ค้นหาบล็อกนี้

วันอาทิตย์ที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2564

ลักษณะการกระทำอย่างไร เป็นความผิดฐานกรรโชกทรัพย์

 

ความผิดฐานกรรโชกทรัพย์มีลักษณะที่ใกล้เคียงกับฐานชิงทรัพย์ และยังใกล้เคียงกับความผิดฐานรีดเอาทรัพย์ จึงขอสรุปความผิดฐานกรรโชกทรัพย์ ดังนี้ 
1. การขู่เข็ญจะทำอันตรายนั้น จะทำกับตัวผู้ถูกขู่เข็ญหรือบุคคลที่สามก็ได้ 
2. ถ้าขู่จะทำร้ายในทันทีต้องเอาทรัพย์ในภายหน้า ขู่จะเอาทรัพย์ในขณะนั้นต้องจะทำร้ายในภาพหน้า คือต้องมีช่วงเวลาระหว่างการเอาทรัพย์กับการทำร้ายหรือขู่ว่าจะทำร้าย 
ถ้าเอาทรัพย์ไปในทันทีและทำร้ายหรือขู่จะทำร้ายทันทีเป็นความผิดฐานชิงทรัพย์ แต่ถ้าขู่จะทำอันตรายแก่ทรัพย์ในทันทีและได้ทรัพย์ไปในขณะนั้นไม่เป็นชิงทรัพย์ แต่เป็นกรรโชกทรัพย์ เพราะมิใช่ขู่จะทำอันตรายแก่บุคคล 
3. สิ่งที่ยอมให้หรือยอมจะให้ ไม่จำกัดเฉพาะทรัพย์สิน แต่รวมถึงประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สินด้วย 
4. การใช้กำลังประทุษร้ายหรือขู่เข็ญว่าจะทำอันตราย ไม่จำกัดเฉพาะตัวบุคคลเท่านั้น แต่รวมถึงชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกขู่เข็ญหรือบุคคลที่สามด้วย 
5. ขู่ให้ส่งบุตรสาวไปเป็นภรรยา ไม่ใช่ประโยชน์ในลักษณะเป็นทรัพย์สินไม่ผิดฐานกรรโชก แต่เป็นความผิดต่อเสรีภาพ ข่มขืนใจให้ได้มาซึ่งประโยชน์ที่ไม่ใช่ทรัพย์สินไม่เป็นความผิดฐานกรรโชก ดูฎีกาที่ 1147/2513 
6. เมื่อผู้ถูกข่มขืนใจยอมให้หรือยอมจะให้ตามที่ถูกข่มขืนใจแล้ว ย่อมเป็นความผิดสำเร็จทันที แม้ผู้ถูกข่มขืนใจจะยังไม่ได้รับประโยชน์นั้นมาก็ตาม แต่ถ้าผู้ถูกข่มขืนใจไม่ยอมให้หรือไม่ยอมจะให้ ไม่ว่าเพราะเหตุใด เช่นไม่กลัว เป็นความผิดพยายามกรรโชก แม้ผู้ถูกข่มขืนใจยอมให้เพราะตำรวจให้นำไปให้เพื่อเป็นพยานหลักฐานในการจับกุมผู้ข่มขู่ก็ตาม ก็เป็นความผิดเพียงพยายามกรรโชกทรัพย์ แต่ถ้าผู้เสียหายรู้ตัวว่าจะมีคนร้ายมาขู่เรียกเงิน จึงได้แจ้งความเจ้าพนักงานตำรวจไว้ก่อน เจ้าพนักงานตำรวจได้มาอารักขาอยู่แล้ว จึงเข้าจับกุมจำเลย ดังนี้ย่อมไม่ผิดฐานกรรโชก แต่ศาลลงโทษความผิดฐานทำให้เสื่อมเสียอิสรภาพ ตามฎีกาที่ 396/2503 
7. การข่มขู่ว่าจะให้ตำรวจจับผู้ที่กระทำผิดต่อเรา เช่น มีคนมาลักสิ่งของของเราไป แล้วเราขู่ว่าให้ผู้นั้นใช้ราคาสิ่งของและเรียกค่าเสียหาย เป็นสิทธิตามกฎหมายที่จะกระทำได้ ไม่เป็นความผิดฐานกรรโชกทรัพย์เพราะเป็นการข่มขู่จะใช้สิทธิตามกฎหมายและเป็นการใช้สิทธิของตนโดยสุจริต ดูฎีกาที่ 2688/2530 , 5599/2531 แต่ถ้าเขาไม่ได้กระทำอะไรต่อเราเลย ถ้าไปขู่เขาโดยเจตนาไม่สุจริตย่อมเป็นความผิดกรรโชกทรัพย์ เพราะไม่มีอำนาจที่จะกระทำได้ แต่ถ้าเราเชื่อว่าเขากระทำผิดต่อเรา จึงไปขู่เข็ญ เป็นการสำคัญผิด ยังไม่เป็นความผิดกรรโชกทรัพย์เช่นกัน 
8. แม้การขู่เข็ญนั้นจะเกิดจากการกระทำที่ร่วมกันฉ้อโกงมิได้ตั้งใจจะขู่เข็ญอย่างจริงจังก็ตาม หากผู้ถูกขู่เข็ญไม่ทราบความจริง ผู้ขู่เข็ญก็ยังต้องมีความผิดฐานกรรโชก ดูฎีกาที่ 1278/2503 
9. การที่เจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ ให้เขาหามาให้ซึ่งทรัพย์สิน ย่อมเป็นความผิดฐานกรรโชกด้วย แต่ความผิดตาม ป.อาญา มาตรา 148 มีโทษ สูงกว่า ส่วนเจ้าพนักงานกระทำผิดตาม มาตรา 149 เป็นการกระทำในอำนาจตามตำแหน่งหน้าที่ ไม่ผิดกรรโชกทรัพย์ ด้วย

 

ไม่มีความคิดเห็น: