ค้นหาบล็อกนี้

วันเสาร์ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2558

ยาเสพติดให้โทษ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๓๙๗๕/๒๕๔๓
ป.วิ.อ. มาตรา ๓๙(๔)
พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.๒๕๒๒มาตรา ๑๕, ๖๗
***เมทแอมเฟตามีนจำนวน ๑๗๔ เม็ด ในคดีนี้ที่ยึดได้จากกระเป๋าผ้าลักษณะคล้ายถุงย่ามที่จำเลยสะพายอยู่เป็นเมทแอมเฟตามีนที่ เจ้าพนักงานตำรวจยึดได้ในการตรวจค้นคราวเดียวกันกับเมทแอมเฟตามีน จำนวน ๕ เม็ดที่ค้นได้จากห้องของจำเลยในคดีก่อนของศาลชั้นต้น เมื่อไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าจำเลยรับเอาเมทแอมเฟตามีนจำนวน ๕ เม็ดและจำนวน ๑๗๔ เม็ด ไว้คนละคราวกัน จึงต้องถือว่าเป็นเมทแอมเฟตามีนจำนวนเดียวกันซึ่งแยกเก็บไว้ในที่ต่างกันเท่านั้น การกระทำของจำเลย ในคดีนี้กับการกระทำของจำเลยในคดีก่อนจึงเป็นการกระทำอันเป็น กรรมเดียว เมื่อศาลมีคำพิพากษาในคดีก่อนแล้ว ฟ้องโจทก์ในคดีนี้ จึงเป็นฟ้องในคดีที่ศาลได้มีคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดในความผิด ซึ่งได้ฟ้องไปแล้ว สิทธินำคดีอาญามาฟ้องของโจทก์จึงระงับไป ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๓๙(๔)
***ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ประการแรกว่า สิทธินำคดีมาฟ้องของโจทก์ระงับไปหรือไม่ เห็นว่า ตามพยานหลักฐานของโจทก์ได้ความโดยสรุปว่า ในวันเกิดเหตุเจ้าพนักงานตำรวจได้นำหมายค้นไปตรวจค้นบ้านพักจำเลย เมื่อไปถึงพบจำเลยยืนอยู่ข้างบ้าน เจ้าพนักงานตำรวจได้แสดงหมายค้นต่อจำเลยแล้วตรวจค้นตัวจำเลย ปรากฏว่าพบเมทแอมเฟตามีนบรรจุในหลอดพลาสติกหลอดละ ๑๐ เม็ด จำนวน ๑๔ หลอด หลอดละ ๙ เม็ดจำนวน ๑ หลอด และหลอดละ ๕ เม็ด จำนวน ๕ หลอด รวม ๑๗๔ เม็ด อยู่ในกระเป๋าผ้าลักษณะคล้ายถุงย่ามที่จำเลยสะพายอยู่ที่ไหล่ เจ้าพนักงานตำรวจจึงแจ้งข้อหาแก่จำเลยว่ามีเมทแอมเฟตามีนจำนวนดังกล่าวไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายจำเลยให้การรับว่ามีไว้ในครอบครองเท่านั้น นอกจากนี้เจ้าพนักงานตำรวจยังได้ตรวจค้นบ้านจำเลยต่อไปอีก และพบเมทแอมเฟตามีนจำนวน 5 เม็ด อยู่ในห้องของจำเลยโดยขณะนั้นภรรยาจำเลยก็อยู่ในห้องด้วย เจ้าพนักงานตำรวจจึงแจ้งข้อหาแก่จำเลยและภรรยาว่ามีเมทแอมเฟตามีนจำนวน ๕ เม็ดนี้ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต แล้วพนักงานสอบสวนได้แยกการดำเนินคดีแก่จำเลยออกเป็น ๒ สำนวนสำหรับคดีที่จำเลยและภรรยาต้องหาว่ามีเมทแอมเฟตามีนจำนวน ๕ เม็ด ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตนั้น ศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษาและคดีถึงที่สุดไปแล้วตามคดีอาญา หมายเลขแดงที่ ๑๗๙๕/๒๕๔๐ ของศาลชั้นต้น ส่วนเมทแอมเฟตามีนจำนวน ๑๗๔ เม็ด ซึ่งพนักงานสอบสวนได้แยกการดำเนินคดีแก่จำเลยโดยเฉพาะและโจทก์นำมาฟ้องเป็นคดีนี้ นั้น ศาลฎีกาเห็นว่า เมทแอมเฟตามีนจำนวน ๑๗๔ เม็ดดังกล่าวเป็นเมทแอมเฟตามีนที่เจ้าพนักงานตำรวจยึดได้ในการตรวจค้นคราวเดียวกันกับเมทแอมเฟตามีนจำนวน ๕ เม็ดตามคดีอาญาหมายเลขแดงที่ ๑๗๙๕/๒๕๔๐ ของศาลชั้นต้น แม้เจ้าพนักงานตำรวจตรวจค้นพบเมทแอมเฟตามีนจำนวน ๕ เม็ดที่ตู้เย็นภายในห้องของจำเลย และพบเมทแอมเฟตามีนจำนวน ๑๗๔ เม็ด ที่ตัวจำเลยนอกห้องของจำเลย แต่เมื่อไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าจำเลยรับเอาเมทแอมเฟตามีนจำนวน ๕ เม็ดและจำนวน ๑๗๔ เม็ด ไว้คนละคราวกัน จึงต้องถือว่าเป็นเมทแอมเฟตามีนจำนวนเดียวกันซึ่งแยกเก็บไว้ในที่ต่างกันเท่านั้น การกระทำของจำเลยในคดีนี้กับการกระทำของจำเลยในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ ๑๗๙๕/๒๕๔๐ ของศาลชั้นต้นจึงเป็นการกระทำอันเป็นกรรมเดียว เมื่อศาลมีคำพิพากษาในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ ๑๗๙๕/๒๕๔๐ ของศาลชั้นต้นแล้ว ฟ้องโจทก์ในคดีนี้จึงเป็นฟ้องในคดีที่ศาลได้มีคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดในความผิดซึ่งได้ฟ้องไปแล้ว สิทธินำคดีอาญามาฟ้องของโจทก์จึงระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๓๙(๔)
คำพิพากษาศาลฎีกา ที่ ๙๐๘๓/๒๕๔๗
***เมทแอมเฟตามีนจำนวน ๙๐ เม็ด เป็นเมทแอมเฟตามีนที่เจ้าพนักงานตำรวจยึดได้ในการตรวจค้นคราวเดียวกันกับเมทแอมเฟตามีนจำนวน ๒ เม็ด ตามคดีอาญาหมายเลขแดงที่ ๙๒๘/๒๕๔๑ ซึ่งศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษาและคดีถึงที่สุดไปแล้ว แม้เจ้าพนักงานตำรวจตรวจค้นพบเมทแอมเฟตามีนจำนวน ๙๐ เม็ด ที่ซุกซ่อนอยู่ในถังน้ำซึ่งใช้ใส่ถ่านหุงข้าวในครัวของบ้านพักของจำเลยทั้งสอง และพบเมทแอมเฟตามีนจำนวน ๒ เม็ด ที่ตัวจำเลยที่ ๑ แต่เมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ ๑ รับเอาเมทแอมเฟตามีนจำนวน ๙๐ เม็ดและจำนวน ๒ เม็ดไว้คนละคราวกัน จึงต้องถือว่าเป็นเมทแอมเฟตามีนจำนวนเดียวกันซึ่งแยกเก็บไว้ในที่ต่างกันเท่านั้น การกระทำของจำเลยที่ ๑ ในคดีนี้กับการกระทำของจำเลยในคดีก่อนจึงเป็นการกระทำอันเป็นกรรมเดียว เมื่อศาลมีคำพิพากษาในคดีก่อนแล้ว ฟ้องโจทก์ในคดีนี้สำหรับจำเลยที่ ๑ จึงเป็นฟ้องในคดีที่ศาลได้มีคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดในความผิดซึ่งได้ฟ้องแล้ว สิทธินำคดีอาญามาฟ้องจำเลยที่ ๑ ของโจทก์จึงระงับไปตาม ป.วิ.อ. มาตรา ๓๙(๔)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๒๑๙๒/๒๕๕๔
***เมื่อวันที่ ๑๖ ก.พ.๒๕๕๒ เวลากลางวันจำเลยร่วมกับนายวีระ มีเมทแอมเฟตามีน ๕๐ เม็ด ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย หลังจากนั้นจำเลยนำเจ้าพนักงานตำรวจไปตรวจยึดเมทแอมเฟตามีนของกลางคดีนี้ที่จำเลยมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายซึ่งซุกซ่อนไว้ที่บ้านจำเลยและริมห้วยนารางและพนักงานสอบสวนได้แยกสำนวนการสอบสวนออกเป็น ๒ สำนวน ศาลฎีกาเห็นว่าแม้เมทแอมเฟตามีน ๕๐ เม็ดที่พบที่ตัวจำเลยและ ว. กับเมทแอมเฟตามีนของกลางที่พบที่บ้านจำเลยและริมห้วยนารางจะเป็นจำนวนที่แยกต่างหากจากกันได้ก็ตาม แต่เมื่อเจ้าพนักงานตำรวจค้นพบเมทแอมเฟตามีนที่ตัวจำเลยและ ว. แล้ว จำเลยได้นำเจ้าพนักงานตำรวจไปตรวจยึดเมทแอมเฟตามีนของกลางในทันทีต่อเนื่องกัน ดังนี้ เมทแอมเฟตามีนที่พบที่ตัวจำเลยกับ ว. จึงเป็นจำนวนเดียวกับเมทแอมเฟตามีนของกลางที่จำเลยซุกซ่อนไว้ที่บ้านจำเลยและริมห้วยนาราง โดยจำเลยมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายในคราวเดียวกันเป็นแต่เพียงจำเลยแยกเอาเมทแอมเฟตามีนบางส่วนติดตัวไป ส่วนที่เหลือจำเลยซุกซ่อนไว้มิได้นำติดตัวไปเท่านั้นการกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดกรรมเดียวกัน เมื่อมีคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดในความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายตามคดีอาญาหมายเลขแดงที่ ๓๙๔/๒๕๕๒ ของศาลชั้นต้นแล้ว สิทธินำคดีอาญามาฟ้องของโจทก์ในคดีนี้จึงระงับไปตาม ป.วิ.อ. มาตรา ๓๙(๔)

ไม่มีความคิดเห็น: