ค้นหาบล็อกนี้

วันพุธที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

เขตอำนาจการสอบสวน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4337/2554 
พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการสูงสุด โจทก์ นายสมชาย แซ่เล่า จำเลย 
ป.วิ.อ. มาตรา 19, 24 (1), 120 เจ้าพนักงานตำรวจสถานีตำรวจนครบาลบางเขน       จับกุม ว. ได้พร้อมเมทแอมเฟตามีนจำนวนหนึ่งเป็นของกลาง จึงได้วางแผนให้ ว. โทรศัพท์สั่งซื้อเมทแอมเฟตามีนของกลางจากจำเลยและ ป. อีก จนจับกุมจำเลยและ ป. ได้ในท้องที่สถานีตำรวจนครบาลบางซื่อ     กรณีจึงเป็นความผิดต่อเนื่องและกระทำต่อเนื่องเกี่ยวพันกันทั้งในท้องที่สถานีตำรวจนครบาลบางเขน            ซึ่งเป็นท้องที่ที่ ว. โทรศัพท์ล่อซื้อ และสถานีตำรวจนครบาลบางซื่อ ซึ่งเป็นท้องที่ที่จับกุมจำเลยและ ป.    พนักงานสอบสวนท้องที่หนึ่งท้องที่ใดที่เกี่ยวข้องจึงมีอำนาจสอบสวน ดังนั้น พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลบางเขนจึงมีอำนาจสอบสวนได้โดยชอบตาม ป.วิ.อ. มาตรา 19 วรรคหนึ่ง (3)          การสอบสวนจึงเป็นไปโดยชอบ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องตาม ป.วิ.อ. มาตรา 120          โจทก์ฟ้อง ขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 66, 102 ริบของกลาง            จำเลยให้การปฏิเสธ ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกตลอดชีวิต และปรับ 1,500,000 บาท    จำเลยให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวน เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสาม   ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบมาตรา 53      คงจำคุก 33 ปี 4 เดือนและปรับ 1,000,000 บาท ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 ริบเมทแอมเฟตามีน โทรศัพท์เคลื่อนที่ และรองเท้าแตะของกลาง 
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน 
จำเลยฎีกา  ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยกระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่ โจทก์มีประจักษ์พยานมาสืบ 2 ปาก คือร้อยตำรวจเอกจักรวิน และจ่าสิบตำรวจกิติวร ซึ่งเป็นผู้จับกุมตัวจำเลยและนายวังเปา เบิกความยืนยันว่า เมื่อถึงเวลานัดจำเลยเดินถือกล่องกระดาษ 1 กล่อง เข้าไปโทรศัพท์ที่ตู้โทรศัพท์สาธารณะ        สักครู่นายวังเปาก็เดินเข้าไปหาจำเลยตู้โทรศัพท์และช่วยกันยกกล่องกระดาษดังกล่าว  พยานทั้งสองกับพวกจึงเข้าจับกุมจำเลยและนายวังเปา จากการตรวจค้นกล่องกระดาษพบรองเท้าแตะพื้นหนาประมาณ 1 นิ้ว  จำนวน 22 ข้าง มีเมทแอมเฟตามีนซุกซ่อนอยู่ใต้พื้นรองเท้าจำนวน 20 ข้าง ข้างละ 5 ถุง ถุงละ 200 เม็ด นอกจากนี้ยังพบโทรศัพท์เคลื่อนที่ จำนวน 1 เครื่อง ที่ตัวนายวังเปา และบัตรโดยสารรถประจำทางจำนวน 2 ฉบับ  ที่จำเลยและนายวังเปา ใช้เดินทางจากจังหวัดเชียงราย จึงยึดเป็นของกลาง   ทั้งพยานโจทก์ดังกล่าวก็เบิกความได้สอดคล้องต้องกันในข้อสาระสำคัญและมีเหตุผลติดต่อเชื่อมโยงกันมาเป็นลำดับ        มีน้ำหนักน่าเชื่อถือ ที่จำเลยให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมก็มีเหตุผลน่าเชื่อว่าเป็นเพราะจำเลยถูกจับกุมโดยกะทันหันพร้อมด้วยเมทแอมเฟตามีนของกลางจำนวนถึง 20,000 เม็ด  โดยเมทแอมเฟตามีนดังกล่าวซุกซ่อนอยู่ใต้พื้นรองเท้าจำนวน 20 ข้าง ข้างละ 5 ถุง ถุงละ 200 เม็ด  เป็นหลักฐานยืนยันความผิดของจำเลย   จำเลยยังไม่มีโอกาสหาข้อแก้ตัวได้ทันในขณะนั้น จึงต้องให้การรับสารภาพไปตามความสัตย์จริง       นอกจากนี้ข้อเท็จจริงยังรับฟังได้อีกว่า    คดีนี้มีการวางแผนให้นายวิเชียร  โทรศัพท์ไปสั่งซื้อเมทแอมเฟตามีนจากนายวังเปา จนกระทั่งมีการจับกุมนายวังเปาและจำเลยได้       เหตุที่มีการจับกุมครั้งนี้ก็เนื่องมาจากการสืบสวนขยายผลในคดีที่จับกุมนายวิเชียรได้พร้อมเมทแอมเฟตามีนจำนวน 400 เม็ด ซึ่งนายวิเชียรให้การซัดทอดว่าได้ซื้อเมทแอมเฟตามีนจากนายวังเปา        จำเลยเดินทางออกจากจังหวัดเชียงรายโดยรถโดยสารของบริษัท บ.ข.ส. จำกัด เมื่อเวลา 16 นาฬิกา  ส่วนนายวังเปาเดินทางออกจากจังหวัดเชียงรายโดยรถโดยสารของบริษัทสมบัติทัวร์ จำกัด เมื่อเวลา 17 นาฬิกา เป็นเวลาใกล้เคียงกัน     เมื่อมาถึงสถานีขนส่งผู้โดยสารหมอชิตกรุงเทพมหานครแล้ว ร้อยตำรวจเอกจักรวิน และจ่าสิบตำรวจกิติวร  ยืนยันว่าเห็นจำเลยโทรศัพท์และนายวังเปาเดินไปพบจำเลยที่ตู้โทรศัพท์สาธารณะ       ทำให้จับกุมจำเลยและนายวังเปาได้พร้อมกัน ประกอบกับชั้นสอบสวนจำเลยก็ยังคงให้การรับสารภาพว่า นายวังเปาว่าจ้างให้จำเลยขนเมทแอมเฟตามีนของกลางมาส่งให้ลูกค้าของนายวังเปา ที่กรุงเทพมหานคร   โดยได้ค่าจ้างจำนวน 6,000 บาท ตามบันทึกการจับกุม บันทึกรับสารภาพและบันทึกคำให้การของผู้ต้องหา  ที่จำเลยนำสืบอ้างว่า จำเลยนั่งรถโดยสารประจำทางจากจังหวัดเชียงรายเพื่อมาเยี่ยมบุตรสาว เมื่อมาถึงได้โทรศัพท์เพื่อนัดให้บุตรสาวมารับ ขณะที่นั่งรอบุตรสาวก็ถูกเจ้าพนักงานตำรวจจับกุมนั้น เป็นเพียงข้อกล่าวอ้างลอยๆ ไม่ได้นำบุตรสาวมาเป็นพยานหรือมีพยานหลักฐานอื่นใดมาสนันสนุน จึงไม่มีน้ำหนักให้รับฟังหักล้างพยานหลักฐานโจทก์ได้ พฤติการณ์รับฟังได้ว่า           เมทแอมเฟตามีนของกลางเป็นเมทแอมเฟตามีนที่จำเลยมีไว้ในครอบครองเพื่อจะนำมาจำหน่ายให้แก่นายวิเชียร ตามที่โจทก์นำสืบนั่นเอง   จำเลยจึงมีความผิดตามฟ้อง          ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาต้องกันมาให้ลงโทษจำเลยนั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้น ที่จำเลยฎีกาอีกประการหนึ่งว่า จำเลยถูกจับในเขตสถานีตำรวจนครบาลบางซื่อ พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลบางเขนไม่มีอำนาจสอบสวน การสอบสวนจึงไม่ชอบ และโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องนั้น    เห็นว่า ดังได้วินิจฉัยแล้วว่าข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า คดีนี้ได้พบการกระทำความผิดของนายวิเชียรก่อน จึงมีการขยายผลสืบสวนและมีการวางแผนให้นายวิเชียร โทรศัพท์ไปสั่งซื้อเมทแอมเฟตามีนจากนายวังเปาอีก      จนกระทั่งมีการจับกุมนายวังเปา และจำเลยได้ในเวลาต่อเนื่องกัน เหตุจับกุมครั้งนี้ก็เนื่องมาจากการสืบสวนขยายผลในคดีที่จับกุมนายวิเชียรได้พร้อมเมทแอมเฟตามีนจำนวน 400 เม็ด      ซึ่งนายวิเชียรให้การซัดทอดว่าได้ซื้อเมทแอมเฟตามีนมาจากนายวังเปา   กรณีจึงเป็นความผิดต่อเนื่องและกระทำต่อเนื่องเกี่ยวพันกัน ทั้งในท้องที่สถานีตำรวจนครบาลบางเขน ซึ่งเป็นท้องที่โทรศัพท์ติดต่อล่อซื้อ และสถานีตำรวจนครบาลบางซื่อซึ่งเป็นท้องที่ที่จับกุมจำเลยกับพวกได้  พนักงานสอบสวนในท้องที่หนึ่งท้องที่ใดที่เกี่ยวข้องมีอำนาจสอบสวนได้ ดังนั้น พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลบางเขน           จึงมีอำนาจสอบสวนได้โดยชอบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 19 (3) การสอบสวนเป็นไปโดยชอบ โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 120 ฎีกาของจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้นเช่นกัน อนึ่ง ศาลชั้นต้นลงโทษปรับจำเลย โดยกำหนดว่าหากไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 แต่มิได้ระบุให้กักขังเกิน 1 ปีหรือไม่ มีกำหนดเท่าใด และศาลอุทธรณ์มิได้แก้ไขในส่วนนี้    เช่นนี้ จะกักขังแทนค่าปรับเกินกำหนด 1 ปี ไม่ได้  ศาลฎีกามีอำนาจแก้ไขเสียให้ถูกต้อง พิพากษายืน หากจำเลยไม่ชำระค่าปรับให้กักขังแทนไม่เกิน 1 ปี 

วันศุกร์ที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557