ค้นหาบล็อกนี้

วันอาทิตย์ที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2559

“ไม่มีความเห็นแย้งที่ต้องวินิจฉัย”

เจ้าหน้าที่ตำรวจพบรถบรรทุกพ่วงคลุมผ้าใบแล่นมาอย่างผิดสังเกตจึงเรียกให้หยุด คนขับรถหยุดรถแล้วหลบหนีไป จากการตรวจภายในรถพบไม้ซุงท่อนไม่มีรอยตราเจ้าพนักงานประทับ ภายในรถตรวจพบใบอนุญาตขับขี่รถทุกประเภทจำนวน ๑๐ ใบ กุญแจรถ ๓ ดอก สำเนาหนังสือรับรองที่ดินนิคมฯ หนังสือนำไม้เคลื่อนย้ายไปใช้ประโยชน์และเอกสารอื่นรวม ๑๓ แผ่น โทรทัศน์ติดรถยนต์ ๑ เครื่อง นาฬิกาข้อมือ ๑ เรือน ยึดไว้เป็นของกลางนำส่งพนักงานสอบสวน อัยการจังหวัด........มีคำสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาในข้อหาทำไม้หรือกระทำด้วยประการใดๆแก่ไม้หวงห้ามโดยไม่ได้รับอนุญาต ฟ้องในข้อหามีไว้ในความครอบครองไม้หวงห้าม(ไม้ท่อน)อันยังไม่ได้แปรรูปโดยไม่มีรอยตราค่าภาคหลวงหรือรอยตรารัฐบาลขาย ขอริบไม้ของกลาง ส่วนของกลางอื่นรวมทั้งรถบรรทุกและรถพ่วงให้จัดการตามปวอ มาตรา ๘๕ ผู้บัญชาการศนูย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ เห็นชอบกับคำสั่งไม่ฟ้องของพนักงานอัยการ แต่ไม่เห็นชอบกับคำสั่งที่ไม่ริบรถยนต์บรรทุกและรถบรรทุกพ่วงของกลาง อัยการสูงสุดพิจารณาแล้วเห็นว่า อัยการจังหวัด......มีคำสั่งฟ้องผู้ต้องหาบางข้อหา ขอริบไม้หวงห้ามของกลาง ในส่วนของกลางอื่นรวมทั้งรถยนต์บรรทุกและรถบรรทุกพ่วงของกลางเป็นของบุคคลภายนอก แจ้งพนักงานสอบสวนจัดการตาม ปวอ มาตรา ๘๕ กับมีคำสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาเฉพาะข้อหาฐานทำไม้หรือกระทำด้วยประการใดๆแก่ไม้หวงห้ามโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งผู้บัญชาการศนูย์ปฏิบัติการตำรวจชายแดนภาคใต้มีความเห็นไม่แย้งคำสั่งไม่ฟ้อง คำสั่งไม่ฟ้อง จึงเป็นคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องตามปวอ มาตรา ๑๔๗ แต่ผู้บัญชาการศนูย์ปฏิบัติการตำรวจชายแดนภาคใต้ไม่เห็นด้วยกับคำสั่งของพนักงานอัยการเกี่ยวกับรถบรรทุก รถบรรทุกของกลางที่แจ้งให้พนักงานสอบสวนจัดการตาม ปวอ มาตรา ๘๕ จึงไม่มีความเห็นแย้งที่อัยการสูงสุดต้องพิจารณาชี้ขาดตาม ปวอ มาตรา ๑๔๕/๑ ในส่วนความเห็นของพนักงานอัยการที่แจ้งให้พนักงานสอบสวนจัดการเกี่ยวกับรถบรรทุกและรถบรรทุกพ่วงของกลางตาม ปวอ มาตรา ๘๕นั้น เป็นเพียง “ คำแนะนำ” ให้พนักงานสอบสวนดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ที่กำหนดไว้ใน ปวอ มาตรา ๘๕ ตอนท้าย ความเห็นดังกล่าวไม่ใช่คำสั่งไม่ฟ้องที่ผู้บัญชาการศนูย์ปฏิบัติการตำรวจชายแดนภาคใต้จะใช้อำนาจตาม ปวอ มาตรา ๑๔๕/๑แย้งความเห็นและคำสั่งของพนักงานอัยการในเรื่องดังกล่าว จึงไม่มีความเห็นแย้งที่อัยการสูงสุดต้องพิจารณาเช่นกัน การที่พนักงานอัยการมีคำสั่งให้พนักงานสอบสวนจัดการเกี่ยวกับรถบรรทุกและรถบรรทุกพ่วงของกลางตาม ปวอ มาตรา ๘๕ นั้น เห็นว่า รถบรรทุกดังกล่าวเป็นของบริษัท ร. ผู้ให้เช่าซื้อ ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกที่ไม่ได้รู้เห็นเป็นใจใจในการกระทำความผิดด้วย และเมื่อทราบว่ารถยนต์บรรทุกและรถบรรทุกพ่วงของกลางถูกยึดก็ได้มาขอคืนของกลางจากพนักงานสอบสวนและให้ทนนายบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อและเรียกรถบรรทุกและรถบรรทุกพ่วงของกลางคืนจากผู้เช่าซื้อพร้อมเรียกค่าเสียหาย การขอคืนรถบรรทุกรถบรรทุกพ่วงของกลางของบริษัทผู้ให้เช่าซื้อ จึงไม่ได้เป็นเพื่อประโยชน์ของผู้เช่าซื้อแต่อย่างใด จึงไม่เป็นการใช้สิทธิ์โดยไม่สุจริต ความเห็นของพนักงานอัยการชอบแล้ว คำสั่งชี้ขาดความเห็นแย้ง ๒๙๓/๒๕๕๘
ข้อสังเกต ๑.”ไม้” หมายความว่า ไม้สักและไม้อื่นทุกชนิดที่เป็น ต้น เป็น กอ เป็น เถา รวมถึง ไม้ไผ่ทุกชนิด ปลาม หวายตลอดจน ราก ปุ่ม ตอ เศษปลายและกิ่งของสิ่งนั้นๆ ไม่ว่าจะถูกตัดตอนเลื่อยผ่าถากขุดหรือกระทำด้วยประการอื่นใด
“แปรรูปไม้” หมายความถึง เลื่อยหรือกระทำด้วยประการใดๆแก่ไม้ให้เปลี่ยนรูปหรือขนาดไปจากเดิม นอกจากการลอกเปลือก หรือตกแต่งอันจำเป็นแก่การชักลาก
“ไม้แปรรูป” หมายความว่า ไม้ที่ได้แปรรูปแล้ว แต่ไม่หมายถึงไม้ที่ได้ทำเป็นเครื่องใช้หรือสิ่งของอื่นหรือประ กอบเข้ากับเครื่องใช้หรือสิ่งอื่นแล้ว
“ ทำไม้” หมายความว่า ตัด ฟัน กาน โค่น ลิด เลื่อย ผ่า ถาก ขุด ถอน ชักลากไม้ในป่าหรือนำไม้ออกจากป่าด้วยประการใดๆ
๒. “.ความผิดฐานทำไม้” คือการตัดฟันกานโค่นลิดเลื่อยผ่าถากขุดถอน ชักลากไม้ในป่าหรือนำไม้ออกจากป่าด้วยประการใดๆ ซึ่งไม้หวงห้ามโดยไม่ได้รับอนุญาต จึงเห็นได้ว่าตามวิเคราะห์ศัพท์ดังกล่าว เพียงชักลากไม้ในป่าหรือนำไม้ออกจากป่าด้วยประการใดๆ ซึ่งไม้หวงห้ามโดยไม่ได้รับอนุญาตก็ถือเป็นการ “ ทำไม้” แล้ว หากไม่ได้รับอนุญาตก็เป็นความผิดตามกฏหมาย
“.ความผิดฐานมีไว้ในความครอบครองซึ่งไม้หวงห้ามอันยังไม่ได้แปรรูป(มีไม้ท่อน)โดยไม่มีรอยตราค่าภาคหลวงหรือรอยตรารัฐบาลขาย คือยังไม่มีการแปรรูปไม้(ท่อน)หวงห้ามด้วยการเลื่อยหรือกระทำด้วยประการใดๆแก่ไม้(ท่อน)หวงห้ามให้เปลี่ยนรูปหรือขนาดไปจากเดิม ไม้หวงห้ามยังคงเป็นท่อนอยู่
“ความผิดฐานนำไม้หรือของป่าเคลื่อนที่โดยไม่มีใบเบิกทางจากเจ้าหน้าที่ โดยเมื่อนำไม้หรือของป่าเคลื่อนที่ล่วงด่านป่าไม้ต้องแจ้งพนักงานเจ้าหน้าที่พร้อมทั้งแสดงใบเบิกทางกำกับไม้หรือของป่าที่นำมาที่นำมานั้นเพื่อเจ้าหน้าที่อนุญาตเป็นหนังสือให้ผ่านด่านได้ จึงจะนำไม้หรือของป่านั้นไปได้ และการเคลื่อนย้ายไม้หวงห้ามต้องไม่กระทำระหว่างพระอาทิตย์ตกถึงพระอาทิตย์ขึ้น เว้นแต่ได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจากพนักงานเจ้าหน้าที่
๓.ไม้ท่อนที่ยังไม่แปรรูปหรือไม้แปรรูปหวงห้ามที่ไม่ได้รับอนุญาตให้มีไว้ในความครอบครองหรือไม่ได้รับอนุญาตให้แปรรูปไม้ รวมทั้งเครื่องมือเครื่องใช้ที่ได้ใช้หรือมีเหตุอันสมควรในการกระทำความผิดหรือเป็นอุปกรณ์ให้ได้รับผลในการกระทำความผิดเพื่อเป็นหลักฐานในการพิจารณาคดี เจ้าพนักงานมีอำนาจยึดสิ่งเหล่านี้ไว้ได้เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการพิจารณาคดีได้จนกว่า พนักงานอัยการมีคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องหรือจนกว่าคดีจะถึงที่สุด เจ้าพนักงานมีอำนาจยึดสิ่งเหล่านี้ไว้ได้ ไม่ว่าจะเป็นของผู้กระทำความผิดหรือผู้มีเหตุอันควรสงสัยว่าเป็นผู้กระทำผิดหรือไม่ ทรัพย์ที่ยึดไว้ ถ้าพนักงานอัยการมีคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องหรือศาลไม่พิพากษาให้ริบและผู้เป็นเจ้าของหรือผู้ครอบครองไม่ได้ร้องขอคืนภายใน ๖ เดือน นับแต่วันที่”ทราบ “ หรือ “ถือว่าได้ทราบ” คำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องคดี หรือวันที่ศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุด ให้ตกเป็นของกรมป่าไม้ หากเป็นทรัพย์ที่เสี่ยงความเสียหายหรือค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษาเกินกว่าค่าแห่งทรัพย์สินรัฐมนตรีหรือผู้ที่รัฐมนตรีมอบหมายจะจัดการขายทอดตลาดก็ได้ ได้เงินมาให้ยึดไว้แทนทรัพย์สิ้นนั้น พรบ.ป่าไม้ฯ มาตรา ๖๔(๓๔)ทวิ
๔.ปอ. มาตรา ๓๒,๓๓บัญญัติให้ทรัพย์ที่ได้ใช้หรือมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำความผิดหรือได้มาจากการกระทำความผิดหรือมีไว้เป็นความผิด ให้ศาลริบเสียทั้งสิ้น
๕.ใบอนุญาตขับขี่รถทุกประเภทจำนวน ๑๐ ใบ กุญแจรถ ๓ ดอก สำเนาหนังสือรับรองที่ดินนิคมฯ หนังสือนำไม้เคลื่อนย้ายไปใช้ประโยชน์และเอกสารอื่นรวม ๑๓ แผ่น โทรทัศน์ติดรถยนต์ ๑ เครื่อง นาฬิกาข้อมือ ๑ เรือน ไม่ใช่ทรัพย์ที่ใช้หรือมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำความผิดหรือมีไว้เป็นความผิดในความผิดฐาน มีไว้ในความครอบครองซึ่งไม้หวงห้ามอันยังไม่ได้แปรรูป(มีไม้ท่อน)โดยไม่มีรอยตราค่าภาคหลวงหรือรอยตรารัฐบาลขาย จึงไม่อาจริบได้ พนักงานอัยการจะมีคำสั่งแจ้งให้พนักงานสอบสวนจัดการตาม ปวอ มาตรา ๘๕ คือคืนแก่ผู้ต้องหาหรือผู้อื่นที่มีสิทธิ์เรียกร้องขอสิ่งนั้นคืน
๖.รถยนต์บรรทุกและรถบรรทุกพ่วง เมื่ออยู่ระหว่างการเช่าซื้อกรรมสิทธิ์ในรถยังไม่โอนไปยังผู้เช่าซื้อ กรรมสิทธิ์ยังเป็นของผู้ให้เช่าซื้อ เมื่อ ผู้ให้เช่าซื้อไม่รู้เห็นเป็นใจในการที่นำรถดังกล่าวไปใช้ในการกระทำความผิดจึงเป็นกรณีที่เจ้าของไม่รู้เห็นเป็นใจในการกระทำความผิดจึงไม่อาจริบได้ตาม ปอ มาตรา ๓๓ ตอนท้าย
๗.คำสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาเฉพาะข้อหาฐานทำไม้หรือกระทำด้วยประการใดๆแก่ไม้หวงห้ามโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งผู้บัญชาการศนูย์ปฏิบัติการตำรวจชายแดนภาคใต้มีความเห็นไม่แย้งคำสั่งไม่ฟ้อง คำสั่งไม่ฟ้องในข้อหาดังกล่าว จึงเป็นคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้อง
๘..ส่วนที่ผู้บัญชาการศนูย์ปฏิบัติการตำรวจชายแดนภาคใต้ไม่เห็นด้วยกับคำสั่งของพนักงานอัยการที่ให้จัดการรถบรรทุกและรถบรรทุกพ่วงนั้น เห็นว่า...ตามปวอ มาตรา ๑๔๕ ให้อำนาจ.ผู้บัญชาการศนูย์ปฏิบัติการตำรวจชายแดนภาคใต้มีสิทธิ์เพียง “เห็นชอบ” หรือ “มีความเห็นแย้ง” กับคำสั่งของพนักงานอัยการที่สั่งไม่ฟ้องในข้อหาที่กล่าวหาว่าผู้ต้องหาได้กระทำความผิดเท่านั้น แต่.ผู้บัญชาการศนูย์ปฏิบัติการตำรวจชายแดนภาคใต้ไม่มีอำนาจกล่าวล่วงไปสั่งในเรื่องอื่นใดนอกจากคำสั่งไม่ฟ้องของพนักงานอัยการ การที่ผู้บัญชาการศนูย์ปฏิบัติการตำรวจชายแดนภาคใต้ไปสั่งเกี่ยวกับเรื่องรถยนต์ของกลางโดยเห็นว่าควรริบรถยนต์ของกลาง จึงเป็นการสั่งโดยไม่มีอำนาจตามกฎหมายที่จะกระทำได้ เป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เมื่อ....ผู้บัญชาการศนูย์ปฏิบัติการตำรวจชายแดนภาคใต้ไม่มีความเห็นแย้งในเรื่องข้อหาที่พนักงานอัยการสั่งไม่ฟ้อง ดังนั้นข้อหาที่พนักงานอัยการสั่งไม่ฟ้องจึงเด็ดขาดเป็นที่สุด ไม่มีความเห็นแย้งในข้อหาที่พนักงานอัยการสั่งไม่ฟ้อง เมื่อไม่มีความเห็นแย้งคำสั่งไม่ฟ้องของพนักงานอัยการ ที่จะให้อัยการสูงสุดพิจารณา อัยการสูงสุดจึงไม่จำต้องพิจารณาว่าการคืนของกลางหรือจัดการของกลางตาม ปวอ มาตรา ๘๕ ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่อย่างไร
๙..ในส่วนความเห็นของพนักงานอัยการที่แจ้งให้พนักงานสอบสวนจัดการเกี่ยวกับรถบรรทุกและรถบรรทุกพ่วงของกลางตาม ปวอ มาตรา ๘๕นั้น เป็นเพียง “ คำแนะนำ” ให้พนักงานสอบสวนดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ที่กำหนดไว้ใน ปวอ มาตรา ๘๕ ตอนท้าย ความเห็นดังกล่าวไม่ใช่คำสั่งไม่ฟ้องที่ผู้บัญชาการศนูย์ปฏิบัติการตำรวจชายแดนภาคใต้จะใช้อำนาจตาม ปวอ มาตรา ๑๔๕/๑แย้งความเห็นและคำสั่งของพนักงานอัยการในเรื่องดังกล่าว จึงไม่มีความเห็นแย้งที่อัยการสูงสุดต้องพิจารณาเช่นกัน
๑๐. การที่พนักงานอัยการมีคำสั่งให้พนักงานสอบสวนจัดการเกี่ยวกับรถบรรทุกและรถบรรทุกพ่วงของกลางตาม ปวอ มาตรา ๘๕ นั้น เห็นว่า รถบรรทุกดังกล่าวเป็นของบริษัท ร. ผู้ให้เช่าซื้อ ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกที่ไม่ได้รู้เห็นเป็นใจในการกระทำความผิดด้วย และเมื่อทราบว่ารถยนต์บรรทุกและรถบรรทุกพ่วงของกลางถูกยึดก็ได้มาขอคืนของกลางจากพนักงานสอบสวนและให้ทนายบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อและเรียกรถบรรทุกและรถบรรทุกพ่วงของกลางคืนจากผู้เช่าซื้อพร้อมเรียกค่าเสียหาย การขอคืนรถบรรทุกรถบรรทุกพ่วงของกลางของบริษัทผู้ให้เช่าซื้อ จึงไม่ได้เป็นเพื่อประโยชน์ของผู้เช่าซื้อแต่อย่างใด จึงไม่เป็นการใช้สิทธิ์โดยไม่สุจริต ความเห็นของพนักงานอัยการชอบแล้ว ไ ม่จำต้องพิจารณาว่าการคืนของกลางหรือจัดการของกลางตาม ปวอ มาตรา ๘๕ ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่อย่างไร และไม่มีเหตุให้อัยการสูงสุดต้องวินิจฉัยในประเด็นดังกล่าวเพราะความเห็นของผู้บัญชาการศนูย์ปฏิบัติการตำรวจชายแดนภาคใต้ที่ไม่เห็นด้วยกับคำสั่งของพนักงานอัยการในเรื่องของกลาง ไม่ใช่ความเห็นแย้งคำสั่งไม่ฟ้องของพนักงานอัยการที่อัยการสูงสุดต้องชี้ขาด
๑๑.ในสมัยที่ผมรับราชการที่จังหวัดหนึ่งทางภาคอีสาน เมื่อพนักงานอัยการคืนรถของกลางที่เช่าซื้อให้แก่ผู้ให้เช่าซื้อ เพราะไม่มีหลักฐานใดสามารถยืนยันได้ว่าผู้ให้เช่าซื้อรู้เห็นยินยอมในการกระทำผิดของผู้ต้องหา ป่าไม้ไม่พอใจได้ไปปรึกษากับผู้พิพากษา ซึ่งผู้พิพากษามีคำสั่งให้ “ ริบของกลางในสำนวนการสอบสวนเสียทั้งสิ้น” คงมองอัยการในแง่ลบในการสั่งสำนวนมั้ง ทั้งที่บางเรื่องไม่มีของกลางที่จะให้ริบหรือคืน แต่ศาลไปสั่งให้“ ริบของกลางในสำนวนการสอบสวนเสียทั้งสิ้น” จึงเป็นการพิพากษาหรือมีคำสั่งเกินคำขอหรือที่ไม่ได้กล่าวไว้ในฟ้องตาม ปวอ มาตรา ๑๙๒ คำสั่งของศาลที่ให้ “ ริบของกลางในสำนวนการสอบสวนเสียทั้งสิ้น” ทั้งที่ไม่มีของกลางจะให้ริบและโจทก์ไม่ได้กล่าวหรือบรรยายไว้ในคำฟ้องหรือมีคำขอท้ายฟ้องให้ริบของกลางในสำนวนการสอบสวนเสียทั้งสิ้น จึงเป็นคำสั่งที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย พนักงานอัยการยื่นอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ศาลฏีกาแก้คำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าว
๑๒.ระเบียบการดำเนินคดีอาญาของพนักงานอัยการ ข้อ ๗๗ เมื่อมีคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องผู้ต้องหาทุกคน หรือมีกรณีมีความเห็นไม่ขอริบทรัพย์สินของกลาง เนื่องจากของกลางนั้นริบไม่ได้ตามกฎหมายหรือไม่อาจใช้เป็นพยานหลักฐานได้ และไม่มีความจำเป็นต้องยึดของกลางนั้นไว้วินิจฉัยในคดี ให้แจ้งผลเกี่ยวกับทรัพย์สินของกลางตามแบบพิมพ์อก ๔๖ เพียงว่า “ของกลางให้จัดการตามปวอ มาตรา ๘๕” เท่านั้นโดยไม่จำต้องรอถึงคดีถึงที่สุด
กรณีเสร็จคดีชั้นศาล ให้แจ้งผลเกี่ยวกับทรัพย์สินของกลางตามคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลหลังจากคดีถึงที่สุดแล้ว โดยให้แจ้งตามแบบพิมพ์ อก ๔๖ เมื่อพ้นอายุความอุทธรณ์ฏีกาแล้วแต่กรณี

ไม่มีความคิดเห็น: