,000 เม็ด ของกลางไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย
จำเลยที่สองจึงไม่มีความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย
แต่การกระทำของจำเลยที่สองเป็นความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครอง
สรุป ข้อต่อสู้ของจำเลยคดีนี้
จึงสามารถพิสูจน์หักล้างข้อสันนิษฐานตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคสาม
(2) ได้ว่า แม้จะมียาบ้าหรือเมทฯ
เกินกว่า 15 เม็ด
( กรณียาไอซ์ 0.375 กรัม)
ก็ไม่ได้มีไว้เพื่อจำหน่าย แต่อย่างใด
ผิดเพียงฐานมีไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมายเท่านั้น
ซึ่งมีอัตราโทษเบากว่ากันมาก
อนึ่ง เดิมก่อนมีการแก้ไขพระราชบัญญัติ ยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ ๖)
พ.ศ. ๒๕๖๐ นั้นปริมาณยาเสพติดที่เกินจำนวนที่กฎหมายกำหนด เช่น ยาบ้าเกิน 15 เม็ด ไอซ์สารบริสุทธิ์เกิน 375 มิลลิกรัม
จะถือว่าเป็นการครอบครองเพื่อจำหน่าย จะเป็นข้อสันนิษฐานเด็ดขาด ไม่สามารถปฏิเสธนำสืบหักล้างได้ว่าไม่ได้มีไว้เพื่อจำหน่าย แต่ต่อมา ใน พ.ศ. ๒๕๖๐ ได้มีการแก้ไขกฎหมายมาตรา 15 จากเดิมใช้คำว่า
“ให้ถือว่า” เปลี่ยนเป็นใช้คำว่า “ให้สันนิษฐานว่า...”
จึงสามารถนำสืบพิสูจน์หักล้างข้อสันนิษฐานได้ว่ามิได้ครอบครองเพื่อจำหน่าย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น