๑.เข้าไปในห้องมีทรัพย์หลายคนเป็นเจ้าของแล้วลักไปในคราวเดียวกัน คำพิพากษาฏีกา ๑๑๐๔/๒๕๐๔
๒.ขับรถฝ่าไฟแดงไปชนคน เป็นกรรมเดียว คำพิพากษาฏีกา ๒๔๘๕/๒๕๒๙
๓.เขียนบทความหมิ่นประมาทคนหลายคนในหนังสือพิมพ์ เป็นการกระทำต่อบุคคลหลายคนในคราวเดียวกัน เป็นกรรมเดียว คำพิพากษาฏีกา ๑๘๕๓/๒๕๓๐,
๔.มีอาหารปลอมหรืออาหารที่ไม่ได้มาตรฐานเพื่อจำหน่ายโดยสินค้านั้นมีเครื่องหมายการค้าปลอมติดอยู่ มีวัตถุประสงค์เพื่อจำหน่ายอาหารปลอม เป็นกรรมเดียว คำพิพากษาฏีกา ๓๐๙๑/๒๕๕๓
๕.ร่วมกันบุกรุก ถือครอง ก่นสร้างแผ้วถางป่าสงวนและร่วมทำไม้ เป็นการกระทำคราวเดียวกัน เป็นกรรมเดียว คำพิพากษาฏีกา ๗๑๓๕/๒๕๕๓
๖.ปลอมแผ่นป้ายทะเบียนรถ แผ่นป้ายแสดงการเสียภาษีรถและคู่มือจดทะเบียนรถ แม้เป็นการปลอมเอกสารราชการต่างประเภทกันที่มีลักษณะการปลอมที่แตกต่างกัน แต่ก็ได้ติดป้ายต่างๆไว้ในรถคันเดียวกันเพื่อแสดงต่อเจ้าพนักงานในคราวเดียวกัน มีเจตนาให้เจ้าพนักงานตรวจเอกสารเข้าใจว่าเป็นรถที่จดทะเบียนและเสียภาษีถูกต้องตามกฎหมาย คำพิพากษาฏีกา ๑๑๗๓/๒๕๕๓
๗.ด่าพร้อมขู่ว่าจะใช้ปืนยิง กระทำในคราวเดียวกันโดยมีเจตนาดูหมิ่นและทำให้ผู้เสียหายเกิดความตกใจกลัว เป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท คำพิพากษาฏีกา ๖๑๔/๒๕๕๔
๘.เข้าไปลักทรัพย์ในบ้าน บุตรผู้เสียหายพบเห็นจึงแทง เป็นการกระทำในวาระเดียวกันตั้งแต่ลักทรัพย์จนถึงใช้กำลังประทุษร้าย เป็นความผิดฐานชิงทรัพย์ คำพิพากษาฏีกา ๘๓๗/๒๕๐๗
๙.ปลูกกัญชาเพื่อขาย เป็นกรรมเดียว ไม่ใช่ผิดฐานผลิตกรรมหนึ่ง และมีไว้เพื่อจำหน่ายอีกกรรม คำพิพากษาฏีกา ๖๕/๒๕๒๗
๑๐.กระทำอนาจารก่อนข่มขืนเป็นกรรมเดียว คำพิพากษาฏีกา ๕๔/๒๕๒๘
๑๑.ใช้มีดแทงคนขับรถจักรยานยนต์เมื่อรถล้มจึงแทงคนซ้อนทันที แม้กระทำสองหนต่อบุคคลสองคนก็เป็นกรรมเดียว คำพิพากษาฏีกา ๑๔๐๐/๒๕๔๙
๑๒.หน่วงเหนียวกักขังใช้กำลังดึงแขนขู่บังคับให้นั่งรถไปด้วยโดยทำให้กลัวจะเกิดอันตรายแก่ชีวิตร่างกายแล้วพาไปทำอนาจาร เป็นการกระทำที่เชื่อมโยงในวาระเดียวกันไม่ขาดตอน กระทำไปโดยมีเจตนากระทำอนาจารเป็นสำคัญ เป็นกรรมเดียว คำพิพากษาฏีกา ๔๙๔/๒๕๕๐
๑๓.ลักเช็คแล้วนำไปกรอกข้อความและตัวเลขพร้อมลงลายมือชื่อปลอม แล้วนำไปเบิกเงิน มีเจตนาที่มุ่งหมายที่จะได้เงินผู้เสียหายเป็นหลัก การกระทำต่างๆเป็นวิธีการที่จะได้เงิน เป็นกรรมเดียว คำพิพากษาฏีกา ๓๙๐๓/๒๕๕๑
๑๔.เอาไปซึ่งหนังสือเดินทาง ปลอมหนังสือเดินทางโดยนำภาพถ่ายจำเลยมาติดแทนภาพผู้มีชื่อในหนังสือเดินทางแล้วปลอมตราประทับบันทึกการอนุญาตให้คนเดินทางออกนอกราชอาณาจักร มีเจตนาเดียวคือต้องการออกนอกราชอาณาจักร เป็นกรรมเดียวระหว่างความผิดฐานเอาไปซึ่งเอกสารและฐานปลอมเอกสารและปลอมเอกสารราชการ คำพิพากษาฏีกา ๑๐๙๔/๒๕๕๒
๑๕.เอาโฉนดที่ดินปลอมที่มีรอยตราปลอมประทับอยู่ ไปแลกโฉนดที่แท้จริงของผู้เสียหายอันเป็นการเอาไปซึ่งเอกสารและลักทรัพย์โดยใช้กลอุบาย แล้วนำโฉนดที่แท้จริงพร้อมหนังสือมอบอำนาจปลอมของผู้เสียหายไปแสดงต่อเจ้าพนักงานที่ดิน กากรกระทำดังกล่าว “ มีวัตถุประสงค์เดียว” ที่จะขายหรือ ขายฝากที่ดินพร้อมอาคารผู้เสียหายเท่านั้น เป็นกรรมเดียว คำพิพากษาฏีกา ๘๔๙๐/๒๕๕๒
๑๖.วิ่งราวโดยใช้รถจักรยานยนต์เป็นพาหนะและใช้อาวุธ การวิ่งราวเป็นการใช้กริยาฉกฉวยเอาซึ่งหน้า ซึ่งรวมการกระทำผิดฐานลักทรัพย์ด้วย เป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท คือผิดลักทรัพย์โดยใช้อาวุธในเวลากลางคืน ตาม ปอ มาตรา ๓๓๔,๓๓๕(๑)((๗) และความผิดฐานวิ่งราวทรัพย์โดยใช้อาวุธและยานพาหนะ คำพิพากษาฏีกา ๓๖๑๒/๒๕๕๓
๑๗.ลักปลายขั้วสลากเลขท้าย ๓ ตัว ๒ ตัวของผู้เสียหายไปกรอกเลขให้ตรงรางวัลเลขท้ายประจำงวด นำไปหลอกเอารางวัลจากผู้เสียหาย เป็นความผิดฐานลักทรัพย์ เอาไปซึ่งเอกสารของผู้อื่น ใช้เอกสารสิทธิ์ปลอม แม้เป็นการกระทำต่างฐานกัน แต่เป็นความผิดต่อเนื่องเกี่ยวพันกันโดยมีเจตนาเดียวเพื่อเอาเงินจากผู้เสียหาย เป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท คำพิพากษาฏีกา ๗๒๔๓/๒๕๕๓
๑๘.เข้าไปในโรงงานที่อยู่ในความครอบครองของผู้เสียหายและทุบอิฐบ็อกและคอนกรีต รื้อเหล็กโครงสร้างอาคารแล้วเอาเหล็กดังกล่าวไป มีเจตนาเดียวคือต้องการเอาเหล็กไป จึงเป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบททั้งฐานบุกรุก ทำให้เสียทรัพย์และลักทรัพย์ คำพิพากษาฏีกา ๑๑๘๑๐//๒๕๕๓
๑๙.กระทำชำเราอันมีละกษณะโทรมหญิงแล้ว ยังคงควบคุมหน่วงเหนียวและกักขังแล้วพาไปอีกสถานที่หนึ่งแล้วกระทำชำเราอีก ผู้เสียหายยังไม่พ้นจากภยันตรายอันเกิดจากการกระทำผิดของจำเลย จึงเชื่อมโยงต่อเนื่องในวาระเดียวกันเป็นกรรมเดียว คำพิพากษาฏีกา ๒๒๒/๒๕๕๔
๒๐.จำเลยเป็นครูประจำชั้นจูงมือผู้เสียหายอายุยังไม่เกิน ๑๕ ปี ไปต่อหน้าบิดามารดา เป็นการใช้อำนาจของครูต่อผู้เสียหายซึ่งเป็นศิษย์ แม้ทำอนาจารศิษย์นอกเวลาเรียนก็ถือว่าศิษย์อยู่ในความควบคุมดูแล เมื่อทำอนาจารและข่มขืน เป็นความผิดกรรมเดียว คำพิพากษาฏีกา ๒๔๒๕/๒๕๕๔
๒๑.จำเลยยิง ส. กระสุนพลาดไปถูก ว. เป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท คำพิพากษาฏีกา ๕๔๓๘/๒๕๓๘
๒๒.เมาสุราขับรถเฉี่ยวชนรถคันอื่นมีผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท คำพิพากษาฏีกา๑๔๑๑/๒๕๕๓,๓๐๕๕/๒๕๕๑,๔๐๖๗/๒๕๕๐
๒๓.เมาสุราขับรถด้วยความเร็วสูงเฉี่ยวชนผู้อื่น เป็นการกระทำโดยต่อเนื่องกันเป็นกรรมเดียว คำพิพากษาฏีกา ๒๔๐๘/๒๕๕๓
ข้อสังเกต ๑.การกระทำกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบทให้ลงโทษตามบทหนัก แต่หากเป็นการกระทำหลายกรรมต่างกันให้ลงทุกกรรม
๒.ความผิดที่รวมการกระทำหลายอย่างอยู่ในอันเดียวกัน โดยต่างเป็นองค์ประกอบของความผิด เมื่อรวมการกระทำผิดหลายอย่างเข้าด้วยกันแล้วกฎหมายบัญญัติให้เป็นความผิดฐานใหม่ถือเป็นกรรมเดียว เช่น ชิงทรัพย์รวมการลักทรัพย์และการทำร้ายอยู่ด้วยกัน เมื่อการลักทรัพย์ยังไม่ขาดตอนแล้วไปทำร้ายเป็นความผิดฐานชิงทรัพย์ เป็นกรรมเดียวในความผิดฐานชิงทรัพย์ ไม่ใช่เป็นสองกรรมในความผิดฐานลักทรัพย์ และฐานทำร้ายร่างกาย เพราะกฎหมายบัญญัติให้เป็นความผิดฐานใหม่ ฐานชิงทรัพย์ จึงเป็นการกระทำกรรมเดียว ดูตามคำพิพากษาฏีกาตาม ข้อ ๘
๓.ตั้งใจกระทำความผิดฐานหนึ่ง แต่ก่อนที่จะกระทำความผิดฐานนั้นได้อาจต้องกระทำความผิดฐานอื่นเพื่อนำไปสู่ความผิดฐานที่ตนประสงค์จะกระทำ เช่น เจตนาจะฉ้อโกงเพื่อให้ได้มาซึ่งเงินผู้เสียหาย อาจต้องทำการปลอมเอกสารเพื่อให้ผู้เสียหายหลงเชื่อเพื่อได้มาซึ่งเงินที่ได้จากการฉ้อโกง เช่นคำพิพากษาฏีกา ๒๗๑๖/๒๕๒๒ หรือการจับบุตรผู้เสียหายมามัดเพื่อบังคับให้บอกที่ซ่อนทรัพย์ เมื่อผู้เสียหายขึ้นมาบนเรือนก็ยิงผู้เสียหายทันที การจับหมัดเป็นการหน่วงเหนียวกักขังให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกายอันเป็นความผิดตาม ปอ มาตรา, ๓๑๐ .การยิงผู้เสียหายทันที่ที่ขึ้นมาบนเรือนเป็นการยิงเพื่อความสะดวกในการลักทรัพย์ เป็นการพยายามฆ่าเพื่อความสะดวกในการกระทำผิดฐานอื่น เพื่อจะเอาหรือเอาไว้ซึ่งผลประโยชน์อันเกิดจากการที่ตนได้กระทำความผิดอื่น เมื่อยิงแล้วได้เข้าไปค้นหาทรัพย์สินแล้วพาทรัพย์นั้นไป ความผิดเกิดขึ้นหลายฐานทั้งความผิดต่อเสรีภาพ ต่อชีวิต ต่อทรัพย์ แต่เมื่อมีเจตนาเดียวในการกระทำผิดจึงเป็นการกระทำกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ซึ่งได้มีคำพิพากษาฏีกาที่เดินตามแนวนี้คือ คำพิพากษาฏีกา ๑๙๘๕/๒๕๑๗.หรือการเข้าไปในบ้านเพื่อด่าเจ้าของบ้าน การเข้าไปด่าเจ้าของบ้านเป็นการเข้าไปในเคหสถานของผู้อื่นโดยไม่มีเหตุอันควรอันเป็นความผิดฐานบุกรุก การด่าผู้เสียหายเป็นความผิดฐานดูหมิ่น เป็นกรรมเดียว มีคำพิพากษาฏีกาที่วินิจฉัยตามแนวนี้คือ คำพิพากษาฏีกา ๒๓๔๑/๒๕๒๙
๔.วิเคราะห์ศัพท์คำว่า “ผลิต” ตาม พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษยังหมายความรวมถึง การเพาะ ปลูก ทำผสม ปรุง แปรสภาพ เปลี่ยนรูปทางวิทยาศาสตร์ รวมถึงการแบ่งบรรจุ รวมบรรจุด้วย ดังนั้นคนที่ปลูกกัญชาเพื่อขาย จึงเป็นการผลิตกัญชา เมื่อปลูกโดยมีเจตนาขายจึงเป็นการกระทำกรรมเดียวหาใช่เป็นความผิดหลายกรรมฐานผลิต และฐานมีไว้เพื่อจำหน่ายอีกกรรมหนึ่งไม่
๕.จับหน้าอก จูบปาก ดูดคอ ดูดนม ก่อนขมขื่นเป็นการทำอนาจาร เจตนาหลักคือการข่มขืนจึงเป็นการกระทำกรรมเดียวผิดกฏหมายหลายบทคือเป็นความผิดทั้งความผิดฐานขมขืนและฐานอนาจาร เมื่อเป็นการกระทำกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบทจึงต้องลงโทษฐานข่มขืนอันเป็นบทหนัก หรือในกรณีเข้าไปลักทรัพย์ในบ้านไปพบปืนจึงหยิบปืนมาจี้บังคับให้บอกที่ซ่อนของทรัพย์ เป็นการกระทำกรรมเดียว ไม่ใช่สองกรรมคือลักปืนหนึ่งกรรมและลักทรัพย์อื่นอีกหนึ่งกรรม การเอาปืนไปเพื่อประโยชน์ในการบังคับให้บอกที่ซ่อนแห่งทรัพย์ เป็นความผิดฐานลักทรัพย์โดยขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายเพื่อความสะดวกในการลักทรัพย์ ให้ยื่นซึ่งทรัพย์หรือยึดถือเอาทรัพย์นั้นไว้ เป็นความผิดฐานชิงทรัพย์ ซึ่งได้มีคำพิพากษาฏีกา ๒๔๕๗/๒๕๓๐วินิจฉัยรองรับแนวคิดนี้ไว้
๖.ด้วยความเครารพในคำพิพากษาฏีกาที่วินิจฉัยว่า ใช้มีดแทงคนขับรถจักรยานยนต์เมื่อรถล้มจึงแทงคนซ้อนทันที แม้กระทำสองหนต่อบุคคลสองคนก็เป็นกรรมเดียว ในความเห็นส่วนตัวเห็นว่าที่ศาลวินิจฉัยเช่นนี้คงเพราะเห็นว่าการแทงคนขับเพื่อต้องการให้รถล้ม การแทงคนซ้อนเพื่อต้องการยึดทรัพย์ทรัพย์ไว้และให้พ้นการจับกุม การแทงบุคคลทั้งสองมีเจตนาเดียวคือต้องการเอารถไป หากบุคคลทั้งสองแยกดำเนินคดีโดยฟ้องเอง ศาลก็คงรวมการพิจารณาคดีทั้งสองคดีเข้าด้วยกันแล้วพิพากษาไปพร้อมกัน แต่ในความเห็นส่วนตัวเห็นว่าแม้แทงต่อเนื่องแต่บุคคลที่ได้รับความเสียหายก็เป็นคนละคนกัน คนขับถูกแทงไม่ตายสามารถเป็นผู้เสียหายฟ้องคดีหรือร้องทุกข์ได้เอง แต่คนซ้อนถูกแทงถึงแก่ความตายหากประสงค์ที่จะดำเนินคดีต้องดำเนินคดีโดยผู้มีอำนาจจัดการแทนตาม ปวอ มาตรา ๕(๒) หากต่างคนต่างฟ้องจะถือว่าเป็นฟ้องซ้อนไม่ได้เพราะผู้เสียหายคนละคนกัน โจทก์ที่ฟ้องเป็นคนละคนกัน หรือแม้ในทางแพ่งต่างคนต่างฟ้องเรียกค่าเสียหายต่างคนต่างมีอำนาจฟ้องจะถือว่าคำพิพากษาในคดีอาญาต้องผูกพันในคดีแพ่งตาม ปวอ มาตรา๔๖หาได้ไม่ เพราะในมาตราดังกล่าวบัญญัติเพียงการพิพากษาในคดีแพ่งต้องถือข้อเท็จจริงในคดีอาญา แต่ไม่ได้ถือว่าคดีแพ่งต้องนำคำพิพากษาในคดีอาญามาถือตาม ซึ่งในปวอ มาตรา ๔๗ บัญญัติไว้ชัดว่า คำพิพากษาในส่วนแพ่งต้องเป็นไปตามบทบัญญัติในเรื่องความรับผิดในทางแพ่ง โดยไม่ต้องคำนึงว่าจำเลยจะต้องคำพิพากษาในคดีอาญาว่าได้กระทำผิดหรือไม่นั้นก็คือ คือจะถือว่า เมื่อคดีอาญาถือเป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบทต้องลงโทษตามบทหนักคือฐานฆ่าเพื่อความสะดวกในการกระทำผิดฐานอื่น เพื่อจะเอาหรือเอาไว้ซึ่งผลประโยชน์อันเกิดจากการที่ตนได้กระทำความผิดอื่น ตาม ปอ มาตรา ๒๘๙(๖)(๗)แล้วจะมาฟ้องทางแพ่งฐานพยายามฆ่า(คนขับ)เพื่อจะเอาหรือเอาไว้ซึ่งผลประโยชน์อันเกิดจากการที่ตนได้กระทำความผิดอื่น )ซึ่งเป็นบทเบากว่าหาได้ไม่ ดังนี้ไม่น่าจะถูกต้อง เมื่อคดีแพ่งผู้เสียหายแต่ละคนสามารถฟ้องเรียกค่าเสียหายในทางแพ่งได้แล้ว ในคดีอาญาก็สามารถต่างคนต่างฟ้องได้ การพิจารณาในคดีอาญาว่าเป็นกรรมเดียวหรือสองกรรมก็น่าจะใช้เกณฑ์นี้พิจารณา เมื่อผู้เสียหายคนละคนกันเวลาที่ทำผิดก็คนละเวลาแม้ใกล้ชิดกันก็ตาม การกระทำก็น่าเป็นความผิดสองกรรม ศาลท่านคงพิจารณาว่าเป็นกรรมเดียวแม้แทงคนสองคนก็เพราะมีเจตนาเดียวคือต้องการได้รถของผู้เสียหายไปจึงเป็นกรรมเดียว แต่เมื่อมีคำพิพากษาฏีกาวินิจฉัยไว้ก็เคารพในคำพิพากษาดังกล่าว
๗.ศาลฏีกามองว่าอาจมีการกระทำหลายอย่างเพื่อให้บรรลุผลอย่างใดอย่างหนึ่งขึ้น ซึ่งการกระทำหลายอย่างเพื่อให้เกิดผลอย่างใดอย่างหนึ่งนั้น การกระทำในแต่ละอย่างเป็นความผิดสำเร็จในตัวเอง แต่เมื่อการกระทำความผิดทุกฐานกระทำโดยมีจุดมุ่งหมายหรือต้องการให้สำเร็จผลเพียงอันใดอันหนึ่งนั้น การกระทำดังกล่าวจึงเป็นการกระทำกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบทต้องลงโทษตามบทหนัก เช่นตาม ข้อ ๑๒,๑๓,๑๔,๑๕ เป็นต้น ในความเห็นส่วนตัวด้วยความเคารพในคำพิพากษาฏีกาเห็นว่า การกระทำแต่ละอย่างเป็นความผิดสำเร็จในตัวของมันเอง ได้กระทำต่างกรรมต่างวาระ ต่างเวลาต่างสถานที่กัน หรือแม้แต่กระทำต่อบุคคลแตกต่างกันด้วย การกระทำดังกล่าวน่าเป็นความผิดหลายกรรมแยกต่างหากจากกันได้ จึงน่าเป็นความผิดหลายกรรมหาใช่กรรมเดียวไม่ แต่เมื่อศาลฏีกาได้วินิจฉัยไว้แล้วก็เคารพในคำพิพากษาฏีกาดังกล่าว
๘.ลักปลายขั้วสลากเลขท้าย ๓ ตัว ๒ ตัวของผู้เสียหาย เป็นการแย่งการครอบครองทรัพย์ของผู้เสียหายเป็นความผิดฐานลักทรัพย์ และในขณะเดียวกัน ปลายขั้วสลากเลขท้าย ๒ ตัว ๓ ตัว เป็นกระดาษที่ทำให้ปรากฎความหมายด้วยตัวอักษรตัวเลขเพื่อให้ยืนยันหรือตรวจสอบว่าสลากที่อ้างว่าถูกรางวัลและนำมาขึ้นเงินนั้นสามารถเข้ากันกับรอยฉีกขาดที่ดึงออกจากต้นขั้วได้เพื่อแสดงว่าเป็นสลากที่ถูกต้องแท้จริง ปลายขั้วสลากเลขท้าย ๒ ตัว ๓ ตัว จึงเป็นเอกสาร การเอาไปซึ่ง ปลายขั้วสลากเลขท้าย ๒ ตัว ๓ ตัว จึงเป็นการเอาไปซึ่งเอกสารของผู้อื่นในประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อผู้เสียหาย ผู้อื่น หรือประชาชนตาม ปอ มาตรา ๑๘๘ ส่วนการที่นำปลายขั้วสลากเลขท้าย ๒ ตัว ๓ ตัว ไปกรอกเลขให้ตรงรางวัลเลขท้ายประจำงวด นำไปหลอกเอารางวัลจากผู้เสียหาย เป็นความผิดฐานปลอมเมื่อนำไปอ้างต่อผู้เสียหายเป็นความผิดฐาน ใช้เอกสารสิทธิ์ปลอม แม้เป็นการกระทำต่างฐานกัน แต่เป็นความผิดต่อเนื่องเกี่ยวพันกันโดยมีเจตนาเดียวเพื่อเอาเงินจากผู้เสียหาย เป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท
๙.การกระทำความผิดบางอย่างอาจต้องกระทำการหลายอย่างซึ่งเป็นความผิดหลายบทเพื่อให้ได้ผลตามที่ตนต้องการเช่นตาม ข้อ ๑๘ มีเจตนาลักเหล็กได้บุกรุกเข้าไปรื้อโครงสร้างทำลายอิฐบ็อกแล้วเอาเหล็กไป เป็นความผิดหลายฐานทั้งบุกรุก ทำให้เสียทรัพย์และลักทรัพย์ เมื่อมีเจตนาเดียวคือต้องการลักทรัพย์จึงเป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท
๑๐.เมื่อกระทำความผิดแล้ว การกระทำความผิดยังต่อเนื่องอยู่ต่อไป ผู้เสียหายยังไม่พ้นจากภยันตรายอันเกิดจากการกระทำผิดของจำเลยซึ่งเชื่อมโยงต่อเนื่องในวาระเดียวกัน ไม่ว่าจะโทรมหญิงแล้วมาโทรมใหม่ในวันรุ่งขึ้นในสถานที่เดียวกันหรือต่างสถานที่ก็ตาม ก็เป็นการกระทำที่ต่อเนื่องเชื่อมโยงในวาระเดียวกันกับการโทรมหญิงครั้งแรกตราบใดที่ยังหน่วงเหนียวกักขังผู้เสียหายอยู่ภยันตรายยังไม่หมดไปจากผู้เสียหาย ผู้เสียหายอาจถูกข่มขืนอันเป็นการโทรมหญิงอีกเมื่อใดก็ได้ เพราะหากจำเลยหมดความต้องการที่จะข่มขืนในลักษณะโทรมหญิงแล้วคงปล่อยตัวผู้เสียหายไป แต่เมื่อไม่ปล่อยแสดงยังมีเจตนาที่จะกระทำการโทรมหญิงต่อไปอีก ด้วยความเคารพในคำพิพากษาฏีกาในความเห็นส่วนตัวเห็นว่า หากเทียบกรณียักยอกทรัพย์แต่ละวันไป โดยมีเจตนาเดียวคือต้องการยักยอก แต่ได้กระทำคนละวันเวลากัน คนละจำนวนเงินกัน ยังเป็นความผิดหลายกรรมตามจำนวนที่ยักยอกทรัพย์ไป แล้วการกระทำชำเราอันเป็นการโทรมหญิงเมื่อกระทำคนละวันเวลากันก็น่าที่จะเป็นความผิดหลายกรรมหาใช่กรรมเดียว มิเช่นนั้นแล้วจำเลยอาจคิดว่าหากพลาดถูกจับดำเนินคดีแล้วการทำผิดครั้งเดียวหรือหลายครั้งก็เป็นกรรมเดียวก็ยิ่งจะส่งเสริมให้จำเลยทำการข่มขืนผู้เสียหายไม่หยุดเพราะหากถูกจับก็ถือเป็นแค่กรรมเดียว เรื่องอะไรจะไปข่มขืนครั้งเดียว ข่มขืนหลายครั้งไม่ดีกว่าหรือ? หาก ถูกจับก็เป็นการกระทำแค่กรรมเดียวเท่านั้น แต่เมื่อศาลฏีกาวินิจฉัยไว้ก็เคารพในคำพิพากษา
๑๑.ศิษย์ที่อยู่ในความดูแลนั้น ไม่ได้หมายเฉพาะในเวลาเรียนเวลาสอนเท่านั้น แต่ยังหมายรวมถึงนอกเวลาเรียนตามปกติด้วย ตามข้อเท็จจริงเมื่อครูดึงมือศิษย์ไปต่อหน้าบิดามารดาเป็นการแสดงอำนาจความเป็นครูที่มีต่อศิษย์ต่อหน้าบิดามารดาของศิษย์นั้นแล้ว แม้เป็นการกระทำนอกเวลาเรียนก็ถือว่าศิษย์อยู่ในความควบคุมดูแล เมื่อครูได้กระทำอนาจารและข่มขืนผู้เสียหายซึ่งเป็นศิษย์จึงเป็นการกระทำต่อศิษย์ที่อยู่ในความดูแล จึงต้องระวางโทษหนักกว่าที่กฎหมายบัญญัติไว้สำหรับความผิดนั้นอีกหนึ่งในสาม ตามปอ มาตรา ๒๘๕ และเป็นความผิดอันยอมความไม่ได้ตาม ปอ มาตรา ๒๘๑ด้วย นั้นก็คือ หากหญิงมีอายุเกิน ๑๕ ปีบริบรูณ์ถูกกระทำการอนาจารหรือข่มขืนแล้วเป็นความผิดที่สามารถยอมความได้ แต่หากผู้กระทำผิดเป็นครูที่ดูแลผู้เสียหายที่เป็นศิษย์ที่อยู่ในความดูแลแล้ว ไม่สามารถยอมความได้ เมื่อกระทำอนาจารและข่มขืนแล้วถือเป็นกรรมเดียวกัน และการกระทำอนาจารหรือข่มขืนศิษย์ที่อยู่ในความดูแลของตนตาม ปอ มาตรา ๒๗๖,๒๗๗,๒๗๘,๒๗๙,๒๘๕เป็นกรรมเดียวกับความผิดฐานข่มขืนและกระทำอนาจารบุคคลทั่วไปตาม ปอ มาตรา ๒๗๖,๒๗๗,๒๗๘,๒๗๙
๑๒.ในความผิดเรื่องพลาดตาม ปอ มาตรา ๖๐ เมื่อมีเจตนากระทำต่อบุคคลหนึ่งแต่ผลเกิดทั้งบุคคลที่ต้องการกระทำและบุคคลที่ไม่ต้องการกระทำ หรือผลไม่เกิดแก่บุคคลที่ต้องการกระทำ แต่ผลยังไปเกิดกับบุคคลภายนอกด้วย เมื่อมีเจตนาเดียวที่จะกระทำต่อบุคคลหนึ่งบุคคลใด แม้ผลไปเกิดแก่บุคคลอื่นโดยพลาดด้วยแล้วก็ยังเป็นกรรมเดียว เช่น ยิง ท กระสุนถูก ท แต่ไม่ตาย หรือไม่ถูก ท. แต่ไปถูก ส. ก็เป็นการกระทำกรรมเดียวคือพยายามฆ่า ท โดยเจตนาประสงค์ต่อผล ตาม ปอ มาตรา ๕๙,๘๐,๒๘๘ และพยายามฆ่า ส. โดยพลาด ตาม ปอ มาตรา ๖๐,๘๐,๒๘๘ เป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบทลงบทหนัก เมื่อเป็นความผิดฐานพยายามฆ่า ท และพยายามฆ่า ส ซึ่งมีอัตราโทษเท่ากันศาลลงบทใดก็ได้ แต่หากว่า เจตนายิง ท กระสุนถูก ท ถึงแก่ความตายและยังไปถูก ส. ด้วย มีความผิดฐานฆ่า ท โดยเจตนาประสงค์ต่อผลตาม ปอ มาตรา ๕๙,๒๘๘ และฐานพยายามฆ่า ส. โดยเจตนาพลาด ตาม ปอ มาตรา ๖๐,๘๐,๒๘๘ เป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบทลงบทหนักตาม ปอ มาตรา ๕๙,๒๘๘
๑๓.ความผิดฐานเมาสุราแล้วขับรถแล้วได้ไปกระทำความผิดฐานอื่นอีก ศาลฏีกาวินิจฉัยว่าเป็นการกระทำกรรมเดียว นั้นก็คือ การเมาแล้วขับถือเป็นการขับรถด้วยความประมาทเมื่อไปเฉี่ยวชนคนหรือรถอื่นทำให้ผู้ขับขี่รถคันอื่นหรือผู้โดยสารมาในรถนั้นได้รับบาดเจ็บสาหัส ได้รับอันตรายแก่กาย หรือถึงแก่ความตาย อันเป็นความผิดฐานประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ได้รับอันตรายสาหัส ได้รับอันตรายแก่กาย ทรัพย์สินผู้อื่นเสียหายและฐานเมาแล้วขับ ตาม ปอ มาตรา๕๙,๒๙๑,๓๐๐,๓๙๐พรบ จราจรทางบกฯ มาตรา ๔๓(๒),๑๖๐ ซึ่งเป็นการกระทำกรรมเดียว
๑๔.กรณีเสพยาเสพติดแล้วมาขับรถเป็นความผิดตามพรบ.จราจรทางบกฯ มาตรา ๔๓ทวิ ความผิดเกิดขึ้นทันทีที่เสพยาเสพติดแล้วมาขับรถ ในความเห็นส่วนตัวเห็นว่า การเสพยาเสพติดแล้วมาขับรถถือเป็นการขับรถโดยประมาทเมื่อไปเฉี่ยวชนคนหรือรถอื่นทำให้ผู้ขับขี่รถคันอื่นหรือผู้โดยสารมาในรถนั้นได้รับบาดเจ็บสาหัส ได้รับอันตรายแก่กาย หรือถึงแก่ความตาย อันเป็นความผิดฐานประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ได้รับอันตรายสาหัส ได้รับอันตรายแก่กาย ทรัพย์สินผู้อื่นเสียหายและฐานเสพยาเสพติดแล้วขับรถ ตาม ปอ มาตรา๕๙,๒๙๑,๓๐๐,๓๙๐พรบ จราจรทางบกฯ มาตรา ๔๓ทวิ,๑๕๗ทวิ ซึ่งเป็นการกระทำกรรมเดียว โดยเทียบตามคำพิพากษาฏีกากา ๒๔๐๘/๒๕๕๓และตามข้อสังเกตที่ ๑๓
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น